ตอนที่ 175 ถูกจับได้แล้ว

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 175 ถูกจับได้แล้ว?

เย่หลานเฉิงถึงกับเลิกคิ้ว รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีปะทุขึ้นกลางใจ

ยังไม่ทันได้ห้ามก็เห็นหนานหนานกระโดดออกจากข้าง ๆ ถังเก็บน้ำ ขาทั้งสองข้างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวนั้นทำให้คนที่เห็นถึงกับตาลาย เพียงครู่เดียว เงาเล็ก ๆ ของเขาก็วิ่งออกห่างจากประตูตำหนักไกลแล้ว

จากนั้นก็เห็นหนานหนานสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตะโกนเสียงดังว่า “นักฆ่า มีนักฆ่า”

เย่หลานเฉิงถึงกับตกตะลึง จู่ ๆ ก็เกิดความคิดอยากกระอักออกมาเป็นเลือด หนานหนาน เรื่องแบบนี้มิอาจนำมาก่อความวุ่นวายได้

“มีนักฆ่า นักฆ่ากำลังบุกเข้าไปที่ตำหนักอี๋ซิ่งแล้ว รีบไปคุ้มกันกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเร็วเข้า” หนานหนานบีบเสียงแหลม น้ำเสียงที่อ่อนโยนถูกบีบจนเสียงสูง ปะปนท่ามกลางความมืดยามราตรี แต่ก็มีความคล้ายกับเสียงของสตรีที่ฟังดูน่ากลัว

“เร็ว เร็วเข้า นักฆ่ากระโดดขึ้นไปบนหลังคาแล้ว” เท้าของเขาเคลื่อนไหวเร็วมาก เพียงครู่เดียวก็ตะโกนขึ้นอีกหลายหนเมื่ออยู่ทางซ้ายมือซึ่งห่างออกไปไกลหลังจากย้ายไปทางฝั่งขวาที่อยู่ห่างออกไปอีกก็ตะโกนขึ้นอีกหน เหล่าองครักษ์ได้ยินตำแหน่งของเสียง ทำให้ดูคล้ายกับมีหลายคนที่เห็นนักฆ่าผู้นั้น จึงเพิ่มความตื่นตัวให้สูงขึ้นในทันที ร่างกายเกิดความตึงเครียดขณะวิ่งไปที่ตำหนักอี๋ซิ่ง

“นักฆ่าอยู่ที่ใด นักฆ่าอยู่ที่ใด?”

“รีบมาจับนักฆ่าเร็วเข้า…”

“กรี๊ด…”

ลานทั้งหมดที่อยู่ข้างตำหนักอี๋ซิ่งจุดเทียนจนสว่าง ขันทีและนางข้าหลวงที่ได้ยินเสียงเหล่านั้นต่างก็รีบวิ่งออกมา แต่ละคนต่างรีบร้อนเข้าไปคุ้มกันเจ้านายของตนเอง

องครักษ์วิ่งเข้าไปด้านในประตูของตำหนักอี๋ซิ่งคนแล้วคนเล่า คนส่วนใหญ่พากันแหงนหน้ามองหลังคาเหนือศีรษะ

ด้วยเหตุนี้ ขันทีและนางข้าหลวงที่รีบร้อนจนสูญเสียการตรึกตรองจึงวิ่งชนกัน จนเกิดเป็นความโกลาหล

หนานหนานใช้โอกาสนี้ดึงเย่หลานเฉิงวิ่งเข้าไปด้านในจากข้าง ๆ ท่ามกลางความวุ่นวาย แอบซ่อนตัวอยู่ด้านใต้บันไดเล็กด้านในตำหนักอี๋ซิ่ง

หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตะโกนด้วยใบหน้าแข็งทื่อ “ทำอะไรกัน? ตื่นตระหนกจนกลายเป็นอะไรกันหมดแล้ว ไปยืนข้าง ๆ ฝั่งนี้มีพวกเราคอยคุ้มกัน ใครก็เข้าใกล้ตำหนักอี๋ซิ่งไม่ได้”

ตอนนี้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงที่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องบรรทมคือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด จึงเป็นต้องคุ้มกันอย่างแน่นหนา

เหมียวเชียนชิวยืนอยู่ด้านหน้าตำหนัก เมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก เขาก็เกิดอาการตื่นตัวขึ้นในทันที ภายในตำหนักอี๋ซิ่งในตอนนี้ไม่ได้มีแค่เหมิงกุ้ยเฟยเพียงคนเดียว หลังจากฮ่องเต้ดูอาการขององค์ชายเจ็ดเสร็จ พระองค์ก็เสด็จเข้าไปในห้องบรรทมของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงแล้ว

“เชียนชิว เกิดอะไรขึ้นด้านนอก?” สีหน้าของฮ่องเต้ดูไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อครู่กำลังตัดสินใจสร้างความอบอุ่นกับกุ้ยเฟยสักหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีนักฆ่าปรากฏตัวออกมาอย่างฉับพลัน ทำตัวราวกับบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป เหตุใดถึงได้มีนักฆ่าปรากฏตัวขึ้นภายในวังได้ทุกวี่ทุกวัน?

ฮ่องเต้ตบบ่าเหมิงกุ้ยเฟยที่อยู่ข้างกาย กระซิบปลอบใจว่า “ไม่เป็นเรา มีเราอยู่ที่นี่ คอยดูเถิดว่าจะมีใครกล้าทำตัวเหิมเกริม”

เหมียวเชียนชิวได้ยินเสียงของฮ่องเต้ เขาก็ทราบได้ว่ากำลังทำให้ตนเองหวาดหวั่น จึงเดินค้อมกายเข้าไปอย่างระมัดระวังด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก “ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกริ้ว ภายในวังเกิดความวุ่นวายเพราะนักฆ่า มีคนได้ยินว่านักฆ่ากำลังมุ่งหน้ามาที่ตำหนักอี๋ซิ่ง ดังนั้น…”

“กล้าหาญนัก เห็นวังแห่งนี้เป็นสวนหลังเรือนของตนเองจริง ๆ คิดจะไปมาได้ตามใจชอบรึ?” ฮ่องเต้ตบโต๊ะแรง ๆ หนึ่งหน เหมียวเชียนชิวตกใจจนร่างกายสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ ยืนรออยู่ข้าง ๆ ไม่กล้ากล่าวสิ่งใด

เหมิงกุ้ยเฟยกลับขมวดคิ้ว มีนักฆ่าอีกแล้วรึ?

ไม่ถูกสิ นักฆ่าเมื่อวานนี้เป็นแค่ตัวปลอม คนที่ทำร้ายห้าวถิงคือเย่ซิวตู๋ ดังนั้นจึงมิอาจนับว่าเป็นนักฆ่าได้

หรือว่าคนที่มาในคืนนี้ยังคงเป็นเย่ซิวตู๋? เหมิงกุ้ยเฟยส่ายหน้า ไม่ถูก ในเมื่อพวกเขาได้ทำข้อตกลงร่วมกันไว้แล้ว เย่ซิวตู๋ไม่มีทางสร้างปัญหาเช่นนี้ เพราะสิ่งนี้ไม่ได้เกิดผลดีต่อเขาเลย

หรือจะมีนักฆ่าจริง ๆ?

“ฝ่าบาท นักฆ่าผู้นั้นมาเพื่อโจมตีฮ่าวถิงหรือไม่เพคะ? หม่อมฉันเป็นกังวล…” เหมิงกุ้ยเฟยเกิดความกังวลใจ ปลายนิ้วเรียวเล็กวางไว้บนข้อพับแขนของฮ่องเต้เบา ๆ ด้วยท่าทางชดช้อย

แม้นางจะคิดว่าเป็นไปได้น้อยมากที่จะเป็นเย่ซิวตู๋ แต่ป้องกันไว้ย่อมดีกว่า ให้คนไปดูฮ่าวถิงสักหน่อยก็คงจะดี

ครั้นฮ่องเต้ได้ยินเช่นนี้ พลันรู้สึกได้ว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก จึงออกคำสั่งกับเหมียวเชียนชิว “สั่งให้คนคุ้มกันองค์ชายเจ็ดให้ดี หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับองค์ชายเจ็ดอีกครั้ง ก็เตรียมถือหัวมาพบเราได้เลย”

“พ่ะย่ะค่ะ” เหมียวเชียนชิวค้อมกายและถอยออกจากห้องบรรทมไป กำชับอย่างเงียบ ๆ กับหัวหน้าให้ส่งคนส่วนหนึ่งเฝ้าลานไว้ อีกส่วนหนึ่งไปคุ้มกันองค์ชายเจ็ด และคนที่เหลือให้ออกไปตามหาเพื่อจับกุมตัวนักฆ่า

หัวหน้าคนนั้นขานตอบหนึ่งเสียง ก่อนจะโบกมือเพื่อสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่

เหมียวเชียนชิวเห็นสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงกลับมาสงบลงแล้ว จึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และกลับไปที่ห้องบรรทมเพื่อถวายการปรนนิบัติต่อฮ่องเต้

ตอนที่เขาเพิ่งหันกลับมา ก็ได้รับสัญญาณลับของผู้พิทักษ์ทมิฬ คิ้วพลันขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเดินไปที่มุมมืดข้าง ๆ อย่างเงียบเชียบ

มุมปากของผู้พิทักษ์ทมิฬกระตุกวูบ กระซิบเล่ารายละเอียดแบบง่าย ๆ เกี่ยวกับเรื่องนักฆ่าให้เขาฟังรอบหนึ่ง

ครั้นเหมียวเชียนชิวได้ฟังจนจบ ก็ถึงกับปวดหัวขึ้นมาในทันที บุตรชายของท่านอ๋องซิว…ชอบสร้างปัญหาจริง ๆ เวลาแบบนี้ยังจะสร้างเรื่องใหญ่โตขนาดนี้อีก

เขาแอบลอบถอนหายใจ โบกมือให้ผู้พิทักษ์ทมิฬถอยออกไป ก่อนจะหมุนกายเดินกลับไปที่ห้องบรรทม ก็พบว่าฮ่องเต้กำลังประทับอยู่บนที่ประทับหลัก อารมณ์ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบ ทว่าเขาก็ยังเลือกที่จะกระซิบบอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

มุมปากของฮ่องเต้ถึงกับเหยียดตึง นิ้วมือทั้งห้ากำเข้าหากัน

พระองค์คิดไม่ถึงเลย พระองค์เพิ่งจะเสด็จมาที่ตำหนักอี๋ซิ่ง เด็กทั้งสองคนนั้นที่อยู่ด้านหลังก็ตามมา เจ้าเด็กหนานหนานคนนั้นกลับตะโกนจับนักฆ่าราวกับบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาจริง ๆ

“ฝ่าบาท เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเพคะ?” เหมิงกุ้ยเฟยตระหนักได้ถึงสีหน้าของฮ่องเต้ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จึงโบกมือสั่งให้เจี่ยนเซียงไปชงน้ำชามาสองกา ก่อนจะเดินมาด้านหลังของฮ่องเต้ ใช้นิ้วมือที่เรียวยาวกดลงบนพระอังสาอย่างเอาอกเอาใจ

สีหน้าฮ่องเต้ดูไม่ลังเลแม้แต่น้อย จึงอดทนปิดบังเรื่องของหนานหนานไว้ หรี่ตาลงเล็กน้อยพลางตรัสเสียงเบา “ไม่เป็นไร ก็แค่มีนักฆ่าเข้ามาอยู่ในวัง เรากำลังคิดว่า ควรเปลี่ยนหัวหน้าทหารองครักษ์ดีหรือไม่”

เหมิงกุ้ยเฟยถึงกับประหลาดใจ หัวหน้าทหารองครักษ์เป็นคนที่นางซื้อตัวมา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น มิเท่ากับทำให้นางทำเรื่องต่าง ๆ ได้ลำบากขึ้นหรือ?

“ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกังวลพระทัยเช่นนี้ก็ได้เพคะ ภายในวังแห่งนี้มีทหารมากมายขนาดนั้น นักฆ่าตัวเล็ก ๆ แค่นั้น จะหนีออกไปได้อย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน?” เหมิงกุ้ยเฟยยกมือขึ้นเบา ๆ เพื่อช่วยคลึงขมับให้ฮ่องเต้ มือของนางดูดีมาก ทั้งยังมีวิธีการโดยเฉพาะ การกดลงมาแต่ละครั้งทำให้ฮ่องเต้รู้สึกผ่อนคลายลงมิน้อย ความไม่พอพระทัยที่มีอยู่จึงมลายหายไปไม่น้อยภายในพริบตา

“ฝ่าบาท ทรงพักผ่อนเถอะเพคะ ความวุ่นวายที่อยู่ด้านนอกดูเหมือนจะเบาบางลงไม่น้อยแล้ว หม่อมฉันคิดว่านักฆ่าคนนั้นคงไม่กล้าเข้าใกล้ตำหนักอี๋ซิ่งอีกแล้ว ยุ่งมาตลอดทั้งวัน วันพรุ่งยังต้องประชุมราชสำนักตั้งแต่เช้า ดูแลพระวรกายให้ดีจะดีกว่าเพคะ”

ฮ่องเต้รู้สึกพึงพอใจต่อนิสัยช่างเอาอกเอาใจของนางมาก พยักหน้าตรัสเคล้ารอยยิ้มว่า “ก็ดี” ถึงอย่างไรคนที่สร้างความวุ่นวายอยู่ข้างนอกก็คือหนานหนาน ไม่ใช่นักฆ่าตัวจริง มีเชียนชิวคอยจับตาอยู่ เด็กสองคนนั้นก็คงสร้างปัญหาอะไรไม่ได้

ครั้นกล่าวจบ ฮ่องเต้ก็หันมาส่งสายตาให้เหมียวเชียนชิว

อีกฝ่ายเข้าใจได้ในทันที จึงค้อมกายถอยออกจากห้องบรรทม

ใครจะไปคิดว่าด้านนอกห้องบรรทมในตอนนี้ จู่ ๆ กลับมีเสียงของผู้บัญชาการเว่ยดังขึ้นอย่างเย็นชา “ฝ่าบาท จับตัวนักฆ่าได้แล้ว โปรดฝ่าบาทตัดสินพระทัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

จับตัวนักฆ่าได้แล้ว? ฮ่องเต้และเหมียวเชียนชิวถึงกับใจเต้นตึกตักพร้อมกัน หรือว่าหนานหนานจะถูกจับตัวแล้ว?

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

วุ่นวายใหญ่โตเลยเจ้าเด็กเอ๊ย มันน่าให้ท่านพ่อมาจับตัวไปลงโทษนัก ป่วนวังไม่พอยังจะทำลายแผนการของท่านพ่ออีก

ไหหม่า(海馬)