บทที่ 182 เจ้ากําลังคิดแบบนั้นจริงด้วย!

ไม่มีอะไรให้พูดถึงอีกต่อไป

ผู้เล่นที่มาเพื่อสนับสนุนผู้เล่นใหม่ที่น่ารักเป็นพิเศษ ได้ระดมทักษะโจมตีใส่ทหารของโคโดบอสร่า

ฝนทักษะระดับสูงยังไม่ทันโปรยลงมาครบทหารเหล่านั้นก็ถูกส่งไปถึงซีเว่ยแล้ว ด้วยเหตุนี้ผู้เล่นส่วนใหญ่จึงพบว่าศัตรูของพวกเขาอ่อนแอเกินไป พวกเขาเสียใจมากที่ไม่มีโอกาสได้แสดงความเก่งกาจให้พวกเด็ก ๆ เห็น และถึงกับคิดจะชุบชีวิตศัตรูที่ล้มเหลวเหล่านั้นขึ้นมาทุบตีอีกครั้ง

ช่างน่าเสียดายที่ทักษะชุบชีวิตมีผลกับผู้เล่นเท่านั้น…

ในเวลาเดียวกันขุนนางหญิงก็ตกตะลึง เธอเกิดมาในตระกูลผู้ดี นั่นทําให้เธอค่อนข้างมีความรู้เมื่อเทียบกับคนธรรมดาทั่วไป แต่เธอก็พึ่งเคยจะเห็นทักษะมากมายและผลกระทบของทักษะที่ตระการตา จนทําให้เป้าหมายที่โดนฝนทักษะเหล่านั้นเข้าไปตายได้ทันทีแบบนี้

เมื่อพูดถึงผลกระทบของทักษะเพียงอย่างเดียว แม้แต่การต่อสู้ที่น่ากลัวและโหดร้ายที่สุดที่กําลังขับเคี่ยวกันในมุมอื่น ๆ ของโลก เธอก็กลัวว่ามันไม่มีทางที่จะสุดยอดเท่าฉากที่คนเหล่านี้ต่อสู้กัน

“ลุง เราขอโทษ เราไม่สามารถส่งพวกเธอกลับไปยังโคโดบอสร่าได้อย่างปลอดภัย” ซิมบ้ากล่าวด้วยน้ําเสียงที่หดหูเมื่อเขาพบมูฟาซาท่ามกลางฝูงชน “ครอบครัวเธอถูกกําจัดโดยลอร์ดแห่งโคโดบอสร่า”

“นั่นไม่ใช่ความผิดของเจ้า จริง ๆ แล้วสิ่งที่พวกเจ้าทํานั้นน่าประทับใจมาก” มูฟาซารู้เรื่องทั้งหมดแล้วจากโพสต์ของซิมบ้าในฟอรัมที่เด็กชายขอความช่วยเหลือ เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ตําหนิพวกเด็ก ๆ

เขาลูบหัวเด็กแต่ละคน “ไม่เพียงแต่เจ้าจะไม่ประเมินความสามารถของเจ้าสูงเกินไป แต่เจ้ายังรู้จุดอ่อนของเจ้าดี และตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากพวกเรา มันเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครยอมแพ้ แม้พวกเจ้าจะเสียเปรียบ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าข้าคิดถูก”

ซิมบ้าดูเหมือนจะเสียใจอยู่นิด ๆ แต่ทั้งนาล่าและซาซูต่างก็ยิ้มแฉ่งให้กับคําชมขvงมูฟาซา

ในขณะเดียวกัน ขุนนางหญิงก็ลังเลเมื่อเธอเห็นมูฟาซาฆาตกรที่สังหารบารอนไนเจลาเนีย

แต่เมื่อเธอกําลังจะเข้าหาเขาและพูดอะไรบางอย่าง มาร์นี่ก็เข้าหาเธอก่อน

“สวัสดีมาดาม” มาร์นี่โค้งคํานับให้เธออย่างมีมารยาท

“เจ้ารู้จักข้าร์?” ขุนนางหญิงตื่นตระหนกทันที เธอปิดบังตัวตนของเธอไว้ตลอดเวลาเพื่อปกป้องเกวนโดลิน ลูกสาวและทายาทเพียงคนเดียวของแลงคาสเตอร์

หากมีใครจําเธอได้ สถานการณ์ของเธอต้องเลวร้ายเป็นแน่

แม้สาวใช้ของเธอจะมีทักษะดาบ แต่เห็นได้ชัดว่าจะพวกเธอไม่สามารถรับการโจมตีจากเวทมนตร์และศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ท่วมท้นจนแม้แต่หนูก็ไม่มีโอกาสหลบหนีได้

“ชื่อของข้าคือมาร์นี่ วิลฟ์ มาดาม เราเคยพบกันครั้งหนึ่งในงานเลี้ยงที่แลงคาสเตอร์” มาร์นี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “แต่ท่านคงจําคนไม่สําคัญอย่างข้าไม่ได้”

“ข้าไม่คิดว่าใครก็ตามที่สามารถสั่งกองกําลังศักดิ์สิทธิ์ได้เป็น ‘คนไม่สําคัญ” ขุนนางหญิงตอบ เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสร้งทําเป็นใจเย็น…หรืออย่างน้อยก็อย่าให้ความกลัวของเธอถูกพวกเขาล่วงรู้

ความจริงในมุมมองของเธอ ผู้เล่นเป็นกองกําลังที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้เวทมนตร์และศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่กองกําลังธรรมดา

ไม่มีองค์กรทหารรับจ้างที่ทรงพลังขนาดนี้ในจักรวรรดิวัลลา และอุปกรณ์ที่หลากหลายของผู้เล่นก็ดูไม่เหมือนกองทัพส่วนตัวของขุนนางหรือกองทัพหลวงราชอาณาจักรอื่น ทําให้กองกําลังศักดิ์สิทธิ์เป็นคําตอบเดียวที่เป็นไปได้

แม้กองกําลังศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่จะมีชุดเครื่องแบบมาตรฐานเหมือนกองทัพหลวงของราชอาณาจักร แต่ก็มีศาสนจักรบางแห่งที่ส่งเสริมความเป็นตัวของตัวเองและความเป็นปัจเจกของผู้ศรัทธา (เช่นกรีมุนด์ เทพเจ้าแห่งการท่องเที่ยวและศิลปะ และเทพเจ้าผู้อุปถัมภ์กวีพเนจร) ซึ่งหมายความว่า กองกําลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาไม่มีเครื่องแบบมาตรฐาน

แม้ว่าเธอจะไม่สามารถระบุลําดับชั้นของผู้เล่นได้ในทันที แต่มาร์นี่ที่สามารถพูดแทนคนอื่นได้ก็มีความสําคัญอย่างชัดเจนแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้บัญชาการก็ตาม

“กองกําลังศักดิ์สิทธิ์ หะ…”

เดิมมาร์นี่ต้องการปฏิเสธ แต่หลังจากคิดอีกทีสิ่งที่เธอพูดก็ไม่ถือว่าผิด

ผู้เล่นที่ต่อสู้อย่างหนักเพื่อเทพเจ้าแห่งเกมในทุกหนทุกแห่งสามารถถือเป็นกองกําลังศักดิ์สิทธิ์ได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเครื่องแบบทหารหรือองค์กรที่ตายตัวก็ตาม

แต่มาร์นี่ก็ตัดสินใจเปลี่ยนบทสนทนาและข้ามคําถามนั้นไป

“อืม เรื่องนั้นไม่สําคัญ ทําไมท่านถึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังโคโดบอสร่าแทนที่จะเป็นแลงคาสเตอร์”

“เพราะขากลัวว่าพวกเจ้าจะเรียกค่าไถ่เรา ดังเช่นตอนนี้หลังจากที่เจ้ารู้ว่าเราเป็นใคร ขุนนางหญิงคิด ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ควรพูดอะไรแบบนั้นออกไป

“ข้าแค่คิดถึงบ้านเกิดของข้านิดหน่อยเลยจะกลับไปเยี่ยมบ้าน ท่านมีปัญหาอะไรหรือไม่?”

“ไม่แน่นอน” มาร์นี่พยักหน้าแม้เขาจะไม่เชื่อข้อแก้ตัวของเธอ แล้วเขาก็พูดสั้นๆว่า “แต่ถ้าท่านไม่รังเกียจ ขอให้เราได้พาท่านกลับไปยังแลงคาสเตอร์”

เจ้ากําลังคิดแบบนั้นจริงด้วย!

ขุนนางหญิงเกือบจะอุทานออกมา แต่ในที่สุดเธอก็อดกลั้นแรงกระตุ้นของเธอไว้

สถานการณ์ตอนนี้อันตรายอย่างแน่นอน และเธอก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะกลับไปถึงแลงคาสเตอร์ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนเหล่านี้

ยิ่งไปกว่านั้นแม้เธอจะปฏิเสธ แต่พวกเขาคงไม่ยอมปล่อยให้เธอกลับไปเองอยู่ดี

ดังนั้นผู้เล่นจึงพาขุนนางหญิงและคณะกลับไปยังแลงคาสเตอร์

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาริเริ่มเปิดเผยตัวต่อหน้าขุนนางในเมือง

มันเป็นทางเลือกที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้เล่นรุ่นแรกได้พูดคุยตกลงกันแล้ว ความไม่สงบในแลงแคสเตอร์กําลังจะร้ายแรงขึ้น และยังไงผู้เล่นก็ต้องเปิดเผยตัวในสักวัน เพราะพวกเขาไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ในท่อระบายน้ําได้ตลอดไป ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะใช้โอกาสนี้ อย่างน้อยตอนนี้ในฐานะ คนดีมีน้ําใจที่ช่วยเหลือมาดามและ ทายาทเกวนโดลิน ทางนั้นคงรู้สึกดีต่อผู้เล่นในระดับหนึ่ง

และตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ริเริ่มเปิดเผยตัวว่าเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม พวกเขาก็จะได้แสดงพลังบางส่วนเพื่อหารายได้พิเศษ ดังนั้นผู้เล่นจึงส่งมาร์นี่ที่มักจะไปเยี่ยมแลงคาสเตอร์ในฐานะพ่อค้าเร่ออกหน้าเจรจา

ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ใครก็ตามที่ต้องการโจมตีมาร์นี้ คงต้องพิจารณาว่าพวกเขาสามารถรอดพ้นจากการโต้กลับของเขาได้หรือไม่

ในขณะที่ขุนนางหญิงกําลังคิดว่าลอร์ดแห่งแลงคาสเตอร์ที่มีนิสัยแปลก ๆ จะสามารถหยุดกองกําลังศักดิ์สิทธิ์แปลก ๆ นี้ได้สัก 2-3 วันหรือไม่ สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่เป็นไปอย่างที่เธอคิด เมื่อลอร์ดโครินซึ่งอยู่แต่ในห้องทํางานอย่างสันโดษมาตลอด ได้ออกมาพบพวกเขานอกเมืองเมื่อเขาได้รับจดหมายจากผู้เล่นที่ลอบเข้าไปพบเขาล่วงหน้า และนั่นก็ทําให้ขุนนางหญิงต้องตกตะลึง

เธอตระหนักแล้วว่าชายชราดูเหมือนจะสนใจกองกําลังศักดิ์สิทธิ์แปลก ๆ มากกว่าความปลอดภัยของตัวเธอเองและเกวนโดลิน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่หญิงสาวผมหางม้าสีบลอนด์ที่ถือเสาธงปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางกองกําลังศักดิ์สิทธิ์ สีหน้าของพ่อตาเธอก็ดูผิดปกติมากขึ้น ใบหน้านั้นมีทั้งความสุข ความเสียใจ ความโกรธ ความรู้สึกผิด ความตื่นเต้น และความกังวล ทั้งที่ปกติแล้วเขามักจะทําหน้านิ่งอยู่เสมอ!

หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายพบกัน พ่อค้าที่เรียกตัวเองว่ามาร์นึ่งวิลฟ์ สาวผมบลอนด์ผู้ถือธงที่ไม่ทราบชื่อ และ ลอร์ดโคริน ก็ได้ประชุมกันอย่างยาวนานในห้องทํางานส่วนตัวของโครินภายในคฤหาสน์เจ้าเมือง จากนั้นโครินก็เดินออกมาส่งทั้งสองคนกลับ เขายืนนิ่งอยู่ที่ประตูเฝ้าดูทั้งสองคนจากไปอยู่นานก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปในบ้าน

และผลของการประชุมนั้น ก็คือการแจ้งเตือนที่ผู้เล่นทุกคนได้เห็น

[ระบบชื่อเสียงของคฤหาสน์ลอร์ดแห่งแลงคาสเตอร์เปิดใช้งานแล้ว]

[ชื่อเสียงเริ่มต้นของผู้เล่น: เฉยเมย]