บทที่ 308 ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ
บทที่ 308 ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ
“ขอบคุณคุณชายจังมาก”
พันเฉิงเฟิงกล่าวขอบคุณ ถ้าไม่ได้จังเฟิงหลิง ในหมู่พวกเขาคงต้องมีคนบาดเจ็บแน่ ๆ
จังเฟิงหลิงพยักหน้า “พี่พันระวังตัวด้วย ที่นี่แปลกประหลาดเหลือเกิน”
“ฉันเจอมาแล้วก่อนมาถึงที่นี่ มีคนบาดเจ็บคนนึงด้วย” พันเฉิงเฟิงหัวเราะเฝื่อน ๆ
จังเฟิงหลิงถือโอกาสนี้เชิญชวน “พี่พัน พวกเราร่วมทางไปด้วยกันไหม?”
พันเฉิงเฟิงเองก็เข้าใจแล้วว่าแผนการร่วมมือกับจังเฟิงหลิงก่อนหน้านี้ต้องพังทลายลงเพราะอุบายของไอ้หนุ่มไร้นามนั้น
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน คนเยอะ ๆ จะได้ช่วย ๆ กัน” พันเฉิงเฟิงตอบตกลงตามน้ำไป
คนของทั้ง 2 ฝ่ายรวมกันเป็น 1 อีกครั้ง
หยานหวูซวงถอนหายใจที่พลาดโอกาสดี ๆ ไป ตอนนี้คน 2 กลุ่มนี้รวมตัวกันแล้ว พวกเขายากจะต่อกรด้วย
“พี่หลิว ทำไงดี” หยานหวูซวงยังไม่ยอมแพ้ เขายังอยากได้เกราะป้องกันพวกนั้นอยู่
ฉู่ชวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้น “ตามพวกเขาไปสักพักก่อน ดูซิว่าจะมีโอกาสอะไรอีกไหม?”
ตอนนี้ก็ทำได้แค่นี้ พวกเขาสะกดรอยตามพวกจังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงไปอย่างเงียบเชียบ
จู่ ๆ หยานหวูซวงก็ดึงฉู่ชวิ๋นแล้วชี้ไปอีกทางหนึ่ง
ฉู่ชวิ๋นมองตามไปก็เห็นปลาปักษา 3 ตัวกำลังหยอกล้อกันท่ามกลางสายฟ้า
“รบกวนด้วยนะศิษย์น้อง” ฉู่ชวิ๋นกล่าว
ผู้หญิงผมม่วงพยักหน้าพร้อมกระโจนตัวออกไปอย่างไร้ซุ่มไร้เสียง สะบัดมือข้างเดียวก็สะกดปลาปักษาทั้ง 3 ตัว ง่ายดายราวกับหยิบของออกจากกระเป๋า
พวกหยานหวูซวงมองจนตาค้าง แบบนี้ก็ได้เหรอ พวกเขาต้องมองผู้หญิงผมม่วงคนนี้ใหม่เสียแล้ว
“พี่หลิว ศิษย์น้องของพี่นี่ไม่ธรรมดาเลยนะ” หยานหวูซวงพึมพำ
“แน่นอน ดูด้วยว่าศิษย์น้องใคร” ฉู่ชวิ๋นเชิดหน้าพูดด้วยความผยอง
หยานหวูซวงเบ้ปาก แอบสบถว่าชายคนนี้ช่างหน้าด้านเสียจริง
ผู้หญิงผมม่วงกลับมา เธอไม่มีท่าทีว่าจะเก็บไว้คนเดียว “จะแบ่งยังไง”
“เธอเก็บไว้ก่อน เราค่อยแบ่งเท่า ๆ กันตอนออกไปจากที่นี่ ยังไงก็น่าจะพอสำหรับทุกคน” ฉู่ชวิ๋นบอก
พวกหยานหวูซวงมองฉู่ชวิ๋นด้วยความทราบซึ้งตอนนี้ฉู่ชวิ๋นดูเป็นคนดีสุดๆ
“พวกเขาเจอปัญหาเข้าแล้ว” ผู้หญิงผมม่วงกล่าว
แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นเองก็รู้สึกได้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้
“ปัญหาอะไรเหรอศิษย์น้อง”
ผู้หญิงผมม่วงมองเขาก่อนจะหันไปมองพวกจังเฟิงหลิง
“ทุกคนอย่าขยับ” ผู้หญิงผมม่วงบอก
พวกหยานหวูซวงกลั้นลมหายใจและพรางตัว
ไม่นานสายตาของพวกเขาก็มองเห็นพวกจังเฟิงหลิงได้ราง ๆ
“มองดูตรงนั้น” ฉู่ชวิ๋นชี้ให้พวกเขาดู
พวกหยานหวูซวงมองตามมือฉู่ชวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง อุทานพร้อมกัน
“บ้าน่า” ปรากฏเป็นฝูงปลาไหลไฟฟ้า มีตั้ง 10 กว่าตัว!
“พวกเขาเดินเข้าไปในรังปลาไหลไฟฟ้าซะแล้ว” หยานหวูซวงเอ่ย
ปลาไหลไฟฟ้า 10 กว่าตัวกระจายออกไป เขตปักษานี้เป็นถิ่นของพวกมัน พวกมันว่ายเวียนอยู่กลางอากาศด้วยพลังสายฟ้า กระจายตัวออกจากกันอย่างเงียบเชียบเพื่อล้อมพวกจังเฟิงหลิงเอาไว้
พวกจังเฟิงหลิงไม่มีญาณเทพ บวกกับการรบกวนจากเสียงฟ้าร้องทำให้พวกเขายังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าโดนล้อมไว้หมดแล้ว
ฟิ้ว ๆ
ปลาไหลไฟฟ้า 10 กว่าตัวเริ่มขยับ พวกมันก็คือสายฟ้าที่ล้อมพวกเขาอยู่ พวกมันรวดเร็วดุจแสง
จังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 ทั้งคู่ ประสาทสัมผัสว่องไว รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลได้ทันที
“โจมตี!” จังเฟิงหลิงตะโกนลั่น
อย่างไรซะก็เป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ ไม่มีทางตอบสนองได้ช้า ทุกคนแทบจะลงมือพร้อมกัน ชั่วขณะนั้นแสงดาบแสงกระบี่ก็กระจายออกมา รอยหมัดพุ่งพรวดไปรอบข้าง
ตู้ม ๆ
การลอบโจมตีของปลาไหลไฟฟ้าพวกนี้ล้มเหลว กลับโดนฆ่าและบาดเจ็บหนักไปหลายตัว
“ปลาไหลไฟฟ้าพวกนี้ไม่เอาไหนเลย” ฉู่ชวิ๋นพึมพำ
การที่ปลาไหลไฟฟ้าล้มตายบาดเจ็บไปหลายตัวไม่ได้ทำให้พวกมันล่าถอยไปด้วยความกลัวแต่อย่างใด กลับยิ่งไปกระตุ้นความดุดันของพวกมันให้มีมากขึ้น
ฟิ้ว ๆ
ปลาไหลไฟฟ้าพวกนั้นเริ่มบุกโจมตีอย่างหนัก พวกมันอ้าปากกว้างเผยคมเขี้ยวและพุ่งไปกัดอย่างแรง มีบางตัวถึงขั้นใช้ท่ามังกรสะบัดหาง ฟาดหางออกไปอย่างดุดัน
ชั่วขณะนั้นเองการต่อสู้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ฟ้าร้องฟ้าแลบ ตามมาด้วยเสียงคำรามของเหล่าจอมยุทธ์ เสียงโหยหวนของปลาไหลไฟฟ้า
มองจากที่ไกล ๆ ราวกับแสงกำลังกระพริบอยู่อย่างเจิดจ้า
ฉู่ชวิ๋นนัยน์ตาเป็นประกายบางอย่างและเอ่ยเสียงต่ำ “โอกาสมาแล้ว”
หยานหวูซวงตะลึง “พี่หลิว อย่าบุ่มบ่าม”
“ความมั่งคั่งจะมาก็ต้องแลกมาด้วยการเสี่ยงแบบนี้แหละ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร” ฉู่ชวิ๋นไม่กล้าใส่ชุดดำแล้ว เพราะกลัวว่าหยานหวูซวงจะจับได้
“ศิษย์น้อง รบกวนด้วย”
ผู้หญิงผมม่วงพยักหน้า ประสานอินด้วยมือข้างเดียว ยื่นนิ้วเรียวยาวออกไปจิ้มที่หน้าผากของฉู่ชวิ๋น
พวกหยานหวูซวงอ้าปากค้างขณะที่มอง กล้ามเนื้อบนใบหน้าฉู่ชวิ๋นค่อย ๆ ขยับเขยื้อน ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้กลายเป็นใบหน้าอีกใบหน้าหนึ่ง
นี่ก็แค่การตบตาของผู้หญิงผมม่วงและฉู่ชวิ๋นเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงใบหน้าเป็นวิชาของฉู่ชวิ๋นเอง ผู้หญิงผมม่วงแค่แกล้งแสดงละครตบตา
สายตาที่พวกหยานหวูซวงมองผู้หญิงผมม่วงเปลี่ยนไป บนโลกนี้มีวิชามหัศจรรย์แบบนี้ด้วยเหรอ เปิดโลกให้พวกเขาจริง ๆ
“ฉันไปแล้วนะ” ฉู่ชวิ๋นหายเข้าไปในเขตปักษา ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางพุ่งไปหาพวกจังเฟิงหลิง
พวกจังเฟิงหลิงกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด คนของหอคอยอาภรณ์ม่วงยืนอยู่ตรงกลาง จอมยุทธ์ของตระกูลจังล้อมอยู่รอบนอกเป็นวงกลม เพราะพวกเขามีเกราะวิเศษคอยคุ้มกันตัว ทำให้ต้องออกมารับมือข้างนอกแทนพวกหอคอยอาภรณ์ม่วง
“คุณชายจัง ฉันจะไม่กล่าวแค่คำขอบคุณ แต่หอคอยอาภรณ์ม่วงของฉันซาบซึ้งบุญคุณนายมาก ฉันต้องตอบแทนให้อย่างแน่นอน” พันเฉิงเฟิงซาบซึ้งใจจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะจอมยุทธ์ตระกูลจังคอยคุ้มกันลูกน้องของเขาไว้ คงได้บาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมากแน่ ๆ
“พี่พันไม่ต้องเกรงใจไป ในเมื่อพวกเราเป็นพันธมิตรกัน ก็ต้องช่วยเหลือให้รอดไปด้วยกัน” จังเฟิงหลิงก็มีแผนของตัวเอง แม้ว่าหอคอยอาภรณ์ม่วงจะชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ความแข็งแกร่งไม่น้อย การรักษาเส้นสายนี้ไว้นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก ในอนาคต
“คุณชายจังนับเป็นผู้มีคุณธรรมจริง ๆ ฉันยอมรับนายเป็นเพื่อนคนหนึ่ง” พันเฉิงเฟิงพูดอย่างจริงจัง
“ฮ่า ๆ พี่พัน รอให้เรื่องนี้จบเมื่อไหร่พวกเราต้องไปกินเหล้ากันแล้วนะ” จังเฟิงหลิงเองก็พูดด้วยท่าทางองอาจ ถึงไหนถึงกัน
“นั้นใคร” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 ตระกูลจังคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
ตู้ม !
มีกำปั้นต่อยลงมาที่หัวเขาอย่างจัง จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 ล้มหัวทิ่มลงไปโดยที่ไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง
จังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงหันไปดูตามเสียง ก็เห็นคน ๆ หนึ่งลากจอมยุทธ์ตระกูลจังที่สลบเข้าไปในเขตปักษา
จังเฟิงหลิงโมโหแทบบ้า ทวนยาวพุ่งพรวดออกไปจนหายเข้าไปในเขตปักษา
ฉึก!!
มีเสียงดังขึ้นเบา ๆ เหมือนทวนยาวแทงทะลุตัวใครสักคน
“ไสหัวมานี่” จังเฟิงหลิงดึงโซ่ที่เชื่อมกับทวนกลับมาอยู่ ร่าง ๆ หนึ่งก็โดนกระชากกลับมา
พอจังเฟิงหลิงเห็นก็โมโหจนแทบเป็นลม คน ๆ นี้ก็คือจอมยุทธ์ตระกูลจังที่โดนลากเข้าไปในเขตปักษานั่นเอง เขาโดนถอดชุดออกหมดจนเปลือย เกราะวิเศษหายลับไป ที่ทำให้จังเฟิงหลิงยิ่งคลุ้มคลั่งหนักขึ้นคือทวนยาวของเขาแทงทะลุแขนของลูกน้องจนแทบจะกระชากแขนลูกน้องขาด
“นายน้อย” จอมยุทธ์คนนั้นเจ็บจนร้องครวญคราง
“บัดซบ ใครกัน ไสหัวออกมานะ” จังเฟิงหลิวจนบันดาลโทสะ
“พวกนายเห็นหรือเปล่าว่าใคร” พันเฉิงเฟิงหันไปถาม
“ไม่รู้จัก น่าจะเป็นพวกหน้าใหม่ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” หนึ่งในนั้นตอบ
คนอื่น ๆ พากันพยักหน้า
จังเฟิงหลิงดึงทวนยาวออก รักษาแผลให้จอมยุทธ์ที่เป็นลูกน้อง จิตใจของเขากำลังหลั่งเลือดออกมา เกราะวิเศษนั่นแลกมาด้วยเลือดเนื้อนับ 10 กว่าชีวิตของคนตระกูลจัง ทั้งหมดมีแค่ 10 ชุดเท่านั้น!
ฟิ้ว ๆ
ปลาไหลไฟฟ้ายังคงโจมตีอยู่ ฟ้าร้องฟ้าแลบแปลบปลาบ พลังไฟฟ้าสถิตพุ่งพรวดอยู่รอบ ๆ
“ระวังตัว” พันเฉิงเฟิงตะโกนเสียงดังพลางพุ่งออกไปทั้งตัว
ร่างนั้นปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นฉวยโอกาสที่ปลาไหลไฟฟ้าจู่โจมอยู่ เข้าใกล้ด้วยความไวแสงและปล่อยหมัดใส่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 อีกคนของตระกูลจัง
แม้ว่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนี้จะตั้งท่าเตรียมรับมือเรียบร้อยแต่ก็ยังป้องกันหมัดของฉู่ชวิ๋นไม่ได้ หมัดของฉู่ชวิ๋นทลายลมปราณคุ้มกายของเขาและโดนเข้าที่หัวอย่างจังจนสลบ ก่อนจะโดนฉู่ชวิ๋นลากออกไป
“ปล่อยมือ!!” พันเฉิงเฟิงพุ่งเข้ามาพร้อมซัดฝ่ามืออันเกรี้ยวกราดดุดัน ลมปราณพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง
ฉู่ชวิ๋นลากจอมยุทธ์ตระกูลจังไว้มือหนึ่ง อีกมือซัดหมัดส่วนออกไปจนระเบิด ตู้ม! ตัวเขาฉวยโอกาสนี้กระโจนหายลับเข้าไปในเขตปักษา
พันเฉิงเฟิงอึ้ง ก่อนจะโมโหจนโกรธแค้น อีกฝ่ายบังอาจยืมแรงฝ่ามือของเขาเพื่อหลบหนี
ฟิ้ว
เขาไล่ตามไปโดยไม่ต้องคิด
ไม่นานนักเขาก็กลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ในมือหนีบคนเปลือยกายไว้คนหนึ่ง เกราะวิเศษในตัวโดนถอดออกไป
จังเฟิงหลิงหน้าดำคร่ำเครียด กัดฟันแทบหัก เสียเกราะวิเศษไปอีกชุดแล้ว
“มันอยู่นี่” มีคนตะโกนด้วยความตื่นตระหนก
จังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงหันไปมอง ก็เห็นคน ๆ นั้นต่อยจอมยุทธ์ตระกูลจังอีก 2 คนสลบใน 2 หมัดและลากเข้าไปในเขตปักษา
“อ๊ากกก….” จังเฟิงหลิงคำราม ฟาดปลาไหลไฟฟ้าที่จู่โจมมาระเบิดด้วยฝ่ามือ ก่อนจะกระโจนไล่ตามเข้าไปในเขตปักษา
สีหน้าของพันเฉิงเฟิงก็อึมครึมจนฝนแทบตก เขาตามเข้าไปในเขตปักษาด้วยอีกคน
พวกเขา 2 คนเพิ่งจะเข้าไปฉู่ชวิ๋นก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง รอบนี้จู่โจมจอมยุทธ์ 3 คนของตระกูลจังจนสลบหมดแล้วลากออกไป
จอมยุทธ์พวกนี้หวาดผวากันสุด ๆ เมื่อไม่มีจังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิง พวกเขาด้านหนึ่งต้องต่อกรกับปลาไหลไฟฟ้าที่จู่โจมเข้ามา อีกด้านหนึ่งก็ต้องมองดูคนบ้าที่ลากจอมยุทธ์ตระกูลจังเข้าไปในเขตปักษาก่อนจะปลดเสื้อผ้าออกจนร่ายกายเปลือยเปล่า
นาทีนั้นจังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงก็ออกมาพอดี สีหน้าแย่สุด ๆ มีจอมยุทธ์ตระกูลจังเปลือยกายตามมาด้านหลัง 2 คน
พอรู้ว่ามีอีก 3 คนที่โดนตีสลบและลากออกไป จังเฟิงหลิงก็แทบจะกระอักเลือดออกมา เขาพุ่งเข้าไปในเขตปักษาอีกครั้งโดยไม่รีรอ
ผ่านไปไม่นาน จังเฟิงหลิงก็พาคนเปลือยกายอีก 3 คนกลับออกมา
“แกเป็นใครกัน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้” จังเฟิงหลิงคลุ้มคลั่ง ฟาดปลาไหลไฟฟ้าระเบิดไป 2 ตัวติด ปลาไหลไฟฟ้าตัวอื่น ๆ กลัวจนหันหลังหนี แต่ก็โดนเขาไล่ตามไปฆ่าจนหมดเกลี้ยง หนีไม่รอดแม้แต่ตัวเดียว
อีกฟาก ฉู่ชวิ๋นก็กลับมา
“พี่หลิว” หยานหวูซวงยกนิ้วโป้งให้ พวกเขาเห็นทุกอย่างชัดเจน
ฉู่ชวิ๋นตวัดมือ มีเกราะวิเศษปรากฏออกมาทั้งหมด 7 ชุด
พวกหยานหวูซวงก็ไม่เกรงใจ สวมใส่กันคนละชุด
แต่ไม่ว่ายังไงผู้หญิงผมม่วงก็ไม่ยอมใส่ เธอไม่ต้องการ
ฉู่ชวิ๋นเองก็ไม่ต้องการ จึงเกินมา 2 ชุด
“ไม่ทันได้ระวัง ปล้นมาเยอะเกินไป” ฉู่ชวิ๋นพึมพำ
จู่ ๆ ตาเขาก็เป็นประกายและเอ่ยขึ้น “มีความสุขคนเดียวไม่ดีเท่าการมีความสุขร่วมกัน พวกนายไปซ่อนตัวก่อน”
หยานหวูซวงได้ยินดังนั้นก็ไม่เข้าใจว่าฉู่ชวิ๋นจะทำอะไร คนทั้งหมดเดินไปซ่อนตัวไกล ๆ
ประมาณ 1 ก้านธูปผ่านไปก็มีเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ เป็นอิทธิพลอีกแห่งชื่อว่าสำนักตราเทพ อำนาจใหญ่โต
สำนักตราเทพเห็นฉู่ชวิ๋นยืนลำพังอยู่ท่ามกลางสายฟ้า ทันใดนั้นพวกเขาก็ตั้งท่าระวังตัวกันเต็มที่
“สหายเป็นคนของกลุ่มไหน” หลีหังยี่แห่งสำนักตราเทพถามขึ้นมา
“ฉันเกิดที่นี่และโตที่นี่” ฉู่ชวิ๋นตอบเรียบ ๆ
พวกหลีหังยี่สีหน้าแปรเปลี่ยน นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรกัน ในเขตปักษามีสิ่งมีชีวิตอื่นยังพอเข้าใจได้ แต่มีคนจริง ๆ อาศัยอยู่ที่นี่มันก็โม้เกินไปหน่อยนะ
“สหายอย่าล้อเล่นเลย”
หลีหังยี่ไม่เชื่อแม้แต่น้อย
ฉู่ชวิ๋นบอกด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ไม่ว่าจะล้อเล่นหรือไม่ ฉันช่วยชีวิตนายได้”
พูดจบเขาก็หยิบเกราะวิเศษ 2 ชุดออกมา
“เกราะวิเศษ 2 ชุดนี้จะช่วยให้นายไม่โดนสายฟ้าฟาดใส่ ไม่เกิดบาดแผล อยู่ในเขตปักษานี้ได้สบายราวกับอยู่ในพื้นที่ธรรมดาทั่วไป”
วรยุทธ์หลีหังยี่ไม่อ่อนด้อย ย่อมแยกออกว่าของดีหรือของไม่ดี พลังป้องกันของเกราะวิเศษนี้แข็งแกร่งมากจริง ๆ
“สหายคงไม่ให้พวกเราฟรี ๆ หรอกใช่ไหม?” เขาถาม โลกนี้ไม่มีอาหารมื้อไหนที่ฟรี เด็ก 3 ขวบยังรู้เรื่องนี้