ตอนที่ 237 ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 237 ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

ตอนที่ 237 ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

เถาหยาง เถาหยาง เถาหยาง!

เถาหยางอีกแล้ว!

เจียงจิ่นเวยโกรธเมื่อได้ยินสองคำนี้!

ทุกที่ที่เธอไป ก็มักจะได้ยินคนชื่นชมแต่เถาหยาง และตอนนี้เธอต้องส่งลูกสาวของเธอเข้าไปข้างใน!

“ไม่ต้องส่งแล้ว!” เธอพูดอย่างโกรธจัด

ดวงตาของหลี่หรงเหลียนแดงก่ำด้วยความชอกช้ำใจ

“จิ่นเวย จิ๋นจิ่น…เธอ เธอ…ถังโต้ว เป็นลูกสาวของเธอ ตอนนี้สถานการณ์ในตงหยางไม่ดี พวกเราก็แก่แล้ว ถ้าบ้านเมืองล่มสลาย พวกเราตายไปน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่เด็ก ๆ น่ะสิ”

ถังโต้วที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เมื่อเห็นคุณยายร้องไห้ น้ำตาเธอก็ไหลออกมาเช่นกัน

เจียงจิ่นเวยหัวจะระเบิดเมื่อมีเรื่องให้บาดหมางกัน “เอาล่ะ พอกันได้แล้ว แต่ถึงฉันจะอยากช่วยฉันก็ช่วยไม่ได้ เอ่อร์เฉิงก็ไม่ได้มาจากตงหยาง แล้วก็ไม่ใช่คนของเถาหยาง เขาจะพูดอะไรได้”

หลี่หรงเหลียนหยุดร้องไห้

“ให้เขาช่วยเจิ้งหลันหางานดี ๆ ไม่ได้เหรอ เขาเป็นผู้มีอำนาจในซินตู ซินตูใหญ่กว่าตงหยางมาก เขาจะพูดอะไรไม่ได้เลยเหรอ…”

เจียงจิ่นเวยไม่อยากขอร้องจั๋วเอ่อร์เฉิงในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับถังโต้ว หากเขาพบว่าถังโต้วเป็นลูกสาวของเธอเอง ชีวิตนี่ได้จบเห่แน่!

เอ่อร์เฉิง เกลียดคนที่โกหกมากที่สุด

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็พูดอย่างหนักแน่นว่า

“แม่ เอ่อร์เฉิงช่วยไม่ได้จริง ๆ และตงหยางคงจะไม่ล่มสลายเร็ว ๆ นี้หรอก ตอนนี้ที่นี่ยังไม่มีอันตรายมากขนาดนั้น แม้ถึงจะมีวันนั้น ฉันก็จะไม่ทิ้งถังโต้วแน่นอน”

หลี่หรงเหลียนรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และพูดน้ำเสียงแผ่วเบา

“หรือเราต้องให้คนจากเถาหยางช่วยพูด?”

เจียงจิ่นเวยรู้สึกไม่ดีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

แน่นอนว่าในวินาทีถัดมา แม่ของเธอก็พูดว่า

“จิ๋นจิ่น ทำไมลูกไม่บอกน้องสาวของลูกล่ะ เธอเข้าใจเราผิด เพื่อประโยชน์ของถังโต้ว ลูกซึ่งเป็นแม่ที่แท้จริง เพียงแค่ยอมก้มหัวลง ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง เพื่อขอร้องให้เธอช่วยคุย ช่วยหาเส้นสายเพื่อส่งถังโต้วเข้าไป ไม่อย่างนั้นแม่คงวางใจไม่ได้…”

เจียงจิ่นเวยโวยวาย “ทำไมทุกคนต้องการให้ฉันขอโทษ ทำไม?!”

เอ่อร์เฉิงก็ให้เธอไปขอโทษซูเถา!

แม่ของเธอเองยังมาบีบบังคับเธออีก!

ไม่มีทาง!

ถังโต้วตกใจกับเสียงของเจียงจิ่นเวยที่แสดงความโกรธของเธอออกมา จากนั้นก็หลั่งน้ำตาออกมา

ตั้งแต่แม่กลับมา แม่ก็ไม่ใช่แม่คนเดิม

หลี่หรงเหลียนและซูเจิ้งหลันก็ผงะเช่นกัน แต่พวกเขาไม่กล้าพูด

ตอนนี้เจียงจิ่นเวยเป็นหัวหน้าครอบครัว

แต่หลี่หรงเหลียนกำลังร้องไห้อยู่ในใจ

ลูกสาวของเธอเปลี่ยนไป และเธอรู้สึกได้ว่าการที่เธอกลับมาหาครอบครัวครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อช่วยพวกเขา แต่เพื่ออวดความมั่งคั่งและของเธอ

ความรักในครอบครัวไม่มีค่าในสายตาของเธอ

หลี่หรงเหลียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเวลาที่ลูกสาวคนเล็กอยู่ที่บ้าน ทั้งครอบครัวอยู่กันแออัด แต่มันก็ดีแค่ไหน

เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกคนโต ลูกสาวคนเล็กก็รู้ความ การงานของสามีราบรื่นและเคารพเธอ ถึงแม้ลูกเลี้ยงทั้งสองจะไม่ชอบเธอ แต่เธอก็ยังมีความหวัง

แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

……

ซูเถาหลับยาวแล้วไปตื่นอีกทีคือหลังเที่ยงวัน ทันทีที่เธอตื่นขึ้น เธอก็กินอาหารไปได้สองสามคำ ก็ได้ยินว่าเจียงจิ่นเวยมาและถูกโยนออกไป

“เธอมาหาฉันทำไม สตรอว์เบอร์รี่อีกแล้วเหรอ”

ทุกคนปิดปากและหัวเราะ

ชีอวิ๋นหลันกล่าวว่า “เธอบอกว่าต้องการเชิญคุณไปทานอาหารเย็นด้วยกันเพื่อรำลึกอดีต และถามเราเกี่ยวกับ … สิ่งที่คุณ …”

ซูเถาพูดไม่ออก เธอไม่รู้ว่าเจียงจิ่นเวยกินยาอะไรผิดไป ดังนั้นจึงไม่สนใจและกินข้าวในชามต่อไป

หลังจากกินข้าวเสร็จ เธอก็รู้สึกว่าพลังงานส่วนใหญ่ของเธอกลับคืนมาแล้ว ผู้อำนวยการกัวมารายงานเธอ ดังนั้นเธอจึงไปพบกับผอ.กัวที่ห้องประชุมเพื่อพุดคุยรายละเอียดต่าง ๆ

ผู้อำนวยการกัวรู้สึกสดชื่นและริ้วรอยรอบดวงตาของเธอยกขึ้นเล็กน้อย

คนที่นั่งถัดจากเธอเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีอายุไล่เลี่ยกัน ใบหน้ากลม ดูเป็นมิตรมาก

“เถ้าแก่ซู ฉันขอแนะนำ นี่คืออาจารย์ใหญ่เหมียวของศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า”

เมื่ออาจารย์ใหญ่เหมียวเห็นซูเถา เธอก็จำคำพูดที่เด็ก ๆ พูดได้ ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย และลุกขึ้นจับมือซูเถาด้วยมือทั้งสองข้างทันที พร้อมกับกล่าวด้วยความตื่นเต้น

“เถ้าแก่ซู ฉันขอบคุณแทนเด็ก ๆ ด้วย… ขอบคุณจริง ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เด็ก ๆ ได้อาบน้ำอย่างสบายในหลายปีที่ผ่านมา เตาและเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่คุณเตรียมให้รวมถึงผักและอาหาร…พวกเขาไม่เคยกินผักเลย และนี่เป็นครั้งแรก…”

เธอพูดตะกุกตะกัก ฝ่ามือของเธอสั่นระริก

ผู้อำนวยการกัวถอนหายใจยาว

แม้ว่าเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ส่วนใหญ่ยังขาดสารอาหารและผอมแห้ง

ครั้งนี้เถาหยางได้ทำความดีมากมาย

ซูเถาได้รับฟังความรู้สึกของอาจารย์ใหญ่เหมียว เธอก็รู้สึกประทับใจมาก ซูเถาจับมือเธอแล้วพูดว่า

“คุณเป็นครูและผู้ปกครองที่ดีของเด็ก ๆ เมื่อคุณต้องการอะไรคุณบอกฉันได้เสมอ ตราบใดที่มันอยู่ในความสามารถของฉัน ฉันจะจัดหามาให้”

อาจารย์ใหญ่กัวสงบลงและส่ายหัว “ฉันพอใจมากแล้ว และเด็ก ๆ ก็พอใจมากเช่นกัน แต่พวกเขาต้องการพบกับพี่สาวนางฟ้า…”

“นางฟ้า?”

ผู้อำนวยการกัวอธิบายด้วยรอยยิ้มที่หายากของเธอ “ทุกอย่างเปลี่ยนไปชั่วข้ามคืน เด็ก ๆ คิดว่ามีนางฟ้าในหนังสือเทพนิยายเพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุความปรารถนา”

ซูเถาหัวเราะ “มันน่ารักมาก ไว้ฉันจะหาเวลาดูบ้าง”

ทั้งสามพูดคุยเกี่ยวกับเด็ก ๆ อยู่พักหนึ่ง และผู้อำนวยการกัวกล่าวถึงเรื่องการขึ้นเงินเดือนของพนักงาน

“ทุกคนมีความสุขและขอบคุณมาก ฉันจึงอยากจัดกิจกรรมนันทนาการขึ้น”

ซูเถาถามว่า “เมื่อไหร่คะ”

เพราะช่วงนี้เธอยุ่งมาก เธอยังต้องสัมภาษณ์คนที่จวงหว่านคัดเลือก แม้ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์รอบสุดท้าย แต่ก็อาจต้องใช้เวลานาน เพราะมีคนจำนวนมาก

จากนั้นเราต้องสร้างอาคารหอพักสำหรับพนักงานซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่

เธอยังไม่ได้ลองห้องประเภทใหม่ที่พัฒนาขึ้นหลังจากการอัปเกรด

นอกจากนี้ แบบร่างของผู้อาวุโสเหม่ยสำหรับเถาฉือก็น่าจะใกล้เสร็จแล้ว ซึ่งเธอก็ต้องวุ่นกับการสร้างเถาฉืออีก…

ใช่แล้ว เมื่อกี้ลืมรับปากเลยว่าจะไปพบกับเด็ก ๆ

ดูสิ แค่คิดเธอก็ยุ่งแล้ว

ผู้อำนวยการกัวกล่าวว่า “เอาวันที่คุณสะดวก”

ซูเถาพูดอย่างเกรงใจ “งั้นไว้ฉันจะแจ้งวันเวลาอีกทีนะคะ”

ผู้อำนวยการกัวพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณต้องทำงานหนัก อ้อ ใช่แล้ว โควตาศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ให้สิทธิ์เถาหยางก่อนใช่ไหม”

ซูเถาพยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันว่าจะขยายจำนวนห้องเรียนและหอพัก น่าจะสามารถรับสมัครเด็กก่อนวัยเรียนได้อีกสองร้อยคน ช่วงนี้ ฉันจะขอให้ผู้จัดการจวงจัดหาครูเพิ่มให้คุณแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ต้องรบกวนผู้อำนวยการกัวสละเวลาสัมภาษณ์คนหน่อยนะคะ”

ผู้อำนวยการกัวให้กำลังใจ “ได้ค่ะ”

หลังจากที่ทั้งสองจากไป ซูเถาก็กลับไปที่ห้องทำงานของเธอเพื่อพักผ่อนครึ่งวัน เพื่อให้เวลากับตัวเองที่ยุ่งเหยิงได้พักหายใจ

แต่ทันทีที่เธอนั่งลง เซิ่งอวี๋หลันก็มาหาเธอ

“มีเรื่องอะไรเหรออาจารย์เสี่ยวเซิ่ง” เมื่อเห็นใบหน้ากังวลและอายที่จะพูดของเธอ ซูเถาจึงถามด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายก่อน

เซิ่งอวี๋หลันเม้มริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “เถ้าแก่ซู ฉันได้ยินมาว่าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กกำลังรับสมัครครู ฉันอยากลองดู”