บทที่ 217 งานเลี้ยงในคฤหาสน์

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 217 งานเลี้ยงในคฤหาสน์

นักเสวียน แข็งแกร่งไหม?

มู่เซิ่งเห็นเศษไม้บนพื้น ยิ้มอย่างไม่ยินดียินร้อน

ในเมื่อคืนก่อน บางทีเขาอาจจะเคารพมู่จงหยุนสามนาที แต่ตอนนี้ เขาไม่มีทางทำเลยด้วยซ้ำ!

เพียงแค่ตอนนี้เขาไม่ได้เผยพละกำลังของนักเสวียนออกมา เป็นเพราะว่าเขายังวางเค้าโครงที่เยียนจิงในตอนนี้ ไม่ลึกซึ้งพอ ไม่สามารถต่อสู้กับมู่จงหยุนซึ่งๆหน้าได้ และยังมีสิ่งสำคัญอยู่อย่างหนึ่ง ก็คืออาการป่วยของพ่อเขา ยังไม่หายเป็นปกติ

“ลูกชาย งั้นลูกหมายความว่า……”

มู่เฉินเทียนตัวสั่นคลอน รู้สึกเหลือเชื่อ

หรือว่า ตอนนี้มู่เซิ่ง ก็มีพละกำลังของนักเสวียนงั้นเหรอ?

นี่……จะเป็นไปได้ยังไง!

เขาเพิ่งจะ 22 ปีเองนะ!

นักเสวียนที่อายุ22ปี ในประวัติของทั้งเยียนจิง ก็เคยปรากฏขึ้นมาหนึ่งคน เมื่อมู่เซิ่งเผยพละกำลังของเขา ตำแหน่งของผู้นำตระกูลนี้ ตกเป็นของมู่เซิ่งโดยที่ไม่ต้องมีข้อพิพาท!

มู่เซิ่งไม่ได้ตอบพ่อ แต่พยักหน้าให้กับเขาแล้ว

เห็นภาพฉากนี้ มู่เฉินเทียนถึงขั้นอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ

“ลูกของฉัน กลายเป็นนักเสวียนแล้ว?”

แต่ว่าไม่นาน เขาก็บังคับให้ตัวเองใจเย็น มู่เซิ่งไม่ได้บอกพ่อ จะต้องเป็นเพราะว่าเขาแน่นอน เพราะงั้นเขาก็ระงับความตื่นเต้นในใจ ไม่ได้พูดถามต่อไป

“วางใจเถอะพ่อ อาการป่วยของพ่อ ไม่นานก็รักษาหายโดยสิ้นเชิง”

หลังจากที่ได้ยินมู่เซิ่งรับรอง มู่เฉินเทียนหยักหน้าแล้ว สำหรับคำพูดของลูกชายของเขา เขาเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข:

“ลูกชาย ฉันลุกขึ้นยืนได้ ก็พึงพอใจแล้ว มู่จงหยุนภายนอกดูเป็นคนดี แต่ภายในคิดไม่ดี ลูกจะต้องระวังตัวให้ดี”

ฉินหลินรอมู่เฉินเทียนอยู่นอกประตู หลังจากที่เห็นมู่เซิ่งเข็นพ่อของเขา เดินเข้าไปทันที

เงาหลังของพ่อ หายไปในสายตาที่แคบและยาวของเขาในท้ายที่สุด

มู่เซิ่งนึกถึงภาพที่ตระกูลมู่อย่างถอนใจ ตอนที่จากไปในปีนั้น เขาผ่านความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน กลับว่าเป็นคนรัก ที่กลายเป็นปมในใจของเขา ไม่เช่นนั้นต่อให้ตระกูลมู่ใหญ่แค่ไหน เขาก็ไม่กลับมา

“มู่จงหยุน ถ้าหากคุณไม่ได้มีจิตใจที่คิดร้ายต่อพ่อฉัน บางทีฉันก็ให้อภัยคุณได้”

มู่เซิ่งส่ายหน้าแล้ว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเศร้า

“คุณคิดว่าฉันและคุณ ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ว่าคุณเคยคิดบ้างไหมว่า นัยน์ตาของฉัน แม้แต่โคลนคุณก็เทียบไม่ได้”

“โลกของฉัน คุณไม่เข้าใจด้วยซ้ำ”

มู่เซิ่งส่ายหน้าเบาๆ ฝ่ามือตกลงบนเก้าอี้ไม้ข้างตัว ออกแรงที่ฝ่ามือ กดลงเบาๆ

ฉ้วบ——

เก้าอี้ตัวนั้นแกว่ง เหมือนว่าถูกลบด้วยความว่างเปล่ายังไงอย่างนั้น หายไปในห้องโถงแห่งนี้อย่างสบายๆ ราวกับว่าฝนตกปรอยๆ ไม้กลายเป็นเศษผง ตกลงมาจากกลางอากาศ

เก้าอี้ทั้งตัว คิดไม่ถึงว่าละเอียดกลายเป็นเศษไม้แล้ว!

มู่เซิ่งยิ้มอย่างนิ่งๆ เดินก้าวยาวๆออกไปจากห้องพิพากษาของตระกูลมู่แล้ว

……

เวลาต่อจากนี้ มู่เซิ่งอยู่ในห้องของตัวเอง อ่านตำราคร่าวๆ หลับตาพักผ่อน เงียบสงบมาก รอเวลานัดหมาย เข้าร่วมงานเลี้ยง

“นี่ คุณมู่ ขอโทษด้วยจริงๆนะ เพราะว่ามีบุคคลสำคัญมากที่จะมาเข้าร่วมงานเลี้ยง เพราะงั้นเลทออกไปหลายชั่วโมงแล้ว กระทั่งตอนนี้ถึงได้อนุญาตให้เข้าร่วมงาน คุณไม่โกรธใช่ไหม?”ทางปลายสายโทรศัพท์แผ่ซ่านน้ำเสียงที่เคารพของคุณเดวี่เข้ามา

มู่เซิ่งไม่โกรธแน่นอน เขายังมีเรื่องที่จะขอเจ้าภาพงานเลี้ยงนะ

“ได้ งั้นอีกเดี๋ยวฉันก็ไปถึง”มู่เซิ่งพูดอย่างนิ่งๆ

“โอเค คุณมู่ จะให้ฉันไปรับคุณไหม?”คุณเดวี่พูดอย่างตื่นเต้น

ช่วงเวลานี้เธอ คิดถึงหมอเทวดาแห่งประเทศตงหัวท่านนี้มาก

“ไม่เป็นไร คุณส่งที่อยู่มาให้ฉัน ฉันไปเอง”มู่เซิ่งส่ายหน้า เก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกง

ไม่นาน

ในสวนแห่งหนึ่งของเขตชานเมืองของเยียนจิง สะพานน้อยๆกับน้ำไหล รถหรูคันแล้วคันเหล่า ขับเข้าไปจากประตู

“คุณมู่ ในที่สุดคุณก็มาแล้ว!”

มู่เซิ่งเพิ่งจะเดินลงมาจากแท็กซี่ ก็มีหญิงสาวรูปร่างเซ็กซี่เดินมาทางเขาแล้ว หญิงสาวคนนี้ผมสีทองตาสีฟ้า สาดส่องลมหายใจที่ปราดเปรียวไปทั้งตัว ยังใส่แว่นตาดำขนาดใหญ่ ทำให้คนรู้สึกถึงความกระตือรือร้นราวกับไฟอย่างหนึ่ง

“คุณเดวี่ คุณรอนานแล้ว”มู่เซิ่งยิ้มพร้อมพูดกล่าว คิดไม่ถึงว่าเดวี่จะมารอเขาอยู่ที่หน้าประตูด้วยตัวเอง

“ไม่นาน ฉันก็เพิ่งมา แต่ว่าคุณวิลเลี่ยมทนต่อลมหนาวไม่ได้ เข้าไปก่อนแล้ว ให้ฉันพาคุณเดินเล่นในนี้ ”คุณเดวี่ยิ้มพร้อมพูด เธอพูดอย่างเกรงใจ แต่มือกลับว่าวางบนไหล่ของมู่เซิ่งแล้ว

งานเลี้ยงครั้งนี้ วิลเลี่ยมเป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญ มู่เซิ่งมีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ก็เพราะเขา

ไม่เช่นนั้น เขาจะต้องรบกวนให้พ่อใช้เส้นสายแล้ว

“งั้นก็ต้องรบกวนคุณเดวี่แล้ว”มู่เซิ่งยิ้มพร้อมพูดกล่าว

คุณเดวี่ดึงมือของมู่เซิ่งอย่างกระตือรือร้น “ได้ต้อนรับคุณมู่ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมาก จริงสิ ของที่คุณให้ฉันหา อยู่ในมือของเจ้าภาพงานเลี้ยง งานเลี้ยงจัดสองเวลา วันที่สองเจ้าภาพถึงจะมา เพราะงั้นวันนี้ คุณมู่สนุกให้เต็มที่”

“แม้ว่าในนี้เป็นเขตชานเมืองของเยียนจิง แต่ว่ารอบๆก็เชื่อมกับเมืองหรันเฟิง เมืองโบราณพอดี ทิวทัศน์ เป็นเอกลักษณ์ สิ่งที่สวยงามที่สุดไม่มีอะไรมากไปกว่าวิวทิวทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ในท้องถิ่น”

คุณเดวี่ก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะพามู่เซิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ แต่เดินเล่นในเขตวิวทิวทัศน์ เส้นทางที่เดินผ่าน เห็นสะพานเล็กๆน้ำไหลผ่านมากมาย มองเห็นยอดเขาสูงทะลุเมฆอยู่ไกลๆ งามและแปลกแบบโบราณ

“เขตทัศนียภาพในนี้ คนมากมายมาเที่ยว ยอดเข้าที่อยู่ไกลๆ เป็นเขาแห่งรักที่มีชื่อเสียงที่สุดในนี้ ได้ยินว่าถ้าหากคู่รักมาปีนป่าย ยิ่งปีนสูงเท่าไหร่ ต่อไปก็จะเดินไปด้วยกันได้นานเท่านั้น ด้านบนยังมีโซ่ยาว แขวนตัวล็อกที่มีชื่อของคู่รักมากมาย!พวกเราจะไปลองสักหน่อยไหม ”คุณเดวี่ก็มาสถานที่เช่นนี้เป็นครั้งแรก เห็นได้ชัดว่ารอคอยมานานมาก พูดแล้วตัวเองก็ตื่นเต้นขึ้นมา

“ไม่ต้องแล้ว เดินเล่นก็พอ”มู่เซิ่งฝืนยิ้ม

คุณเดวี่คนนี้ กระตือรือร้นเกินไปแล้ว แถมยังจะลากเขาไปปีนเขาอีก เธอใส่ส้นสูง ไม่กลัวว่าปีนได้ครึ่งหนึ่งก็หมดแรงเหรอ?

เดวี่พยักหน้าอย่างค่อนข้างหดหู่ แต่ยังคงพามู่เซิ่งไปเดินมั่วทุกที่ ความกระตือรือร้นไม่ลดลงเลย

หลังจากที่เดินครึ่งรอบใหญ่ ทั้งสองคนถึงได้กลับมาในคฤหาสน์ที่จัดงานเลี้ยง

“คุณมู่ ห้องของคุณฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้ตอน 20:00 งานเลี้ยงเริ่มอย่างเป็นทางการ และบุคคลชนชั้นนำในแต่ละที่ทั่วประเทศล้วนแต่เข้าร่วมด้วย เพราะว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะทำความรู้จักสร้างเส้นสาย คุณวิลเลี่ยมก็จะออกหน้า วันนี้คุณน่าจะว่างนะ? ”คุณเดวี่พูดถาม

“แน่นอน”มู่เซิ่งพยักหน้า เป้าหมายที่มาที่นี่ แม้ว่าเป็นเพราะวัตถุยา แต่กิจกรรมงานเลี้ยงเช่นนี้ เขาเข้าร่วมด้วยสักหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลังจากที่เอาตะขาบออกมา คุณวิลเลี่ยมก็อยากจะมาหามู่เซิ่งให้ช่วยดูว่าร่างกายของเขาฟื้นตัวกลับมาเท่าไหร่แล้ว

“งั้นคืนนี้ฉัน ค่อยมาหาคุณอีก”

คุณเดวี่พูดกล่าว

“ไม่เป็นไร ฉันไปเองก็ได้ ถึงตอนนั้นค่อยเจอที่งานเลี้ยงก็ได้แล้ว”มู่เซิ่งยิ้มพร้อมพูด เขาก็ไม่ได้คนที่ชอบขี้เก๊กอะไร

“ได้ งั้นก็ทำตามที่คุณมู่พูดก็ได้แล้ว”

คุณเดวี่พยักหน้า

……

ถึงเวลา 20:00น.

งานเลี้ยงเตรียมที่จะเริ่ม

พนักงานที่หน้าประตูได้รับการแจ้งจากคุณเดวี่แล้ว เพราะงั้นหลังจากที่รู้ชื่อของมู่เซิ่ง ไม่นานก็ปล่อยผ่านแล้ว

หลังจากที่มู่เซิ่งเข้ามาในโรงแรมอย่างราบรื่น กวาดสายตามอง เห็นในกลุ่มคน มีบุคคลที่คุ้นเคยมากคนหนึ่ง