บทที่ 232 กระบี่มารแปดแดนร้าง

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 232 กระบี่มารแปดแดนร้าง

บทที่ 232 กระบี่มารแปดแดนร้าง

ลู่หยวนถือแผนที่ไว้ในมือ สายตาของเขากวาดมองสองสามครั้ง ก่อนเก็บแผนที่ไว้ โดยไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด “สิ่งนี้นับว่ามีประโยชน์ต่อข้า”

เมื่อเห็นชายหนุ่มรับเอาไว้ ฮ่วนซิงไป๋บังเกิดความยินดีขึ้นในใจ “ดีจริงที่เป็นประโยชน์ต่อบุตรศักดิ์สิทธิ์!”

ทั้งสองมุ่งหน้าสู่หอคอยสวรรค์พร้อมกัน เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป ทั้งสองก็มาถึงยอดเขาบรรพชน ที่ตั้งของหอคอย

หอคอยสวรรค์แห่งนี้ถูกสร้างอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง รูปทรงของมันเป็นหอคอยเก้าชั้นที่ตั้งตรงสูงเสียดฟ้า

นอกยอดเขาบรรพชนมีชายชราผู้หนึ่งยืนคุ้มกัน เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ สายตาราวกับเหยี่ยวของเขาก็จับจ้องมาที่พวกลู่หยวนทันที “หอคอยสวรรค์แห่งนี้คือสถานที่สำคัญ ผู้ไม่มีเหรียญตราห้ามเข้า!”

ทั้งสองแสดงเหรียญตราในมือให้ชายชราดู อีกฝ่ายจึงสะบัดมือออกไป ค่ายกลทั้งหลายที่อยู่รอบยอดเขาบรรพชนพลันเลือนหาย ทำให้ทั้งสองสามารถเข้าไปได้

ยามย่างก้าวเข้าสู่ยอดเขาบรรพชน พวกเขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของมหาวิถีนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนลงมา จากบนยอดหอคอยเก้าชั้นที่ซ้อนทับกัน

ประตูหอคอยของชั้นที่หนึ่งเปิดออก มีแสงสว่างสีทองสาดส่องมาจากข้างใน ดูน่าตื่นตาไม่น้อย

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ พวกเรามีเวลาอยู่ในหอคอยสวรรค์สามวัน ข้ามีบางอย่างต้องทำ เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน”

ฮ่วนซิงไป๋ยกมือขึ้นเพื่อกล่าวลา ร่างของเขาวูบไหว ก่อนจะเข้าไปหยุดอยู่หน้าประตู

ลู่หยวนหยิบแผนที่ของหอคอยสวรรค์ออกมา สายตาจับจ้องไปยังที่ที่มีคำว่า ‘มาร’ อย่างรวดเร็ว

ถ้าตามที่ปรากฏในแผนที่ เป้าหมายของเขาจะอยู่ในพื้นที่ชั้นที่เก้าของหอคอย

ชายหนุ่มเก็บแผนที่และมุ่งหน้าไปทันที

ทว่าเมื่อขาย่างก้าวเข้าสู่ด้านใน แสงสว่างสีทองพลันสาดส่องเข้ามาจนมองไม่เห็นสิ่งใดแม้แต่น้อย

ครู่ต่อมาที่แสงสว่างจางหาย ลู่หยวนกวาดตามองรอบข้าง พบว่าเขาอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าสีขาวโพลน โดยมีตำรานับไม่ถ้วนลอยอยู่ในอากาศธาตุ มันกว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทรตำรา

ยามเขาเงยหน้าขึ้น จึงพบว่าเหนือศีรษะของเขามีกระบี่ใหญ่เล่มหนึ่งลอยอยู่ มันถูกห้อมล้อมด้วยเจตจำนงกระบี่อันแปลกประหลาด

บุตรศักดิ์สิทธิ์กวาดสายตามองรอบข้าง พบว่าตำราที่ลอยไปมาส่วนใหญ่ข้องเกี่ยวกับวิถีกระบี่ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าตำราวิถีกระบี่เหล่านี้ หากเป็นไปตามที่แผนที่บันทึกไว้ พวกมันจะอยู่บนชั้นสี่

ดูท่าค่ายกลที่เพิ่งพาเข้าสู่หอคอยจะเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบสุ่ม…

บุตรศักดิ์สิทธิ์หันมองรอบข้าง และพบค่ายกลกะพริบไหวอยู่ในจุดไกลลิบ

ลู่หยวนมุ่งหน้าเข้าสู่ค่ายกล เขาเห็นแสงสีขาวสว่างวาบ ชั่วพริบตา ฉากเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครา เจตจำนงดาบกดทับลงมาที่เขาในบัดดล

ยามมองเห็นตำราเคล็ดวิชาดาบรอบข้าง ชายหนุ่มก็ทราบได้ทันทีว่าตนอยู่ที่ชั้นห้า

ขณะกำลังตรวจสอบว่าค่ายกลต่อไปอยู่ที่ไหน เขาก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้น

“พี่ฉู่เชิ่ง นี่คือที่ตั้งของตำราเคล็ดวิชาดาบ ภายในสามวันนี้ เจ้าสามารถอ่านพวกมันได้อย่างเต็มที่”

เมื่อลู่หยวนได้ยินเสียง เขาทราบทันทีว่าเป็นชิวชิงหลี ทำให้ต้องปกปิดกลิ่นอายโดยพลัน

ยามนี้ เสียงของฉู่เชิ่งยังคงดังขึ้น “ได้! แต่เจ้าอยากไปชั้นที่เก้าจริงหรือ? บนชั้นที่เก้า ดูเหมือนจะไม่มีตำราโบราณอะไรอยู่เลย”

“ชั้นที่เก้าบันทึกความลับบางอย่างเอาไว้ ข้าแค่อยากลองไปค้นหาดูเสียหน่อย”

สิ้นคำ ชิวชิงหลีก็มุ่งหน้าไปทางหนึ่ง

ขณะมองร่างที่จากไปของผู้สืบทอดวิถีคุณธรรม ลู่หยวนคลี่ยิ้ม ดูจากการเคลื่อนไหวอันคุ้นชินของชิวชิงหลีแล้ว นางน่าจะเคยมาที่นี่มาก่อน หากเป็นเช่นนั้น การตามนางไปน่าจะทำให้สามารถไปถึงชั้นที่เก้าได้ไวที่สุด!

บุตรศักดิ์สิทธิ์ปกปิดกลิ่นอายของตนเอง ก่อนตามชิวชิงหลีโดยเว้นระยะไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป

หลังจากผ่านค่ายกลไปสองสามแห่ง ชายหนุ่มก็ตามนางจนมาถึงชั้นที่เก้า

ร่างของชิวชิงหลีตรงเข้าสู่พื้นที่ที่คำว่า ‘มาร’ ถูกบันทึกเอาไว้โดยมีชายหนุ่มตามหลังมา สายตาของเขาหรี่ลง

หญิงสาวผู้นี้มาจากตระกูลชิวไม่ใช่หรือ?

เหตุใดจึงมาที่นี่?!

ชิวชิงหลีหยุดนิ่งในพื้นที่ดังกล่าว ก่อนหยิบตำราโบราณสองสามเล่มออกมาอย่างชำนาญ แล้วพลิกดูไปมา ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปนางก็ปิดตำราโบราณ คล้ายกับตระหนักได้ถึงบางอย่าง จึงทิ้งตำราโบราณเหล่านั้น ก่อนออกจากพื้นที่ดังกล่าว แล้วมุ่งหน้าสู่ที่อื่น

เมื่อนางจากไปแล้ว ลู่หยวนจึงพุ่งไปข้างหน้า เขาหยิบตำราทุกเล่มที่ชิวชิงหลีเพิ่งอ่านไปขึ้นมา เริ่มพลิกอ่านพวกมัน

เขาพบว่าตำราเหล่านี้ล้วนเกี่ยวกับมาร เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับอาวุธวิเศษที่จอมมารเคยใช้ในอดีตกาล

ชิวชิงหลีมาตามหาสิ่งเหล่านี้ หรือว่านางจะได้รับเบาะแสเกี่ยวกับอาวุธของจอมมาร?

ลู่หยวนสะกดความสงสัยเอาไว้ ก่อนเปิดตำราเล่มสุดท้าย เมื่อพลิกไปได้ไม่กี่หน้า เขาจึงพบว่ามันเป็นกระดาษสีขาว

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เหตุใดตำราไร้ตัวอักษรถึงมาอยู่ที่นี่?

เขาพลิกดูทีละหน้า ทำให้พบว่าในตำราไร้ตัวอักษรเล่มนี้มีบางสิ่งที่ดูเหมือนแผนที่ถูกวาดเอาไว้

เพียงแต่มันอาจจะเก่าแก่เกินไป ทำให้ลายมือดูเลือนราง สิ่งที่ถูกวาดเอาไว้ก็ยากจะทำความเข้าใจได้

ทว่าที่ขอบของแผนที่มีรูปยอดเขาแห่งหนึ่ง มันถูกปกคลุมด้วยหมู่เมฆสีดำและมีฟ้าแลบออกมา ดูสะดุดตาไม่น้อย

หัวใจของลู่หยวนพลันแข็งทื่อ ความรู้สึกอันคุ้นเคยก่อเกิดขึ้นมา

เขาส่งสัมผัสเทวะส่วนหนึ่งเพื่อตรวจสอบแหวนเก็บของ ผ่านไปสักพัก เศษแผนที่ก็ถูกเรียกออกมา

เศษแผนที่นี้เขาได้มาตอนที่ฉีเฟิงขอร้องให้ลู่หยวนสังหารหมัวเทียน

สิ่งที่บันทึกไว้ในเศษแผนที่นี้ คือสถานที่ที่อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างกระบี่มารแปดแดนร้างตั้งอยู่!

จากสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในตำราทั้งหลายเมื่อครู่ กระบี่มารแปดแดนร้าง คือกระบี่ที่ถือครองโดยแม่ทัพมารผู้อยู่ใต้อาณัติของจอมมาร!

ลู่หยวนประกบเศษแผนที่เข้ากับส่วนที่ขาดหายไปของตำรา ทำให้พบว่าภายใต้หมู่เมฆสีดำที่ปรากฏบนแผนที่ แท้จริงแล้วมียอดเขาสองลูกตั้งตระหง่านเคียงข้างกัน

และในท้องนภาที่อยู่อีกด้านของเศษแผนที่ คือดวงอาทิตย์ที่สาดแสงบนฟากฟ้า

ทั้งที่ตะวันยังเจิดจ้าแผดเผาอยู่ แต่เหตุใดถึงมีเมฆดำฟ้าร้องเล่า?

ลู่หยวนคิ้วขมวด ฉากที่ปรากฏบนแผนที่นี้นับว่าพบเจอได้ยากนัก

ชายหนุ่มหรี่ตาลงฉับพลัน คล้ายจำได้ว่าเคยเห็นฉากผิดปกติวิสัยเช่นนี้มาก่อน

“ตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม!”

ลู่หยวนจำได้ว่า ท่ามกลางเงาที่ถูกฉายผ่านลูกแก้วส่องสวรรค์ในยามนั้น สิ่งแรกที่ปรากฏคือแผนที่รูปร่างเช่นนี้

ยอดเขาสองลูกตั้งตระหง่านเคียงข้างกัน มีคูน้ำธรรมชาติไหลผ่าน แม้จะมีดวงอาทิตย์อยู่ด้านบน แต่หมู่เมฆสีดำกลับเคลื่อนลงมาพร้อมบังเกิดฟ้าร้องขึ้น

แผนที่นี้บันทึกตำแหน่งของกระบี่มารแปดแดนร้างเอาไว้ รวมถึงตำแหน่งของตระกูลชิวด้วย!

ลู่หยวนพลันหัวเราะออกมา “หึหึ เป็นถึงตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม กลับมาตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่ที่กระบี่มารแปดแดนร้างถูกผนึกเอาไว้! ลูกหลานของตระกูลกำลังตามหาร่องรอยของกระบี่มารแปดแดนร้างอยู่ที่นี่!”

“เหอะ เรื่องราวชักจะน่าสนใจขึ้นมาแล้ว”

หากเป็นไปตามที่เจิ้งชิงเทียนว่า คนสุดท้ายที่เขาเห็นผ่านลูกแก้วส่องสวรรค์… ก็คือชิวสิง!

ตำแหน่งของตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมในยามนี้จะต้องถูกกำหนดโดยชายผู้นั้นเป็นแน่

ผู้มีสายเลือดวิถีคุณธรรม แทนที่จะหลีกหนีจากมาร แต่กลับอยู่ร่วมกับพวกมัน

ลู่หยวนบังเกิดความสงสัยเล็กน้อย ชิวสิงต้องการจะทำอะไรกันแน่?!

เขานำแผนที่ทั้งหมดในตำราเล่มนั้นไปรวมเข้าด้วยกันกับเศษแผนที่ ก่อนชายหนุ่มจะขยับมือ ให้ค่ายกลนับร้อยปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้

ในช่วงเวลาที่เหลือ ลู่หยวนอุทิศตนเองให้กับตำราเหล่านี้ เพื่อค้นหาบันทึกที่ข้องเกี่ยวกับ ‘แก่นโลหิตมาร’