ตอนที่ 260 ปฏิเสธการแต่งงาน

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 260 ปฏิเสธการแต่งงาน

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานขึ้นมาอย่างกะทันหัน หากเป็นแต่ก่อน เซียวฮูหยินย่อมต้องรับปากด้วยความดีใจ

เวลานี้…

นางลังเลขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

นางเขียนจดหมายติดต่อกับตระกูลเซิ่น เหมือนกับที่บุตรสาวคนรอง เยียนอวิ๋นฉีคาดเดา ทางตระกูลเซิ่นรับรู้สถานการณ์ของอวิ๋นเกอมาก่อนแล้ว พวกเขาไม่พึงพอใจอวิ๋นเกอนัก

ถึงแม้ตระกูลเซิ่นจะตกต่ำแล้ว แต่ด้านการแต่งลูกสะใภ้นี้ พวกเขายังคงยืนหยัดในหลักการอย่างมาก

พวกเขาต้องการให้เซิ่นซูเหวินแต่งงานกับภรรยาที่มีคุณธรรมและสามารถดูแลครอบครัวได้

หากแต่ไม่ใช่คนที่แข็งกร้าว อีกทั้งยังก่อปัญหาอย่างเยียนอวิ๋นเกอ

พวกเขารับไม่ไหว

แน่นอน เพื่อรักษาความเป็นญาติของทั้งสองตระกูล ตระกูลเซิ่นปฏิเสธอย่างสุภาพ โดยหลักแล้วตำหนิความสามารถที่ไม่เพียงพอของเซิ่นซูเหวิน ไม่คู่ควรกับเยียนอวิ๋นเกอ

เซียวฮูหยินมีหัวใจพิสุทธิ์เจ็ดห้อง นางย่อมรู้ความหมายของตระกูลเซิ่น

การปรองดองเป็นการสานสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองตระกูล

หากผู้ใหญ่ในตระกูลของอีกฝ่ายไม่ยินดี นางย่อมไม่มีทางแต่งบุตสาวไปให้ลำบาก

บุตรสาว เยียนอวิ๋นเกอไม่เลว ไม่จำเป็นต้องขอร้องผู้ใด

นางกระแอมไอเสียงเบา พลันถามเซิ่นซูเหวิน “ระยะนี้เจ้าได้ติดต่อกับตระกูลบ้างหรือไม่ เจ้าอยากแต่งงาน ตระกูลของเจ้ามีความคิดอย่างไร”

เซิ่นซูเหวินโน้มตัวเล็กน้อย “รายงานท่านป้า ในตระกูลก็หวังให้ข้าหมั้นหมายในเร็ววัน รอเพียงท่านป้าพยักหน้า ข้าจะหารือกับตระกูล เมื่อถึงเวลานั้นท่านพ่อกับท่านแม่ย่อมจะเดินทางมาสู่ขอที่เมืองหลวง”

อ้อ!

เซียวฮูหยินไม่ปฏิเสธ

นางเรียกให้เซิ่นซูเหวินดื่มชา จากนั้นพูดขึ้นอย่างช้าๆ “เจ้าเพิ่งได้รับการแนะนำจากผู้มีพระคุณในการเริ่มต้นเส้นทางรับราชการ ข้าแนะนำเจ้าว่าเวลานี้เจ้าควรจดจ่อกับการทำงาน เรื่องคู่ครองย่อมมีบิดาและมารดาของเจ้าดูแล พวกเขาย่อมจะเลือกคู่หมั้นที่ดีให้แก่เจ้า”

เซิ่นซูเหวินไม่ใช่คนโง่

ทางกลับกัน เขาฉลาดกว่าคนจำนวนมาก

เขารับรู้ถึงความผิดปกติจากน้ำเสียงของท่านป้า

เขามีความสงสัยจึงเอ่ยถาม “เพราะข้าทำตัวไม่ดี ทำให้ท่านป้าไม่พอใจหรือ”

“ไม่ใช่! ข้าพอใจเจ้าอย่างมากเสมอ”

“เพราะเหตุใด…ท่านป้าจึงราวกับเปลี่ยนความคิด” เขาถามอย่างระมัดระวัง

เซียวฮูหยินยกแก้วชาขึ้นปิดบังสีหน้ากระอักกระอ่วน

คู่สนทนาสัมผัสว่องไวเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี

นางครุ่นคิดอยู่ครึ่งวัน ไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร

หากต่อว่าบิดามารดาของเซิ่นซูเหวินต่อหน้าเขาจะไม่เหมาะสม

เซิ่นซูเหวินเห็นความกระอักกระอ่วนของนาง “ไม่ว่าสาเหตุใด ท่านป้าก็สามารถบอกข้าได้ ข้ารับได้ ข้าแค่อยากรู้สาเหตุที่แท้จริง”

เหตุใดก่อนหน้านี้เจรจากันดิบดี สุดท้ายจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง

เขาต้องการคำตอบ

เซียวฮูหยินกระแอมไอเสียงเบา “ซูเหวิน เจ้าเคยถามความเห็นของบิดาและมารดาของเจ้าจริงหรือ พวกเขายอมให้เจ้าแต่งงานกับอวิ๋นเกอ?”

เซิ่นซูเหวินกระจ่างทันที

“ท่านป้าส่งจดหมายไปหาท่านพ่อท่านแม่ข้า พวกเขาไม่เห็นด้วย ใช่หรือไม่”

เซียวฮูหยินพยักหน้าอย่างไร้เสียง

ลังเลอยู่สักพัก นางจึงพูดขึ้น “อวิ๋นเกอเป็นบุตรคนเล็กสุดของข้า นางน่าเป็นห่วงตั้งแต่เด็ก นิสัยของนางก็แตกต่างจากกุลสตรีทั่วไป ข้าไม่อยากให้นางได้รับความไม่เป็นธรรม เรื่องหมั้นหมาย ย่อมให้ความสำคัญกับคำสั่งของบิดามารดา คำมั่นสัญญาของแม่สื่อ หากไม่ได้รับการอนุญาตจากบิดามารดา เรื่องการหมั้นหมายก็ไม่อาจเจรจาได้ ข้าไตร่ตรองไม่รอบคอบตั้งแต่แรก ข้าควรขอความเห็นจากคนในตระกูลของเจ้าเสียก่อน จากนั้นจึงจะเอ่ยเรื่องนี้กับเจ้า เฮ้อ โทษข้า”

“ท่านป้าอย่าได้พูดเช่นนี้ ข้าเองที่คิดง่ายเกินไป ไม่ได้สื่อสารกับท่านพ่อและท่านแม่ก่อน จึงได้มีความเข้าใจผิดในวันนี้ ล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ได้เตรียมตัวให้ดี ท่านป้าถือว่าไม่มีเรื่องนี้ ถือว่าข้าแค่มาบอกลา”

“เจ้าไม่น้อยใจก็พอ วันนี้เจ้าอยู่ทานอาหารด้วยกันก่อน อวิ๋นเกอออกไปตกปลาด้านนอก ดูจากเวลาก็คงกลับมาแล้ว วันนี้เจ้ามีลาภปาก ได้กินอาหารที่อวิ๋นเกอลงมือทำเอง”

เซิ่นซูเหวินยิ้ม แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าไม่อยู่ทานอาหารแล้ว ข้ายังมีนัดกับสหายของข้า ไม่อาจผิดนัดได้ หวังว่าท่านป้าจะให้อภัย”

เซียวฮูหยินถอนหายใจ “เอาเถิด! ข้าไม่รั้งเจ้าเอาไว้ สิ่งจำเป็นเมื่ออกจากเมืองหลวงเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่ เอาอย่างนี้ ข้าให้คนเตรียมสัมภาระให้เจ้า อย่าได้ปฏิเสธ มันเป็นน้ำใจของข้า หวังว่าเจ้าจะมีผลงานในเส้นทางราชการ มีอนาคตยาวไกล ขอให้เจ้ารับเอาไว้”

“ขอบพระคุณท่านป้าที่ดูแลข้ามาตลอดหลายปี! หากภายภาคหน้าข้ามีกำลัง ย่อมจะตอบแทน”

“ตอบแทนหรือไม่ ค่อยว่ากันในภายหลัง เจ้าอยู่ด้านนอกต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้ตระหนี่ในการใช้เงิน นอกจากนี้ข้างกายเจ้าไม่มีองครักษ์คุ้มครอง ข้าไม่วางใจ ข้าจะมอบองครักษ์เอาไว้ปรนนิบัติข้างกายเจ้า”

“ขอบพระคุณเจตนาดีของท่านป้า! ข้าไม่ต้องใช้องครักษ์ ทางผู้มีพระคุณมีเตรียมการไว้อยู่แล้ว”

“โอ๊ะ?”

เซียวฮูหยินผิดหวังอย่างไร้เหตุผล

นางหัวเราะเยาะ “ในเมื่อมีคนเตรียมเอาไว้ให้เจ้าแล้ว ข้าก็ไม่ต้องยุ่ง มีสิ่งใดที่ต้องการ เจ้าบอกข้ามาได้เลย”

“ขอบพระคุณท่านป้า! ข้าคำนึงไม่รอบคอบเอง ขอท่านป้าโปรดอภัย”

“อย่าห่างเหินเพียงนั้น รอเจ้ากลับมาเมืองหลวง ข้าจะจัดเลี้ยงต้อนรับเจ้า”

หลังจากส่งเซิ่นซูเหวินจากไป เซียวฮูหยินก็รู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย

“รายงานท่านหญิง คุณหนูสี่กลับมาสักพักแล้ว บอกว่ากลับห้องไปพักผ่อน”

เซียวฮูหยินนวดหัวคิ้ว “ไปเรียกนางมา เอ๊ะ วันนี้นางไม่ได้เข้าครัวหรือ”

“ไม่เจ้าค่ะ! คุณหนูสี่ทิ้งปลาที่ตกได้ไว้ที่ห้องครัว ให้แม่ครัวทำอาหาร ไม่ได้ทำอย่างอื่นเจ้าค่ะ”

“วันนี้นางเรียนรู้ที่จะขี้เกียจเสียแล้ว เรียกนางมาก่อน”

“เจ้าค่ะ!”

สาวรับใช้รับคำสั่งจากไป

แม่นมคนสนิทนวดไหล่ไหล่ให้นาง แรงกำลังพอดี ทำให้เซียวฮูหยินสบายตัวอย่างมาก

“ท่านหญิงกำลังกังวลว่านายน้อยเซิ่นจะเคียดแค้นหรือเจ้าคะ”

เซียวฮูหยินส่ายหน้า “เขาไม่ได้โกรธแค้น แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีอารมณ์ขุ่นเคืองภายในใจ ข้าเองก็ไตร่ตรองไม่รอบคอบ รีบร้อนในการเอ่ยถึงงานหมั้นนี้แก่เขา แต่กลับลืมว่าควขอความเห็นจากบิดาและมารดาของเขาก่อน

ข้าคิดไปเองว่าทุกคนจะโปรดปรานบุตรสาวของข้า เพียงแค่เซิ่นซูเหวินเห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้ บิดาและมารดาของเขาก็จะไม่คัดค้าน แต่ข้ากลับลืมไปว่า ถึงแม้ตระกูลเซิ่นจะตกต่ำ แต่ประเพณียังอยู่ พวกเขาย่อมมีเงื่อนไขที่แตกต่างสำหรับลูกสะใภ้ เฮ้อ ข้าคิดไปเอง”

“ท่านหญิงอย่าได้พูดเช่นนี้เด็ดขาด ตระกูลเซิ่นต่างหากที่ไร้วาสนา พวกเขารู้แค่เพียงรังเกียจนิสัยของคุณหนูสี่ แต่ไม่ดูว่าคุณหนูสี่มีความสามารถเพียงใหญ่ คนเดียวสามารถสร้างกิจการใหญ่โตได้ สตรีตระกูลใดจะเทียบคุณหนูสี่ได้”

เซียวฮูหยินหัวเราะขึ้นมา “แม้จะพูดเช่นนี้ก็ตาม แต่ว่าตระกูลเซิ่นยังไม่ได้ยากจนจนถึงกับต้องการให้ลูกสะใภ้เลี้ยงตระกูล พวกเขาย่อมไม่อยากได้กิจการภายใต้นามของอวิ๋นเกอเพียงนั้น อีกอย่าง พวกเขาก็กังวลที่อวิ๋นเกอมีความสามารถเกินไป เมื่อแต่งเข้าประตูไปแล้วจะทำให้ตระกูลไม่สงบ ความกังวลของพวกเขา ข้าเข้าใจได้ เพียงแต่เสียดาย ซูเหวินเป็นเด็กที่ดีเสียจริง เฮ้อ…”

เซียวฮูหยินเสียดายอย่างมากที่เซิ่นซูเหวินเป็นบุตรเขยของตนเองไม่ได้

แม่นมคนสนิทพูด “ท่านหญิงไม่ต้องถอนหายใจ ภายภาคหน้าย่อมสามารถหาบุรุษที่ดีกว่านายน้อยเซิ่นร้อยเท่า บุตรชายคนโตบ้านสามตระกูลขุยที่หลิงฉางจื้อเอ่ยถึงคราวก่อน ไม่รู้ท่านหญิงคิดเห็นว่าอย่างไร”

เซียวฮูหยินลังเลเล็กน้อย “สถานการณ์ของตระกูลชุยซับซ้อนและวุ่นวายเกินไป แต่ละบ้านแย่งชิงกันดุเดือนอย่างมาก”

แม่นมคนสนิทถาม “ท่านหญิงกำลังกังวลว่าคุณหนูสี่แต่งเข้าไปจะได้รับความไม่เป็นธรรม สู้สะใภ้คนอื่นไม่ได้?”

เซียวฮูหยินพยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้า “มันเป็นเพียงสาเหตุหนึ่ง อีกอย่างคือบุตรชายคนโตของบ้านสามตระกูลชุยเป็นผู้มีความสามารก็จริง แต่ข้าได้ยินว่าเขามีอนุภรรยาเจ็ดแปดคน ยังไม่มีภรรยาเอกก็มีอนุภรรยาก่อน เจ้าคิดว่าตามนิสียของอวิ๋นเกอ นางจะรับเรื่องแบบนี้ได้หรือ”

แม่นมคนสนิทส่ายหน้าระรัว “คุณหนูสี่ย่อมรับไม่ได้ หากแต่งเข้าไปจริง วันที่สองหลังจากพิธีแต่งงาน นางย่อมจะตีอนุภรรยาเหล่านั้นสักรอบ หรือไม่ก็ตีจนบุตรชายคนโตของบ้านสามตระกูลชุยลงจากเตียงไม่ได้”

คำพูดนี้ทำให้เซียวฮูหยินไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

นางไม่รู้ว่าควรดีใจที่บุตรสาวแข็งแกร่ง ไม่มีทางถูกรังแก หรือควรกลุ้มใจที่บุตรสาวแข็งแกร่งเกินไปจนแต่งงานกับตระกูลที่ดีไม่ได้

นางเตือนแม่นมสนิท “อย่าได้พูดเช่นนี้อีก หากกระจายออกไป เรื่องคู่ครองของอวิ๋นเกอคงจะยิ่งยาก”

“ท่านหญิงกังวลได้ถูกต้อง หากเป็นเช่นนี้ คู่ครองที่หลิงฉางจื้อแนะนำก็ไม่เหมาะสม”

“เพราะว่าเขาไม่รู้จักอวิ๋นเกอ เขาคิดว่าอวิ๋นเกอไม่สนใจอนุภรรยาเหล่านั้น หารู้ไม่ว่า คนอย่างอวิ๋นเกอเด็ดขาดที่สุด เพียงแค่เป็นของของนาง ไม่ว่าจะคนหรือสิ่งของ ไม่ได้รับการอนุญาตของนาง ผู้อื่นก็แตะต้องไม่ได้”

“ท่านหญิงพูดถูกต้อง”

เยียนอวิ๋นเกอที่มีนิสัยเด็ดขาดมาถึงห้องโถงด้วยท่าท่งดีใจ

“ท่านแม่เรียกหาข้า พี่เซิ่นล่ะ ไม่ได้บอกว่าเขามาหรือ”

“คนไปแล้ว เขายุ่ง ไม่อยู่ทานอาหาร เขาได้รับการแนะนำจากผู้มีพระคุณ ประสบความสำเร็จในการรับราชการ อีกไม่กี่วันก็ต้องออกไปทำงานนอกเมืองหลวง จึงตั้งใจมาบอกลา”

เยียนอวิ๋นเกอประหลาดใจเล็กน้อย “ข้ายังไม่ได้ยินดีกับเขา เขาก็ไปแล้วหรือ! รีบร้อนเพียงนี้เชียว”

เซียวฮูหยินอ้าปาก ครุ่นคิดพลันพูด “เพราะว่าข้าปฏิเสธงานหมั้นของพวกเจ้า เขาจึงได้จากไปอย่างรีบร้อนเพียงนี้”

ถูกปฏิเสธแล้ว อีกทั้งยังเพราะบิดาและมารดาของตนเอง

หากอยู่ต่อ มีแต่จะยิ่งกระอักกระอ่วน

เซียวฮูหยินสามารถเข้าใจอารมณ์ของเซิ่นซูเหวินได้ ดังนั้นจึงไม่ได้รั้งเขาเอาไว้

เอ๊ะ?

เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าดีใจ “ในที่สุดท่านแม่ก็คิดได้แล้วหรือ ไม่จับคู่ให้ข้ากับเขาแล้ว ขอบคุณฟ้าดิน”

เซียวฮูหยินตำหนิ “เจ้ายังขอบคุณฟ้าดิน เจ้าไม่ลองคิดดูว่าเจ้าเองก็ไม่เด็กแล้ว เรื่องคู่หมั้นก็ยังไม่ลงตัว ต่อจากนี้จะทำอย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอพูด “ไม่มีคู่ครองก็ไม่มีคู่ครอง ข้าไม่สนใจ”

“แต่ข้าสนใจ!”

เยียนอวิ๋นเกอแลบลิ้น “อ้า ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมกำชับเรื่องสำคัญกับแม่ครัว ท่านแม่ ข้าไปห้องครัวก่อน เดี๋ยวค่อยมาฟังคำสอนของท่าน”

นางหาข้ออ้างหลบหนีออกมาอย่างราบรื่น

เซียวฮูหยินจะรั้งก็รั้งไม่อยู่ นางไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้

“เด็กคนนี้ เมื่อเอ่ยถึงเรื่องงานแต่งของนาง ไม่หลบก็บอกไม่อยากแต่ง หมดหนทางกับนางเอาเสียจริง”

——————-