บทที่ 221 ร่วมรัก

บทที่ 221 ร่วมรัก

สี่ผอยืนลังเลว่าจะทำอย่างไรดี หากไม่ปฏิบัติตามพิธีการแต่งงานของต้าเซี่ย เขาต้องทำอย่างไร?

บรรยากาศในตอนนี้เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน

หากแต่สายตาของอูซือม่านยังจ้องมองไปที่ฮั่วเสวียนที่สวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดง “ตามธรรมเนียมของหร่งตี๋ เราไม่บูชาผู้ปกครองแห่งสวรรค์และโลก บูชาแต่เทพเจ้าแห่งทุ่งหญ้าเท่านั้น”

เขาหันกลับมาถือผ้าไหมสีแดงและนำฮั่วเสวียนออกจากกระโจม จากนั้นทั้งสองก็คุกเข่าลงบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

“เทพเจ้าแห่งทุ่งหญ้า ข้าคือผู้ศรัทธา*[1] อูซือม่าน…”

อูซือม่านหยุดชั่วขณะ ก่อนที่ฮั่วเสวียนจะได้ตอบ เขาก็พูดต่อไปว่า “และผู้ศรัทธาฮั่วเสวียน วันนี้คือวันแต่งงาน สองเราหวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันในปีนี้และปีต่อ ๆ ไป สองเราจะอยู่ด้วยกันเป็นร้อยปี”

จากนั้นคำนับสามครั้ง

ฮั่วเสวียนแสร้งทำเป็นคุกเข่า แต่จิตใจของนางไม่ได้อยู่ที่นี่เลย ทันใดนั้นลมเหนือพัดเอาผ้าคลุมหน้าสีแดงของฮั่วเสวียนออกและปลิวไปกับสายลม

นางยืนขึ้นและมองทอดสายตามองไกลออกไป

คิ้วเรียวโก่ง ดวงตาใส ผิวขาวอมชมพู ริมฝีปากบางนุ่มราวกับกลีบกุหลาบ ผมสีดำม้วนเป็นเกลียว มีสวมเฟิ่งกวาน*[2]สวมอยู่บนศรีษะ

ด้านข้างของเฟิ่งกวานประดับด้วยดอกบัวที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีต

ผู้คนรอบข้างต่างพากันกลั้นหายใจและตื่นตระหนก

หลังจากนั้นไม่นาน เฟ่ยชินทั่วก็กลับมารู้สึกตัวและตะโกนว่า “นี่มันอัปมงคล”

เขารีบวิ่งไปหยิบผ้าคลุมแล้ววิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ “ท่านผู้นำอู รีบนำผ้าคลุมหน้านี้กลับไปสวมให้เจ้าสาวเถิดขอรับ”

อูซือม่านมองไปที่ฮั่วเสวียนด้วยแววตาเปล่งประกายอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่จำเป็น”

ตอนนี้ผ้าคลุมหน้าได้ถูกยกขึ้นแล้ว มันเป็นสัญญาณจากเทพเจ้าแห่งทุ่งหญ้า

นี่คือเจตจำนงของท่าน

เขาถอดผ้าคลุมสีแดงออกจากมือทั้งสองข้างและส่งให้เอ๋อหว่าจา จากนั้นจับมือฮั่วเสวียน “แม้ว่าจะไม่มีพิธีของต้าเซี่ย แต่ในพิธีของหร่งตี๋ ข้าถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว จากนี้ไป เจ้าคือภรรยาของอูซือม่าน”

ไม่มีความสุขในดวงตาคู่สวยของฮั่วเสวียนแม้แต่น้อย “ข้าเหนื่อย ขอพักหน่อยได้ไหม”

อูซือม่านหัวเราะเยาะตัวเองว่า “อืม ข้ามีความสุขมากที่ได้แต่งงานกับเจ้า ข้าจะให้กองทัพของเราพักสามวันเพื่อร่วมฉลอง ตอนที่ฟ้ายังสว่าง ข้าอาจไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อน ขอให้เจ้ารอข้าอยู่ในกระโจม”

ผู้ชายของหร่งตี๋มักจะฉลองอย่างเมามายเมื่อแต่งงาน ส่วนผู้หญิงจะอยู่ในห้องเพียงลำพัง

เมื่อฮั่วเสวียนจากไปแล้ว เขาก็หันหน้ากลับมาพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าอูซือม่าน ถึงข้าจะถูกหามกลับไป ข้าก็จะไม่ยอมกลับโดยง่าย”

ก่อนที่อูซือม่านจะพูดจบ พวกทหารก็หัวเราะพร้อมกัน

“ท่านผู้นำอู ท่านเพิ่งแต่งงานกับหญิงยอดฝีมือ ยังไงท่านก็ต้องกลับบ้านขอรับ”

“ไม่เช่นนั้น อนาคตของท่านอาจจะไม่ราบรื่นนะขอรับ”

“เพิ่งแต่งงานก็ถูกข่มขู่แล้วหรือ”

“อะไรกัน ท่านผู้นำอูของข้าจะกลัวสตรีเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ?”

“จะไม่กลัวได้อย่างไร เจ้าไม่เคยเห็นท่านผู้นำอูหลงใหลผู้ใดเพียงนี้มาก่อนใช่ไหม”

“หากภรรยาของข้างดงามได้เท่านี้ ข้าก็คงหลงจนแทบบ้า”

“ข้าว่าเจ้าคงทำได้แค่ฝันเท่านั้น”

หลังจากฮั่วเสวียนพูดจบ นางก็จากไปโดยมีอูซือม่านมองตามหลังของนางและไม่สามารถหยุดรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้

อูซือม่านยังคงเต็มใจที่จะดูแลฮั่วเสวียน อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองดีขึ้นทีละน้อย

เขาเชื่อว่าฮั่วเสวียนจะยอมรับในตัวเขาสักวันหนึ่ง

กระโจมที่ใช้ในการทำพิธีมีขนาดใหญ่กว่ากระโจมทั่วไปสองถึงสามเท่า ซึ่งเคยเป็นที่พักของอูซือม่านมาก่อน แต่ตอนนี้ถูกดัดแปลงเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานสำหรับทั้งสอง

ทุกอย่างในตอนนี้กลายเป็นสีแดง

แม้แต่โต๊ะและเก้าอี้ก็ยังเป็นสีแดง

ฮั่วเสวียนไม่สบายใจที่จะสวมเครื่องประดับศีรษะแบบเต็มยศ นางจึงขอให้เอ๋อหว่าจาช่วยนางถอดเครื่องประดับต่าง ๆ จากนั้นก็ไปเอาน้ำมาอาบและเปลี่ยนเป็นชุดแต่งงานแบบเรียบง่าย

จากนั้นเอ๋อหว่าจานำอาหารกลางวันและอาหารเย็นเข้ามาในกระโจม

ในที่สุดนางก็สามารถเข้ามาในกระโจมของอูซือม่านได้อย่างเปิดเผย และยังอาศัยอยู่ที่นี่ได้อีกด้วย ฮั่วเสวียนจึงแสร้งทำเป็นสงสัยและเดินไปรอบ ๆ แต่จริง ๆ แล้วกำลังตรวจสอบทุกซอกทุกมุมและกลไกต่าง ๆ ของที่นี่ต่างหาก

หญ้าพิษถูกซ่อนไว้ที่ไหนกัน?

หลังจากเดินไปมาสองสามครั้ง ฮั่วเสวียนก็เห็นคนอยู่ในความมืด นางนับจำนวนอยู่ในใจ จากหนึ่งคนกลายเป็นสองคน นางจึงไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งอีก

เมื่อเริ่มเข้าสู่เวลาพลบค่ำ ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำอมน้ำเงิน ฮั่วเสวียนกำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการทหารอยู่บนเก้าอี้เตี้ย อูซือม่านเดินมาข้างหลังเธออย่างแผ่วเบา

กลิ่นของสุราคลุ้งไปทั่ว

ฮั่วเสวียนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ อูซือม่านย่อตัวลงข้าง ๆ และจับมือฮั่วเสวียนด้วยมือหยาบของเขา “พวกเขายืนกรานที่จะชวนข้าไปดื่ม ในวันที่ข้ามีความสุขเช่นนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไม่ดื่ม”

“แต่ข้าก็ต้องขอสารภาพว่าข้าเองก็อยากดื่ม และข้าก็มีความสุขมากที่ได้แต่งงานกับเจ้า”

“ฮั่วเสวียน เจ้ามีความสุขไหม”

ฮั่วเสวียนชักมือออกเบา ๆ “เจ้าเมาแล้ว”

แขนที่แข็งแรงของอูซือม่านพาดผ่านวงแขนและสอดเข้าใต้ขาของนาง เขาอุ้มนางขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “วันนี้ข้าต้องการร่วมรักกับเจ้า ข้าไม่ได้เมา”

คำพูดนั้นตรงไปตรงมา แม้แต่ฮั่วเสวียนยังหน้าแดง

อูซือม่านก้มศีรษะและจุมพิตที่หน้าผากของนาง “ตอนนี้เจ้าเป็นของข้าแล้ว”

เขาวางนางลงบนเตียง อูซือม่านเริ่มปลดเข็มขัดของเขา ส่วนฮั่วเสวียนแสร้งทำเป็นละอายใจและขุ่นเคือง “อูซือม่าน เจ้าบอกให้พวกเขาออกไปก่อน ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแตะต้องข้าหากยังมีคนอยู่ด้านนอก”

ดวงตาสีเข้มของอูซือม่านจ้องมองมาที่นาง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันไปในความมืดและพูดว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน”

ทหารที่อยู่รอบประตูต่างพากันแยกย้ายและไม่กล้าแอบฟังอีกต่อไป

อูซือม่านรีบถอดเสื้อคลุมของเขาออกโดยเหลือไว้แต่เสื้อตัวในบาง ๆ ของเขา “เจ้าจะถอดเองหรือให้ข้าช่วย”

ทันใดนั้น ฮั่วเสวียนก็คว้าคอของอูซือม่านเข้ามาจูบ

แม้จะทำด้วยความรวดเร็ว แต่มีระยะห่างออกไปเพียงหนึ่งเซนติเมตร ซูโย่วอี๋และป๋ายลิ่นกำลังจะจูบกัน!

“คัต คัต คัต!” สวีโหมวตะโกนเสียงดัง

เกือบลืม

“สแตนด์อินอยู่ไหน เร็วเข้า”

ย้อนกลับไปตอนที่ซูโย่วอี๋รับเล่นละครเรื่องรักในฝัน ลู่เฉินก็เรียกสวีโหมวเข้าไปพบ โดยบอกว่าเธอแสดงอะไรก็ได้ยกเว้นฉากจูบ

จากมุมมองของผู้กำกับมืออาชีพอย่างสวีโหมว มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะไม่มีฉากจูบ

แต่เขาคงอยากจะปกป้องแฟนสาวของเขา ดังนั้นผู้กำกับอย่างสวีโหมวจึงไม่สามารถพูดอะไรได้

จากนั้นซูโย่วอี๋ก็ปล่อยมือที่โอบรอบคอของป๋ายลิ่นและเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขา

ซึ่งป๋ายลิ่นก็จ้องมองเธออย่างว่างเปล่าในขณะที่ซูโย่วอี๋จากไป ดูเหมือนว่าความอุ่นและกลิ่นหอมจากตัวของซูโย่วอี๋ยังคงอยู่ในฝ่ามือของเขาอยู่เลย

อีกนิดเดียวจะได้จูบแล้ว…

สแตนด์อินที่เข้ามาแสดงแทนแต่งหน้า ทำผม และใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกับซูโย่วอี๋ การถ่ายภาพเฉพาะมุมมองด้านข้างจึงไม่ขัดกันเกินไป

สแตนด์อินมองไปที่ป๋ายลิ่นและทักทายอย่างเขินอาย “คุณป๋ายลิ่น ขอคำแนะนำด้วยนะคะ”

ขอคำแนะนำเรื่องฉากจูบเหรอ?

ดวงตาของป๋ายลิ่นฉายแววขบขัน

การถ่ายทำฉากจูบเริ่มต้นขึ้น ซูโย่วอี๋ใช้โอกาสนี้พักผ่อนสักครู่ ฮันเจ๋อหยางเดินเข้ามาและยกนิ้วให้เธอ “โห ไม่เลวเลยนี่ ช่วงนี้การแสดงของเธอดีขึ้นนะ”

“แต่ยังห่างไกลจากนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมฮัน”

“ดูเหมือนว่ารุ่นพี่จะค่อนข้างหลงตัวเองนะครับ”

ซูโย่วอี๋ชกเขา “หลี่จื้อ ทำไมคุณไม่มาช่วยฉัน ฉันติดอยู่ในหร่งตี๋มานานแค่ไหนแล้ว”

ฮันเจ๋อหยางยกมุมปากขึ้น “ผมขอโทษ แต่ผู้กำกับบอกว่านางจะไม่ได้รับการช่วยเหลือในตอนนี้ และเขาต้องการให้คุณมีฉากเดี่ยว”

ในตอนนี้ ละครทีวีเรื่องรักในฝันมีทิศทางที่ชัดเจนมาก ฮั่วเสวียนกลายเป็นนางเอกหลัก กู้ชิงเฉิงถูกลดบทบาทลง แม้แต่นักแสดงนำชายที่รับบทโดยฮันเจ๋อหยางก็กลายเป็นนักแสดงสมทบ

ความรู้สึกหลังการออกอากาศของตอนนี้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ชาวเน็ตได้แสดงความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตแล้ว

[เกิดอะไรขึ้นกับละครเรื่องนี้ ฮั่วเสวียนเป็นนางเอกใช่ไหม]

[ถ้าไม่ใช่เพราะฮันเจ๋อหยางเล่นเป็นหลี่จื้อ ฉันจะด่าหมอนั่นให้ตาย เขาทำให้ฮั่วเสวียนต้องทนทุกข์ทรมานมากในคุกใต้ดิน ฉันอยากร้องไห้จริง ๆ]

[1] ผู้ศรัทธา ใช้เรียกแทนตัวเองสำหรับผู้ที่นับถือความเชื่อต่าง ๆ เช่น ในประเทศไทยเวลาไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะแทนตัวเองว่า “ลูกช้าง”

[2] เฟิ่งกวาน (凤冠) หรือมงกุฎหงส์ เป็นเครื่องประดับศีรษะของสตรีที่มีฐานะ ส่วนใหญ่ใช้ในวันแต่งงาน