บทที่ 204 มหาสมุทรคือ… 4 (2)

คาร์ลกําลังนึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่นักล่ามังกรได้ครอบครองเอาไว้

หนึ่งคือดาบแห่งหายนะ สองคือพลังในการควบคุมไวย์เวิร์น

นอกจากนี้เขายังนึกถึงสิ่งที่ต้นไม้โลกบอกเอาไว้

“บุคคลที่สามารถรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณไว้ในครอบครองได้ถึง3อย่าง”

นักล่ามังกรได้ยินเสียงคาร์ลดังขึ้น

“ทําไมเจ้าไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างสุดท้ายล่ะ?..เจ้ายังมีพลังอีกอย่างไม่ใช่รึ?”

ความกลัวจู่โจมเข้าจับหัวใจของนักล่ามังกรทันที

“…เขารู้มากแค่ไหน”

ร่างของนักล่ามังกรกระตุกแรงขึ้นด้วยเหตุผลอื่น เขาคิดว่าอัศวินผู้พิทักษ์โคลเปย์ได้คายความ ลับต่างๆให้กับชายตรงหน้ารู้แต่ความจริงที่ว่าเขาครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณถึงสามอย่างนั้น มีเพียงแค่ตัวเขาและชายตรงหน้าเท่านั้นที่รู้

“เขารู้ได้อย่างไร

ใบหน้าที่ถูกเผาไหม้จนเกรียมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่เขามอง เห็นมีเพียงใบหน้าของคาร์ลที่กําลังส่งยิ้มให้เขาอยู่

“เร็วเข้าสิแสดงให้ข้าดู”

คาร์ลเอ่ยเย้าขึ้นมา

“ถ้าเจ้ามีได้ข้าก็มีได้เช่นกัน”

เนื่องจากตาของนักล่ามังกรยังคงทํางานได้ตามปกติทําให้เขามองเห็นการแสดงออกของคาร์ล ได้อย่างชัดเจน เขาตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ

“เป็นไปได้ยังไง”

แผลจากฟ้าผ่าทําให้ปากของเขาฉีกและมีเลือดออกมาทุกครั้งที่เขาเปิดปากพูด อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถหุบปากของตัวเองได้เช่นกัน เขารู้สึกว่ามีบางอย่างกําลังกดดันเขาอยู่ มันเป็นออร่า อันแข็งแกร่งของคนที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้คนที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักล่ามังกรอย่างเต็มตัวย่อมตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของออร่านี้ได้

รังสีเหนืออํานาจ!

พลังอันไร้ประโยชน์ที่เปี่ยมไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมอย่างไรก็ตามพลังนี้กําลังทําให้เขาหายใจลํา บาก ร่างกายที่ดิ้นทุรนทุรายบนพื้นเรือไม่สามารถรับมือกับอาการปราสาทหลอนที่จู่โจมไปทั่วร่าง

* ข้าไม่สามารถทําอะไรได้เลย

นั่นคือความคิดที่ผุดขึ้นในใจของเขา

ชายตรงหน้ามีรังสีเหนืออํานาจไว้ในครอบครองนอกจากนี้ยังมีพลังในการฟื้นฟูและพลังศักดิ์สิ ทธิ์โบราณที่มีองค์ประกอบที่แตกต่างกันถึงห้าธาตุนี่คือคนที่ปฏิเสธความจริงที่ว่าร่างกายของตน มีฐานรองรับที่อ่อนแอเขาสามารถทําลายกฎเหล่านี้ด้วยบทพิสูจน์ในการครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์ โบราณมากกว่าหนึ่งอย่างอย่างไรก็ตามนักล่ามังกรรู้ว่ามีโอกาสเป็นไปได้เพราะเขาก็เป็นคนหนึ่งที่สามารถเอาชนะขีดจํากัดของมนุษย์เช่นกัน

ข้อยกเว้นของกฎแห่งธรรมชาติมักมีปรากฏให้เห็นอยู่เสมอเพียงแต่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าข้อยกเว้นเหล่านั้นมีอะไรบ้างและสามารถทําอะไรได้บ้างนักล่ามังกรต้องการแบ่งปันข้อมูลนี้ให้กับอาร์มอย่างไรก็ตามความคิดนี้เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อมีอย่างอื่นแทรกเข้ามา

“ข้าจะสามารถเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?

เจ้าบ้าคาร์ล เฮนิตัส คนผู้นี้ซ่อนพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เขามีทั้งหมดไม่ให้คนอื่นรู้และแกล้งทํา ตัวเป็นคนดีมีคุณธรรมและเป็นเพียงขุนนางธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นความจริงที่ว่าเขาซ่อนความสามารถของตนเอาไว้และสามารถซุ่มโจมตีได้รุนแรงเช่นนี้ทําให้เขาอดกังวลไม่ได้ เขาจะสามารถรอดเงื้อมมือของคนผู้นี้ได้จริงๆงั้นหรือ?

เนื่องจากนักล่ามังกรเป็นคนฉลาดและค่อนข้างไวกับการกระทําอันเลวร้ายที่คนอื่นๆหรือแม้แต่ตัวเขาก่อขึ้นมาได้เขาจึงสามารถระบุบุคลิกของคาร์ลได้อย่างรวดเร็ว

“ข้าถูกหลอกแล้ว”

เขาถูกคาร์ลหลอกเข้าจังๆ เขาไม่รู้ว่าตัวเองโดนหลอกได้อย่างไรแต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างผิดพลาดไปหมดเพราะโดนไอ้สารเลวคนนี้หลอก

“ข้าข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง!”

“มันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเจ้า!.ถ้าเจ้ามีรังสีเหนืออํานาจอยู่กับตัวมงกุฏจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเจ้า!เจ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับมงกุฏดื่มเลือดมังกรใช่มั้ย? ข้าจะเอามันมาให้เจ้าข้าจะบอกความลับทั้งหมดของอาร์มให้เจ้าฟังด้วย! ข้าสาบาน!”

เขาลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะเมื่อตะโกนออกมาอย่างรีบร้อน ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบรับของคาร์ลกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกไป

ทันใดนั้นเอง

“ไม่ว่าเจ้าจะพูดหรือไม่…”

คาร์ลค่อยๆล้วงเอามงกุฎออกจากกระเป๋าเวทย์ของตน ไม่ว่านักล่ามังกรจะพูดอะไรออกมาหรือไม่

“ข้าจะเป็นคนตัดสินใจเอง”

ดวงตาของนักล่ามังกรเบิกกว้างเมื่อมองเห็นมงกุฏที่คาร์ลเพิ่งล้วงออกมา เขาตกใจจนใบหน้าซีดเผือดจิตใจของเขาเริ่มขาวโพลนเพราะความกลัวที่ยึดครองไปทั่วร่าง

“เขาเลวร้ายยิ่งกว่าหมอนั่นเสียอีก!”

เจ้าของดาวสีขาวที่เขามีโอกาสพบเพียงครั้งเดียวแต่คาร์ลกลับเลวร้ายยิ่งกว่าหมอนั่นเสียอีกทําไมกัน?

“ไซเร็ม.เจ้าเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหัวหน้าองค์กรใช่หรือไม่?”

เจ้าบ้านั่นไม่รู้ถึงการดํารงอยู่ของคาร์ลแต่คาร์ลกับรู้เกี่ยวกับหมอนั่น! ความแตกต่างนี้ช่างใหญ่หลวงยิ่งนัก

นักล่ามังกรพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว คาร์ลรู้แม้กระทั่งชื่อของเขาทั้งๆที่เขาไม่เคยเปิดเผยชื่อของตนมาก่อน

“เขา…เขาสวมหน้ากาก! ข้าก็เลยไม่รู้ใบหน้าของเจ้านั่นแต่ข้าเคยเห็นเขามาก่อนจริงๆ!”

“ร่างกายของเจ้าตอนนี้คงอ่อนแอเกินกว่าจะแสดงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างสุดท้ายออกมาสินะ?”

“ถูก.ถูกต้อง! แต่ข้าจะแสดงให้เจ้าดูหากเจ้าต้องการ!”

ไซเริ่มพูดด้วยความใจขึ้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้กําลังไปได้ดีอย่างไรก็ตามใบหน้าของเขาถูกไหม้เกือบหมดทําให้รอยยิ้มของเขาแทบจะมองไม่เห็น

อ้ากกกกกกกกก!!

บั้งงงงงงงงงงง!!!

เสียงกรีดร้องและเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่ามันไม่มีเสียงฝ่ายอาณาจักรโรมันแม้แต่น้อย เสียงที่ดังอยู่ในขณะนี้มีเพียงเสียงกรีดร้องของฝ่ายพันธมิตรไร้พ่ายและเสียงเรือที่เริ่มพังลงเท่านั้น

สายตาที่ไซเริ่มมองไปที่คาร์ลเริ่มปรากฏร่องรอยของความสิ้นหวัง ก่อนที่คาร์ลจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น

“ข้าไม่ต้องการ”

“อะไรนะ?”

“ข้าไม่ต้องการเห็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณของเจ้า”

คาร์ลละสายตาออกจากไซเร็ม

“ฉันต้องเก็บหมอนี่เอาไว้เพื่อให้สาวไปถึงตัวการใหญ่ขององค์กรลับ”

คาร์ลเดินไปหาคนที่อยู่ข้างหลังเขา

“รอนจัดการเจ้านี่ให้ที่เอาไว้แค่พอพูดได้ก็พอ”

รอนลูบถุงมือสีขาวอย่างใจเย็นก่อนจะฉีกยิ้มเย็นออกมา คาร์ลไม่มีแผนที่ปล่อยให้ไซเร็มตายอย่างสงบเพราะหมอนี้กล้ามาทําร้ายคนของเขา

แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้แค่คนเดียว

คาร์ลจึงเอ่ยต่อทันที

“ส่วนตรงนี้ปล่อยให้ราอน เชวฮันและแมรี่จัดการแล้วกันส่วนข้าก็จะอยู่กับพวกเขาด้วย”

“ขอรับนายน้อย”

รอนตรงดิ่งไปหานักล่ามังกรอย่างรวดเร็ว ส่วนคาร์ลก็เร่งฝีเท้าไปยังจุดที่เชวฮันยืนอยู่ เขากวาดสายตาไปมองมหาสมุทรยามค่ําคืนพลางเอ่ยขึ้น

“ถึงเวลาแล้วสินะ”

เวลาที่เหมาะสมเดินทางมาถึงแล้ว คาร์ลเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยเสียงเรียกของวายุ

“อ๊ากกกกกกก!!!”

“ขยับเรือไปอีกหน่อย! เราใกล้จะหลุดออกไปได้แล้ว!”

เสียงตะโกนที่ส่งตรงไปยังกัปตันเรือมาจากนักเวทย์ของกลุ่มพันธมิตรไร้พ่าย เขาอยู่ในโล่เวทย์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันอันตรายจากหมอกพิษ กัปตันเรือได้ยินเสียงตะโกนของนักเวทย์เช่นเดียวกับเสียงร่างของทหารที่ตกลงมากระแทกกับพื้นเรือที่ชํารุดเสียหายบางส่วน

“อ…อึกกกกกก!”

นอกจากนี้เขายังได้ยินเสียงเพื่อนของเขาที่ร้องครวญครางอยู่ข้างๆ เพื่อนของเขาใกล้จะตายเต็มทีมือของเขาเริ่มสั่นเมื่อบังคับเรือให้แล่นต่อไป

“ข้ายังไม่อยากตาย..

นั่นเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของเขาเมื่อพยายามหลีกเลี่ยงวังน้ําวนและฝ่าหมอกพิษออกไป

“นั่นล่ะ! ไปอีกหน่อย!”

นักเวทย์รับหน้าที่ปกป้องกัปตันเรือ อัศวินระดับสูงและตัวเอง เขายังคงกระตุ้นให้คนเหล่านี้ทําหน้าที่ของตัวเองต่อไป แม้โอกาสจะมีเพียงเล็กน้อยแต่พวกเขาก็คาดหวังว่าจะหลุดไปจากหมอกพิษนี้ให้ได้

เขามองเห็นว่าหมอกพิษสีแดงเริ่มเปลี่ยนไป

“ไปอีกหน่อย!”

ใบหน้าของเขาเริ่มปรากฏรอยยิ้มโล่งอก อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเขาไม่สามารถเก็บอาการของตนไว้ได้เพียงแต่เอ่ยออกมาด้วยความตกใจเท่านั้น

“…ห้ะ?!”

มีบางอย่างกําลังรอพวกเขาอยู่บริเวณปลายทางของหมอกพิษสีแดง

“เรา.เราหลุดจากวังน้ําวนได้แล้ว!”

กัปตันเรือตะโกนออกมาด้วยความดีใจแต่ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับเรือสีแดงซึ่งอยู่อีกฝั่งของวังน้ําวน มีเรือสีแดงจํานวนมากเข้าล้อมรอบพื้นที่ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของหมอกสีแดงเรือสีแดงเหล่านี้มีลักษณะคล้ายกับหมอกพิษสีแดงไม่มีผิด พวกเขายังมองเห็นเรือทองคําที่แล่นอยู่ด้านหน้าของเรือสีแดงเหล่านี้อีกด้วย

คาร์ลกลับมาประจําตําแหน่งของตนบริเวณดาดฟ้าเรือทองคํา เขากําลังแตะไปที่รูปปั้นเต่าสีทองซึ่งเป็นตราประจําตระกูลเฮนิตัสเขาเริ่มเอ่ยกับกลุ่มคนที่ไม่สามารถรอดพ้นไปจากขุมนรกได้

“ข้ากําลังรอพวกเจ้าอยู่!”

ศัตรูที่เพิ่งหลุดออกจากหมอกพิษได้ก็ต้องมาพบเข้ากับผีตัวจริง แน่นอนว่าคนที่ต้อง การให้พวกเขาตายก็ผีร้ายตัวจริง

คาร์ลเริ่มออกคําสั่ง

“ลงมือได้! กําจัดศัตรูให้สิ้นซาก!”

ลูกธนูและพลังเวทย์จํานวนมหาศาลต่างลอยแหวกอากาศไปทั่วผืนมหาสมุทรยามค่ําคืน