บทที่ 200 น้ำลดตอผุด

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

หญิงสาวหลบตา ไม่ตอบคำถาม

วารุณีหรี่ตา คลายแรงในมือลง แล้วถามออกไปอีกครั้ง“ ตอบฉันมา ว่าช่วยเขาทำไม !”

“ฉัน……ฉันก็ไม่อยากทำ แต่เธอข่มขู่ฉัน!”หญิงสาวราวกับทุ่มหมดหน้าตัก หลับตาลง และตอบออกไปเสียงดัง

พิชญาไม่ห่วงขาที่หักของเธอ มือยันไปที่โต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ตะโกนกลับอย่างโกรธเคือง “เหลวไหล ฉันไปข่มขู่เธอตอนไหน ?ก่อนที่เธอจะเอาแบบมาให้ฉัน ฉันไม่เคยรู้จักกับเธอมาก่อน !”

เธอยอมรับเรื่องที่เธอลอกเลียนแบบของวารุณียังจะดีซะกว่า ที่จะต้องมารับผิดในเรื่องนี้

“ที่เขาพูดมันจริงไหม เขาไม่รู้จักเธอจริงๆเหรอ ?”วารุณีมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น

หญิงสาวส่ายหน้าไปมา “ใช่ ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ก่อนการแข่งจะเริ่มขึ้นเธอมาหาฉัน ให้เงินฉันจำนวนหนึ่ง แล้วให้ฉันคอยดูงานแบบของคุณวารุณีจากการถ่ายทอดสด รอให้คุณวารุณีวาดแบบออกมาได้แล้ว แคปรูปเอาไว้ จากนั้นก็ให้ฉันไปรอเธอที่ในห้องน้ำ”

“ฉันไม่ได้ทำ!”พิชญาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หน้าอกกระเพื่อมสั่นไหวอย่างรุนแรง

เธอทำแบบนี้เมื่อไหร่กัน ?

ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้หรอกเหรอที่เข้ามาหาเธอเอง ?

วารุณีมองไปที่พิชญา แล้วหันกลับไปมองที่ผู้หญิงคนนั้น ก้มหน้าลงแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ผ่านไปไม่ถึงนาที เธอเงยหน้าขึ้นแล้วถามอีกครั้งว่า“ในเมื่อพิชญาบอกให้เธอรออยู่ในห้องน้ำ แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าต้องไปห้องน้ำตอนไหน ?”

ผู้หญิงคนนั้นชี้นิ้วไปยังอีกฝั่งของห้องประชุมที่มีกลุ่มนักข่าวอยู่ ชี้ไปยังคนคนหนึ่ง“เขา เขาก็เฝ้าดูการถ่ายทอดสดอยู่ หลังจากที่คุณวารุณีวาดเสร็จ เขาก็แกล้งเดินผ่านหน้าของพิชญา แล้วโยนกระดาษให้เธอ บอกเธอว่าให้ไปหาฉันที่ห้องน้ำ”

“อย่างนี้นี่เอง!”วารุณีพยักหน้า สายตามองผ่านพิชญาที่ตอนนี้ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อคน แล้วมองไปที่ประธานวรวี

ประธานวรวีออกคำสั่งให้เลขาฯภูมิพาตัวนักข่าวคนนั้นมา

นักข่าวคนนั้นเหมือนจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะต้องถูกพาตัวมา ในตอนนี้ก็ไม่ได้ขัดขืน ยอมเดินตามมาแต่โดยดี

“คุณก็ถูกเธอติดสินบนเหรอ ?”ประธานวรวีชี้ไปที่พิชญา แล้วถามนักข่าวคนนั้น

นักข่าวคนนั้นเหลือบมองไปที่พิชญา แล้วจึงพยักหน้าหงึกๆ “ครับ……ใช่ครับ”

“นี่พวกแก……พวกแก…….”ร่างกายพิชญาสั่นสะท้านไม่หยุด โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มือที่ค้ำอยู่บนโต๊ะ มีเส้นเลือดปูดโปนออกมาอย่างเห็นได้ชัด

ผ่านไปสักพัก เหมือนเธอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยการประชดประชันและไม่พอใจ “ฉันรู้แล้ว พวกเขาสองคนร่วมมือกันทำร้ายฉัน ฉันก็ว่า โลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้ยังไงกัน เจ้านายของพวกเธอ ช่างเจ้าแผนการจริงๆ !”

“เจ้านาย หมายความว่าไง ? ” ประธานวรวีก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

วารุณีเองกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร ดวงตาฉายแววอย่างที่คิดเอาไว้

เธอรู้จักพิชญาดี เพราะฉะนั้นเธอมองออกแต่แรกแล้ว ว่าพิชญาไม่ได้โกหก ผู้หญิงคนนี้และนักข่าวคนนี้ พิชญาไม่ได้เป็นคนติดสินบนพวกเขา แต่เป็นเพราะฟังคำสั่งของคนอื่น เพื่อมาช่วยพิชญา

หากสองคนนี้ไม่ถูกจับได้ก็คงดี แต่เพราะถูกจับได้เสียก่อน ทั้งสองจึงต้องโยนความผิดทุกอย่างมาที่พิชญา ให้พิชญารับผิดทั้งหมด จุดประสงค์ก็เพื่อปิดบังอำพรางผู้บงการตัวจริง

“สองคนนี้ เชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย ใช้ฉันเป็นเครื่องมือเพื่อทำลายวารุณี ถ้าสำเร็จเราต่างก็ได้ผลประโยชน์ แต่ถ้าพลาด ก็มีฉันคนเดียวที่ต้องรับกรรม ที่น่าหัวเราะก็คือ ฉันคิดไม่ถึงจุดนี้ตั้งแต่ทีแรก แค่ได้ยินว่าจะทำลายวารุณีได้ฉันก็กระโดดเข้าร่วมโดยทันที!”พิชญาจ้องเขม็งไปที่หญิงสาวกับนักข่าวคนนั้น แล้วกล่าวพูดตำหนิตัวเอง

ทุกคนในที่นี้ กับผู้ชมที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่ต่างก็ตกตะลึงกันขึ้นมาอีกครั้ง

พวกเขาไม่คิดว่า การลอกเลียนแบบที่เล็กน้อยนี้ จะมีเบื้องหลังที่มากมายอย่างนี้ ช่างเป็นละครฉากใหญ่เสียจริง

“พวกคุณไม่ใช่คนที่พิชญาติดสินบน แต่ถูกคนอื่นจ้างวานมาเพื่อทำลายคุณวารุณีเหรอ ?” ประธานวรวีถามอย่างตำหนิไปที่ผู้หญิงกับนักข่าวคนนั้น

หญิงสาวกับนักข่าวมองหน้ากัน แล้วรีบโบกมือปฏิเสธทันที “ไม่ใช่นะไม่ใช่ เบื้องหลังของเราไม่มีใคร แต่เป็นพิชญาเองนั่นแหละที่เป็นคนจ้างวานพวกเราเอง ”

ในตอนที่พูดคำนี้ ดวงตาของคนทั้งสองต่างก็มีความหวาดกลัวพาดผ่าน

วารุณีจับสังเกตได้ ก็ขมวดคิ้วแน่น ทันใดนั้นก็ได้สติขึ้นมา

ดูทั้งสองคนแล้วเหมือนจะมีจุดอ่อน เหมือนถูกคนที่อยู่เบื้องหลังบังคับมา ดังนั้นจึงยืนกรานว่าไม่มีใครว่าจ้าง เพราะฉะนั้น ทั้งสองคนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเค้นถามต่อแล้ว ต่อให้ถามยังไงพวกเขาก็ไม่ยอมบอก

แต่คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หลอกใช้พิชญาเพื่อมาทำลายเธอ ก็ชี้ชัดว่าคนคนนี้มีความแค้นกับเธอ ไม่แน่ว่าเรื่องผ้าของสตูดิโอพวกเธอ กับเรื่องที่ถูกเผาโกดังสินค้าคนร้ายตัวจริงอาจจะเป็นคนคนนี้ก็ได้

“พอเถอะค่ะประธานวรวี ในเมื่อพวกเขาบอกว่าไม่ใช่ก็คงจะไม่ใช่ ไม่ต้องถามต่อแล้วค่ะ ” วารุณีร้องห้ามประธานวรวีเอาไว้

พิชญาไม่พอใจ จ้องเขม็งมาที่เธอ ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอให้ได้ “ทำไมไม่ถามต่อละ ฉันต้องการจะถามให้รู้เรื่อง ฉันไม่ให้พวกเขามาใส่ร้ายฉันแบบนี้ !”

“พวกเขาใส่ร้ายเธองั้นเหรอ ?” สายตาวารุณีมองไปยังพิชญาอย่างเย็นชา“พวกเขาเอาแบบให้เธอลอกนั่นไม่ใช่เรื่องจริงเหรอ ? เธอร่วมมือกับพวกเขาทำเรื่องชั่วๆนั่นก็ไม่ใช่เรื่องจริงเหรอ ?”

“นี่มันไม่เหมือนกัน พวกเขา……”

“ตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน !” วารุณีเม้มปากแล้วพูดขัดเธอ “ไม่ว่าพวกเขาจะฟังคำสั่งใครมา ฉันรู้แค่ว่าคนที่เป็นเหยื่อคือฉัน และเธอเองพิชญา ก็เป็นคนที่รับความช่วยเหลือจากพวกเขา คัดลอกแบบของฉัน ”

ในเมื่อถามหาตัวบงการที่อยู่เบื้องหลังจากสองคนนี้ไม่ได้ ไม่สู้ให้พิชญาแบกรับความผิดของเรื่องทั้งหมดนี้ไปซะจะดีกว่า

เพราะยังไงซะ ก็ต้องมีคนรับผิดชอบในเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ ?

เมื่อคิดได้ดังนั้น วารุณีก็เดินไปยืนอยู่ข้างๆของประธานวรวีแล้วพูดบางอย่างกับประธานวรวี

ประธานวรวีพยักหน้า โบกมือเรียกให้เลขาฯภูมิพาตัวผู้หญิงกับนักข่าวลงไปก่อน แล้วเฝ้าดูเอาไว้ให้ดี จากนั้นก็หยิบไมโครโฟนแล้วพูดขึ้นว่า“ เอาล่ะ ในเมื่อความจริงเกี่ยวกับการลอกผลงานออกมาแล้ว งั้นตอนนี้ผมของประกาศว่า ผู้ที่ชนะในการแข่งรอบชิงชนะเลิศนี้คือคุณวารุณี ในส่วนของพิชญานั้น……ถอดชื่อออกจากการแข่งขันนี้!”

ทุกคนต่างมองไปที่พิชญา

พิชญาสีหน้าซีดเผือด ก้มหน้าลงหลบสายตาที่ทุกคนมองมา

ตอนนี้เธออยากจะหาปี๊บสักใบมาคลุมหัวจริงๆ หรือไม่ก็หาใครสักคนมาพาเธอออกไปจากที่ตรงนี้

แต่ก็ไม่มี ไม่มีใครสักคน เธอจำต้องอยู่ตรงนี้ เผชิญหน้ากับการดูถูกและก่นด่าของทุกคน จากนั้นก็มองดูวารุณีที่เฉิดฉายไปรับรางวัลอย่างสง่างาม และความแตกต่างแบบนี้ ฆ่าเธอให้ตายซะยังจะดีกว่า ปล่อยให้เธออยู่ในสภาพแบบนี้

การแข่งขันชิงชนะเลิศในครั้งนี้ ก็จบลงอย่างเป็นทางการ วารุณีขึ้นรับรางวัลด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ

แบบฟอร์มเป็นการกรอกใน ณ ตอนนี้ กรอกเสร็จก็ยื่นเรื่องทันที

เมื่อตอนที่เธอกรอกข้อมูล ทุกคนในห้องประชุม ต่างก็ลุกขึ้นยืน แล้วปรบมือให้เธอ แม้แต่ผู้ชมที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่ ต่างก็คอมเม้นต์ร่วมแสดงความยินดีด้วย

นวิยามองดูวารุณีจากการถ่ายทอดสดด้วยความอิจฉาริษยา “คุณวารุณีนี่เก่งจริงๆ !”

ในตอนที่เธอยังไม่ประสบอุบัติเหตุ ทุกครั้งที่เธอแข่งเปียโนเสร็จ ก็มักจะได้รับเสียงปรบมือและความยินดีแบบนี้เช่นกัน หนำซ้ำยังจะมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้ อย่าว่าแต่เสียงปรบมือเลย จะเล่นเปียโนก็ยังทำไม่ได้เลย !

นัทธีไม่ได้พูดอะไร ขมวดคิ้วแน่นเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อนวิยาเห็น ก็อดที่จะถามไม่ได้ว่า “นัทธี คุณเป็นอะไร ?”

“ผมกำลังคิด ว่าใครที่จ้างวานสองคนนั้น” นัทธีคลึงไปที่ขมับ ตอบกลับเสียงเบา

ดวงตานวิยาไหววูบ แล้วกลับคืนสภาพอย่างรวดเร็ว หัวเราะแล้วพูดว่า“ น่าจะเป็นศัตรูที่ออกแบบด้วยกันของคุณวารุณีมั้ง ไม่อยากให้คุณวารุณีชนะการแข่งขันนี้”

“หรืออาจจะไม่ง่ายอย่างนั้น ”นัทธีหรี่ตาลง

นวิยายิ้มให้อย่างอ่อนโยน“นัทธี คุณคิดจะทำอะไร หรือคุณจะช่วยคุณวารุณี หาตัวคนคนนั้น ?”

นัทธีไม่ตอบว่าที่เธอพูดนั้นถูกหรือไม่

เพราะเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ

นวิยาหลุบตาลง ปิดบังความเย็นชาที่แผ่ซ่านในดวงตา “แล้วถ้าหาตัวเจอล่ะ ? คุณจะทำยังไงกับคนคนนั้น?”