เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ใบหน้าฉายแววหงุดหงิดออกมาแวบหนึ่ง
หากก่อนหน้านี้เขาไม่ประมาทเลินเล่อ หากก่อนหน้านี้เขาไม่ทึกทักเอาเอง แล้วตัดสินเฉินฮวนฮวนตามอำเภอใจ เขาไม่ตรวจสอบอะไร ก็คิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจเช่นนั้น
ถ้าเขามีสติสัมปชัญญะสักนิด สถานการณ์ก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้
“เฉินฮวนฮวน เธออยู่บ้านตระกูลเฟิงต่อไปได้นะ” เขารู้สึกจุกอยู่ที่ลำคอเล็กน้อย เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ
“หะ?” ดวงตาทั้งสองของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้าง ใบหน้าของเธอฉายแววความไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อสักครู่เธอฟังผิดไปหรือเปล่า
“ฉัน…ฉันเคยโดนฝืนใจ ฉันอยู่บ้านตระกูลเฟิงได้ต่อจริงๆ เหรอคะ”
ท่าทางระแวดระวังของเธอ ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกปวดใจ ราวกับเธอเป็นคนทำผิด แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
“เธอเป็นเหยื่อ ไม่ควรรู้สึกกดดันอะไร นี่ไม่ใช่เรื่องอื้อฉาวของตระกูลเฟิง และไม่ใช่เรื่องอื้อฉาวของเธอ”
“ฉันจะช่วยเธอเก็บเป็นความลับ เหมือนกับเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อยู่บ้านตระกูลเฟิงต่อไปเถอะ”
เฟิงหานชวนกล่าวเสียงเบา น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนเป็นอย่างมาก เขามองเด็กสาวไร้เดียงสาตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ
เฉินฮวนฮวนถึงกับนิ่งไป
ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
เพราะว่าเฟิงหานชวนเข้าใจเธอผิด ดังนั้นเขาจึงช่วยเธอเก็บเรื่องในคืนนั้นเป็นความลับ เธอยังสามารถอยู่ในบ้านของตระกูลเฟิงได้ต่อไป?
“จะ…จริงเหรอคะ” เฉินฮวนฮวนแทบไม่อยากจะเชื่อ
ในสมองของเธอตอนนี้ เฟิงหานชวนควรเป็นคนที่ต้องการขับไล่เธอมากที่สุด ทว่าตอนนี้…
“จริง” เฟิงหานชวนยืนยัน และกล่าวต่อเสียงเบา “พักผ่อนให้มากๆ ล่ะ”
เขายืนขึ้น จับไหล่ของเฉินฮวนฮวนให้เธอนอนลง และยังช่วยห่มผ้าให้เธอ
เฉินฮวนฮวนยอมรับการกระทำของเฟิงหานชวนด้วยความงุนงง ในหัวสมองของเธอแทบจะขาวโพลนไปหมด
ดังนั้น เธอไม่เพียงแต่จะได้สร้อยคอของคุณแม่ เธอยังสามารถอยู่บ้านของตระกูลเฟิงได้ต่อไป และทำตามข้อตกลงของนายท่านตระกูลเฟิง
ยิ่งไปกว่านั้น ความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนก็ได้รับการแก้ไขแล้ว?
เฟิงหาชวนช่วยเฉินฮวนฮวนห่มผ้า และหันหลังเตรียมเดินออกไป ทว่า จู่ๆ เขากลับสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่ข้อมือของเขา
เขาก้มลงมอง พบว่าเฉินฮวนฮวนคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ ดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังจ้องมองเขา
หัวใจของเขานั้น ราวกับกำลังบีบรัดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“อาสาม หลังจากนี้ไปเราจะ…เข้ากันได้ดีแล้วใช่ไหมคะ” แววตาของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความคาดหวัง เธอมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเตียง และเอ่ยถามเสียงเบา
เฟิงหานชวนรู้สึกว่าหัวใจของเขาราวกับถูกบีบเค้น ทว่าสีหน้าของเขายังคงผ่อนคลาย และพยักหน้าเบาๆ “อืม”
เมื่อได้ยินคำยืนยันของเฟิงหานชวน รอยยิ้มที่ยากจะได้เห็นของเฉินฮวนฮวนแย้มออกมาจนเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก นี่คงเป็นข่าวดีที่สุดที่เธอได้รับในช่วงเวลานี้แล้ว
“ขอบคุณนะคะ อาสาม หลังจากนี้ไปเราสนิทกันแล้ว ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากแน่นอน ฉันจะพยายามรีบคืนเงินคุณนะคะ!” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างตื่นเต้น เธอยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นเส้นเรียว ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก
จากบรรยากาศที่เคยอึมครึมเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาทันตา
เฟิงหานชวนรู้สึกปลื้มปริ่มใจกับการเปลี่ยนแปลงของเฉินฮวนฮวนอย่างมาก ทว่าในใจของเขากลับรู้สึกขมขื่นโดยที่ไม่อาจพูดออกมาได้
ตอนนี้ในสายตาของเฉินฮวนฮวน เขาก็เป็นเพียง “อาสาม” ของเธอ เธอแค่มองเขาในฐานะผู้อาวุโสเท่านั้น
“พักผ่อนเถอะ” เฟิงหานชวนไม่ได้ตอบอะไรอีก และก้าวขายาวๆ ของเขาเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
เมื่อมองไปยังประตูห้องที่ถูกปิดลง อารมณ์ของเฉินฮวนฮวนดีขึ้นมากในตอนนี้ แถมยังรู้สึกดีอกดีใจมากเป็นพิเศษ
ราวกับปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขแล้ว
เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปเรียน เฉินฮวนฮวนก็คลุมโปงทันทีแล้วรีบหลับตาลง
นอกประตูห้องผู้ป่วย เฟิงหานชวนมองผ่านกระจกบนบานประตู เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของหญิงสาวด้านใน สุดท้ายเมื่อมั่นใจว่าเฉินฮวนฮวนหลับไปแล้ว เขาถึงยอมเดินออกไป
……
เช้าวันต่อมา เมื่อเฉินฮวนฮวนตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร
เธอลุกขึ้นนั่ง พบว่าบนโต๊ะกลางที่อยู่ไม่ไกล มีอาหารว่างมื้อเช้าจัดวางไว้สองสามอย่าง
เมื่อคืนเฉินฮวนฮวนไม่ได้กินข้าวเย็น ตอนนี้เธอจึงรู้สึกหิว เธอไม่รอช้ารีบเลิกผ้าห่มแล้วลุกจากเตียง ก่อนจะวิ่งไปนั่งบนโซฟา แล้วเอื้อมมือไปหยิบซาลาเปา
ขณะที่เธอกำลังอ้าปากจะกัดซาลาเปา ประตูห้องน้ำในห้องก็เปิดออก ชายหนุ่มในชุดสูทสั่งตัดสีดำก็เดินออกมา
เมื่อเฟิงหานชวนหันกลับมาบังเอิญเห็นเฉินฮวนฮวนพอดี แถมตอนนี้เฉินฮวนฮวนกำลังอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
“อา อาสาม!” เฉินฮวนฮวนรีบวางซาลาเปาลง แล้วเช็ดปากอย่างรีบร้อน ก่อนจะรีบลุกขึ้นทักทายเฟิงหานชวน
“กินเถอะ” เฟิงหานชวนรู้ว่าการตัดสินใจซื้ออาหารเช้าล่วงหน้าของตัวเองนั้นถูกต้องแล้ว
“อาสาม ทั้งหมดนี้คุณซื้อให้ฉันเหรอคะ” เฉินฮวนฮวนไม่ได้กินทันที และยังถามด้วยความสงสัย
ไม่อย่างนั้น เป็นไปไม่ได้ว่าพยาบาลจะนำขึ้นมา?
เช้านี้เฟิงหานชวนก็ปรากฏตัวในห้องผู้ป่วยพอดิบพอดี ดังนั้นเฉินฮวนฮวนคิดว่าเฟิงหานชวนน่าจะเป็นคนซื้อมา
“อืม” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบเสียงเบา และกล่าวต่อว่า “อาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม อยากพักผ่อนอีกสักหน่อยหรือว่าจะไปมหา’ลัยเลย”
“ฉันดีขึ้นแล้วค่ะ กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ฉันต้องไปมหาลัย และยังต้องไปหารุ่นพี่อีก” เฉินฮวนฮวนรีบเอ่ยตอบ
เมื่อคืนเธอถูกเฟิงหานชวนพาเธอมาเช่นนั้น เธอต้องไปอธิบายเรื่องนี้ให้เกาเหวินฟังเสียหน่อย
“กินมื้อเช้าเสร็จ ฉันจะไปส่งเธอที่มหาลัย” เฟิงหานชวนเอ่ยบอกพร้อมกับเดินไปที่โซฟา แล้วนั่งลงข้างเฉินฮวนฮวน
เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เช้านี้เฟิงหานชวนตั้งใจมาที่นี่ เพื่อไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยเหรอ
“อาสาม ความจริงฉันไปมหาลัยเองก็ได้ค่ะ ไม่ต้องรบกวนคุณ…” เฉินฮวนฮวนก้มศีรษะลงเล็กน้อย เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแล้วเอ่ยบอก
เธอพบว่าตั้งแต่เธอหมดสติแล้วตื่นขึ้นมา เฟิงหานชวนก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เหมือนว่าเขาจะดีกับเธอขึ้นมาหน่อย
พูดตามตรงว่า ไม่ใช่ดีหน่อย แต่ดีมากเชียวล่ะ
ตามที่เฟิงหานชวนบอกตอนเช้ามืด เพราะว่าเขาเข้าใจเธอผิด ดังนั้นเขาจึงรู้สึกละอายใจ ตอนนี้เขาน่าจะอยากชดเชยให้กับเธอนั่นแหละ
ตอนนี้เฉินฮวนฮวนคิดๆ ดูแล้ว พบว่าเฟิงหานชวนเป็นคนจิตใจดีมากคนหนึ่ง หากเป็นคนอื่นเข้าใจผิดก็เข้าใจผิดไป คงไม่มาทำอะไรชดเชยเช่นนี้
“ทางผ่านน่ะ” เฟิงหานชวนยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ก็ได้ค่ะ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนต้องการชดเชยให้ตัวเอง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดอีก
อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นความตั้งใจของเฟิงหานชวน เธอก็จะรับน้ำใจไว้ เช่นนี้แล้วเฟิงหานชวนจะได้สบายใจขึ้นมาบ้าง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินฮวนฮวนก็ไม่ถามอะไรอีก เธอหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดกินต่อ และยังกินเกี๊ยวอีกหนึ่งถ้วยกับน้ำเต้าหู้อีกหนึ่งแก้ว
พอจะกล่าวได้ว่า อิ่มมากจนไม่อาจกินเพิ่มลงไปได้อีกแล้ว
เมื่อเธอลุกขึ้นยืน เธอกลับพบเรื่องน่าอายบางอย่าง เธอยังคงสวมชุดคนไข้ และไม่มีเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วเธอจะออกไปข้างนอกอย่างไร
ชุดเดรสไหมพรมถักที่เกาเหวินให้เธอสวมเมื่อคืนถูกเฟิงหานชวนฉีกขาดไปแล้ว และดูเหมือนว่าจะถูกทิ้งไปแล้วเช่นกัน เธอไม่เห็นมันในห้องเลย
เมื่อเห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “ฉันเอาเสื้อผ้ามาให้เธอแล้ว ฉันลืมไว้ในรถ เธอรอหน่อยแล้วกัน”
ดังนั้น เขาจึงรีบเดินออกจากห้องผู้ป่วยทันที
ห้านาทีต่อมา เฟิงหานชวนเดินถือถุงแบรนด์เนมเข้ามาสามใบ