บทที่ 245 ท่านคงไม่ได้มีกลิ่นเต่าหรอกนะ

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 245 ท่านคงไม่ได้มีกลิ่นเต่าหรอกนะ

“เกิดขึ้นได้อย่างไร ?”

“ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดขึนได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ข้าไปตามหมอหลวง เมื่อถึงครึ่งทาง จู่ ๆ ก็มีกระถางดอกไม้ตกลงมาบนศีรษะจากท้องฟ้า โดนเข้ากับหมอหลวงพอดี หมอหลวงถูกนำส่งไปยังโรงหมอหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงของคนรับใช้ปะปนความงงงวยที่ไม่เข้าใจ

เฟิ่งชิงหัวได้ยินเช่นนี้ก็เลิกคิ้ว

สิ่งของที่ตกมาจากที่สูงในพระราชวัง ?

เฟิ่งชิงหัวเอียงหัวมองไปยังจ้านเป่ยเซียวที่กำลังนั่งคนเดียวบนเก้าอี้

ราวกับสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของนาง เขาเอียงศีรษะ ยิ้มอย่างกระทำแผนชั่วสำเร็จให้นาง

ที่แท้คือเขา ดูเหมือนว่า เขาจะไม่ชอบเสด็จย่าของตนเองเลยสักนิดจริง ๆ

“แล้วทำไมไม่ไปตามหมอหลวงคนอื่น ! คนในโรงหมอหลวงตายกันหมดแล้วหรือไง !” น้ำเสียงฮ่องเต้เซวียนถ่งเดือดดาลอย่างยิ่ง ดึงความรู้สึกนึกคิดของเฟิ่งชิงหัว

คนรับใช้พูดอย่างสั่นเทา : “ข้า ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

ระหว่างพูดก็วิ่งออกไป

ความเคร่งขรึมบนใบหน้าของฮ่องเต้เซวียนถ่งกลับยังคงไม่ลดไปแม้แต่น้อย กวาดตามองเฟิ่งชิงหัวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และก็มองเสด็จแม่ที่ไม่ได้สติ ถึงอย่างไรความกตัญญูก็ได้รับชัยชนะ

“องค์หญิงซีหลันมาฝังเข็มให้ไทเฮาเถอะ” ฮ่องเต้เซวียนถ่งตรัส

“จักรพรรดิ” ฮูหยินเฒ่าเจียงรีบขัดขวาง ครั้งนี้ฮ่องเต้เซวียนถ่งกลับไม่ฟังนางอีก

“ถ่วงเวลาไป รอหมอหลวงมา หากไทเฮาเป็นอะไรไป เจ้ารับผิดชอบได้หรือ ?” ฮ่องเต้เซวียนถ่งกล่าวเสียงแข็ง

ฮูหยินเฒ่าเจียงในใจกล่าว ข้ารับผิดชอบได้แน่นอน ถึงอย่างไรไทเฮาก็แกล้งทำ รอให้หมอหลวงมา จัดแจงอาการป่วยให้ไทเฮา จากนั้นจักรพรรดิลงโทษองค์หญิงซีหลัน ไทเฮาก็จะฟื้นเอง

ทว่านางไม่สามารถพูดออกไปได้ ทำได้เพียงยืนอยู่ข้างไทเฮา

เฟิ่งชิงหัวก้าวมาข้างหน้า มองดูฮูหยินเฒ่าเจียงที่ยังคงขวางอยู่ จู่ ๆ ก็ปิดจมูกกล่าว : “เอ๊ะ กลิ่นอะไรน่ะ บาดจมูกจริง”

ฮูหยินเฒ่าเจียงใบหน้าแดงขึ้นอย่างฉับพลัน : “เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร ?”

“อ๊ะ ฮูหยินเฒ่าเจียงท่านอยู่ห่าง ๆ ข้าหน่อย กลิ่นของท่าน แย่มากจริง ๆ ท่านคงไม่ได้มีกลิ่นเต่าหรอกนะ ?” ระหว่างพูด ก็ถอยหลังสองสามเมตรโดยมิรอช้า ราวกับกลัวว่าจะเป็นโรคติดต่ออย่างมาก

“เจ้าพูดเพ้อเจ้อ ข้าจะมีของแบบนั้นได้อย่างไร !” ฮูหยินเฒ่าเจียงรอเฟิ่งชิงหัว ดวงตาของนางก็มีน้ำตาคลอ

เฟิ่งชิงหัวส่ายหน้ากล่าว กล่าวด้วยความรังเกียจ : “หากเจ้าไม่เชื่อเจ้าก็ให้หลานสาวเจ้าดมดู มิน่าเล่าไทเฮาเหนียงเหนียงเป็นลมไป ที่แท้ก็เป็นลมเพราะกลิ่นตัวของเจ้า นึกไม่ถึงว่าฮูหยินเฒ่าเจียงยังอยากจะใส่ร้ายข้า น่าเกลียดเสียจริง”

ฮ่องเต้เซวียนถ่งและฮองเฮาอยู่ข้างกายไทเฮา เมื่อครู่นี้ก็ได้กลิ่นราง ๆ เพียงแค่ต่างก็ตึงเครียดกับอาการป่วยของไทเฮา จึงไม่ได้สนใจ ตอนนี้ถูกเฟิ่งชิงหัวกล่าวเตือน การแสดงออกบนใบหน้าทั้งหมดก็เปลี่ยนไปไม่น่าดู ฮองเฮาก็ค่อย ๆ ถอยหลังสองสามก้าว

ฮูหยินเฒ่าเจียงมองไปยังหลานสาวของตน ใบหน้าของเจียงหยูหวันลำบากใจ กลับพยักหน้าเบา ๆ ให้กับฮูหยินเฒ่าเจียง

ในวินาทีนั้นฮูหยินเฒ่าเจียง เลือดพลุ่งพล่าน แก้มทั้งสองแดงก่ำ อับอายและเคียดแค้นจนอยากตาย คาดไม่ถึงว่าจะเป็นลมไปจริง ๆ

เจียงหยูหวันตะโกนเสียงดัง : “ท่านย่า !”

แต่ทว่า ฮูหยินเฒ่าเจียงล้มลงบนพื้น ไม่ขยับแม้แต่น้อย

เฟิ่งชิงหัวอยู่ข้าง ๆ กล่าวอย่างเอ้อระเหย : “ฮูหยินเฒ่าเจียงตอนนี้โดยกลิ่นของตนเองทำให้หน้ามืดไปแล้ว ? หลายปีเช่นนี้ มิใช่ว่ามีภูมิป้องกันแล้วหรือ ?”

“เห็นชัด ๆ ว่าท่านย่าของข้าโกรธเจ้าจนเป็นลม และก็ ท่านย่าของข้าก็ไม่ได้มีกลิ่นแบบนั้น กลิ่นนี้ อาจจะมีใครใส่ไว้ที่ตัวนาง” เจียงหยูหวันกล่าวอย่างไม่พอใจ

เฟิ่งชิงหัวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย กล่าวกับเจียงหยูหวัน : “ข้าก็รู้สึก แต่ว่านี่ก็พิสูจน์ได้ใช่หรือไม่ ว่ากลิ่นนี้แพร่เชื้อได้ใช้ไหม เช่นนั้นคุณหนูเจียงก็ต้องระวังนะ ไม่รู้ว่าสิ่งนี้หลังจากแพร่เชื้อมาบนตัวจะกำจัดได้หรือไม่”

เจียงหยูหวันได้ยินเช่นนี้ ก็เกือบจะกระโดดขึ้น ถอยหลังก้าวใหญ่ออกไปไกล ราวกับว่าคนที่นอนอยู่บนพื้นไม่ใช่ท่ายย่าของนาง แต่เป็นสิ่งของที่น่ารังเกียจ

“คุณหนูเจียงเหตุใดท่าทีตอบโต้ใหญ่เช่นนั้น ? ท่านย่าของเจ้าก็กลัว ? ดูเหมือนคุณหนูเจียงก็มิได้จิตใจดีเหมือนในข่าวลือ บริสุทธิ์และกตัญญู ข่าวลืออาจจะเกินจริงไปหน่อย” เฟิ่งชิงหัวเม้มริมฝีปาก

สีหน้าของเจียงหยูหวัน ที่ขาวซีดตั้งแต่เริ่ม ก็เปลี่ยนเป็นแดง และกลายเป็นคล้ำ ตอนนี้ดำไปแล้ว

ฮองเฮาเหนียงเหนียงครั้งนี้ก็ไม่ลืมที่จะได้ทีขี่แพะไล่กล่าว : “คุณหนูเจียงยังไม่รีบไปประคองท่านย่าของเจ้าขึ้นมาอีก นอนอยู่ที่พื้นได้อย่างไร ไม่กลัวไม่สบายรึ ?”

ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยการถากถามและเหยียดหยาม

วันนี้นางมีความรู้ดีเกี่ยวกับข่าวลือนี้จริง ๆ เจียงหยูหวันผู้นิสัยดีมีความรู้ใหม่ทั้งหมด

จิตใต้สำนึกเจียงหยูหวันยื่นมือออกไป แต่พอคิดอะไรได้ ก็ถอยกลับไป กล่าวอย่างน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง : “องค์หญิงซีหลันไม่ได้บอกว่า คนที่โกรธจนรุมเร้าใจ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายตามอำเภอใจได้หรือ ฉะนั้น ข้ามิกล้าขยับ โดยเฉพาะเป็น…”

คำพูดตามมาไม่ได้พูดออกมา แต่ท่าทางกัดริมฝีปากเช่นนั้น คนที่มองอยู่เห็นนางแล้วน่าสงสาร ในใจเกิดความสงสาร

แต่ทว่าประโยคถัดไปของเฟิ่งชิงหัวได้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของเจียงหยูหวัน

“อ้อ คุณหนูเจียงวางใจได้ ที่ข้าบอกว่าโกรธจนรุมเร้าใจหมายถึงไทเฮาเหนียงเหนียง เดิมทีคิดว่าไทเฮาเหนียงเหนียงโกรธจนเป็นลม ทว่าตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ ส่วนท่านย่าของท่าน เป็นลมเพราะตนเอง ดังนั้นไม่มีผลกระทบอะไร เจ้าประคองได้อย่างสยาบใจหายห่วงได้เลย”

เจียงหยูหวันได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่กล้าลงมือทำ

นางยังไม่ได้แต่งงาน ในกรณีที่ผลลัพธ์บนตัวท่านย่าเป็นกลิ้นขี้เต่าจริง เช่นนั้นวันข้างหน้าจะแต่งงานได้อย่างไร

ฮองเฮาเหนียงเหนียงยังซ้ำเติมอยู่ข้าง ๆ : “คุณหนูเจียง ได้ยินแล้วหรือยัง ยังไม่รับไปประคองท่านย่าเจ้าขึ้นมาอีก ?”

จ้านถิงเฟิงเองก็ออกปากช่วยแก้หน้าให้นาง : “ใครก็ได้ ช่วยฮูหยินเฒ่าเจียงไปพักบนตั่งข้าง ๆ ที”

หลังจากที่ฮูหยินเฒ่าเจียงถูกพยุงขึ้น เจียงหยูหวันก็ตามไปข้าง ๆ ห่างจากเฟิ่งชิงหัว กลัวว่าจะโดนอุบายของผู้หญิงคนนี้อีก

ฮ่องเต้เซวียนถ่งจ้องมองละครลิงตรงหน้า ขณะนี้ก็ได้กล่าว : “องค์หญิงซีหลัน รีบมาฝังเข็มเถอะ”

เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า ถือเข็มเดินไปใกล้ไทเฮา ตาเปล่าสามารถเห็นเปลือกตาของไทเฮาเพราะกลัวจึงหลับตาแน่น รอยย่นบนมุมตาก็ขมวดแน่นจนลึก

เฟิ่งชิงหัวแอบหัวเราะในใจ ถือเข็มเงินแทงเข้าไปอย่างรวดเร็ว เลือดก็ไหลออกมาจากร่องกลางริมฝีปาก ไหลตามมุมปากเข้าไปยังปากของไทเฮา

พริบตานั้น ทั่วร่างไทเฮาอดกลั้นเอาไว้ ทว่าไม่ตื่นขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ากำลังกัดฟันอดทน

ฮ่องเต้เซวียนถ่งที่พยุงไทเฮาอยู่ตลอด ได้ยินเช่นนี้ก็ตื่นตระหนกกล่าว : “เกิดอะไรขึ้น ?”

เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน : “จักรพรรดิ ไทเฮาเพิ่งเป็นลมไปเมื่อครู่นี้ ฉะนั้นเพียงแค่เข็มเดียวก็ฟื้นได้ แต่ตอนนี้เวลาผ่านไปไม่น้อย เข็มเดียวเกรงว่าจะไม่สามารถทำให้ไทเฮาฟื้นได้ หากเข็มเล่มนี้ใช้ไม่ได้ล่ะก็ เช่นนั้นต้องฝังสองเข็มพ่ะย่ะค่ะ”

“เข็มที่สองก็ที่ร่องกลางริมฝีปากรึ ?”

“ไม่เพคะ หากเป็นเข็มที่สอง จะต้องฝังที่นิ้ว เล่ากันว่าสิบนิ้วเชื่อมถึงหัวใจ ตามที่ฝังเข้าไป ปักถึงเลือดเนื้อ หลังจากได้รับความเจ็บ ร่างกายของไทเฮาก็จะเริ่มการป้องกันโดยสัญชาตญาณ จากนั้นจะฟื้นคืนสติ” เฟิ่งชิงหัวเริ่มพูดไร้สาระอย่างจริงจัง