ตอนที่ 423 ปล้นเงิน ตอนที่ 424 ได้ยินร้อยครั้งไม่สู้ตาเห็นครั้งเดียว

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 423 ปล้นเงิน

ซ่งสวินนิสัยซื่อสัตย์และเรียบง่าย หากมีคนให้ความช่วยเหลือเขา เขาไม่มีสิ่งของอื่นใดเพื่อเป็นการขอบคุณผู้อื่นได้ เช่นนั้นในวันนั้นก็จะนำกับข้าวเอามาแบ่งให้คนอื่นได้กินกันเล็กๆ น้อยๆ

ซ่งอิงฝีมือดีเยี่ยม ของที่ทำออกมาส่วนใหญ่ล้วนเป็นกึ่งสำเร็จรูป เขาแค่เอาลงหม้อไม่ทันไรก็เรียบร้อยแล้ว ไม่เปลืองแรงเปลืองเวลาแต่อย่างใด

เวลานี้มีคนพูดขนาดนี้แล้ว ลู่ข่ายคลี่ยิ้มหน้าตาเฉยแล้วลุกขึ้นมา “ข้าคิดว่าก็ดีเหมือนกัน เช่นนั้นทุกคนไปดูกันเถอะ และพี่ซ่งก็ใจกว้างถึงเพียงนี้ น่าจะไม่ถือสาเช่นกัน”

หลังเขาพูดจบ มีหรือจะสนใจความนึกคิดของคนอื่น เดินมุ่งตรงออกไปด้านนอกทันที

คนอื่นๆ อยากไปดูด้วยเช่นกัน จึงเร่งเดินตามไป

ในขณะนี้ ซ่งสวินมองเห็นซ่งอิงมีสีหน้าผ่อนคลาย ก็อดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้ “วันนี้เจ้าเอาของมาส่งหรือ”

ซ่งอิงพยักหน้า “เพิ่งส่งเสร็จ เอาเหลือไว้สองสามก้อนให้ท่านใช้ หลายวันก่อนทำสิ่งของที่ดีเยี่ยมออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ท่านรับเอาไว้ลองใช้ดู”

ขณะพูด ซ่งอิงนำสบู่หอมกว่าสิบก้อนที่เหลืออยู่แล้วยังมีที่คั่นใบไม้เจ็ดแปดชิ้นซึ่งเลือกไว้อย่างประณีตยัดใส่มือไปด้วยในคราวเดียว

ที่ขั้นหนังสือเหล่านั้น เอาวางไว้บนรถเพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น และเพื่อที่จะไม่ให้เสียหาย ซ่งอิงนำส่วนใหญ่วางเอาไว้ในช่องว่างระหว่างมิติ เอาออกมาได้ทุกเมื่อ ทั้งยังมีรถเกวียนลาลากจูงและตะกร้าสานใบใหญ่ที่คอยช่วยบดบังสายตาผู้คนได้ จึงไม่ต้องกังวลใจว่าจะเกิดเหตุเหนือความคาดหมาย

ซ่งสวินตะลึงงัน

“นี่คือสบู่หอมหรือ” ซ่งสวินค่อนข้างตกตะลึงปนประหลาดใจ “เมื่อวานมีสหายร่วมห้องเรียนคนหนึ่งใช้มันล้างมือ มีคนจำนวนไม่น้อยต่างก็อิจฉา…สินค้าที่น้องพี่เอามาส่งคือเจ้าสิ่งนี้หรอกหรือ”

ซ่งสวินพูดจบตัวเองก็อึ้งไปทันที

ไม่ใช่ยาสระผมแล้วหรือ

แน่นอนว่ายาสระผมก็ดีมากเช่นกัน สหายร่วมห้องเรียนจำนวนไม่น้อยต่างก็ชอบใช้มัน เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก แต่ไหนแต่ไรมาเขาจึงไม่เคยบอกกล่าวคนนอกว่ายาสระผมนั่นเป็นฝีมือน้องสาวเขา

“เมื่อเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็เริ่มวางขายในเมืองยงแล้ว มิหนำซ้ำผลตอบรับไม่เลวทีเดียวเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอย่างเรียบง่าย

ซ่งสวินตกตะลึง รู้สึกถึงแรงกดดันที่มากไปหน่อย

น้องสาวมากความสามารถเกินไปแล้ว บางทีเขายังคิดอยู่ว่า ตนต้องพยายามเล่าเรียนหนังสือ หากมีวันหนึ่งสอบจวี่เหรินได้ เช่นนั้นครอบครัวก็จะได้เจริญรุ่งเรือง แต่ตอนนี้เห็นทีว่า แค่จวี่เหรินจะไม่พอเสียแล้วน่ะสิ?!

จวี่เหรินเหล่าเหยีย ยังไม่แน่ว่าจะหาเงินได้มากเท่าน้องสาวเขาด้วยซ้ำ! แต่เขาเริ่มต้นช้า ชั่วชีวิตนี้หากสอบจวี่เหรินได้ เช่นนั้นก็ปฏิหารย์แล้ว มากไปกว่านั้น เขาไม่กล้าคิดเลยจริงๆ

ซ่งสวินสีหน้าเคร่งขรึม ยังจำเป็นต้องพยายามมากขึ้นอีก…

“นี่คือที่คั่นหนังสือ…” ซ่งสวินมองไปยังสิ่งของอีกอย่างหนึ่ง จากนั้นรู้สึกชื่นชอบอย่างยิ่ง “น้องพี่รู้จักทำสิ่งของมากมายจริงๆ ของชิ้นนี้ข้าจะเอาเก็บไว้อย่างดี”

“เอาเก็บไว้ทำไมกัน ต้องเอาออกมาใช้สิเจ้าคะ” ซ่งอิงรู้สึกหมดคำจะพูด จากนั้นชี้นิ้วไปที่รถเกวียนของตนเอง “ท่านพี่ ท่านเบิกตาดูให้ละเอียดสิเจ้าคะ ที่ข้ายังมีใบไม้อีกหนึ่งกองเบ้อเร่อ ยังไม่รู้ว่าจะขายอย่างไร ทางบ้านข้าก็ได้จ้างคนมาทำกันอย่างต่อเนื่องไว้แล้วด้วย นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น อีกสองวันข้ายังต้องมาอีกรอบ ดังนั้นวันนี้จำเป็นต้องคิดหาวิธีนำของเหล่านี้ป่าวประกาศให้ขึ้นชื่อ! และจะเป็นการดีที่สุดหากสามารถขายได้หมดในวันเดียว!”

“ขายหมดในวันเดียว?!” ซ่งสวินสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “มีกี่ใบหรือ แล้วขายราคาเท่าไหร่”

“หนึ่งพันกว่าใบกระมัง ชิ้นละยี่สิบอีแปะ เลือกได้ตามอำเภอใจ…”

“…” ซ่งสวินรู้สึกว่าตนเองจะต้องฟังผิดไปแล้วแน่นอน

ใบไม้ ใบละยี่สิบอีแปะ

น้องสาวเขาอาจจะบ้าไปหน่อย

“แพงเกินไปแล้ว” ซ่งสวินสับสนอย่างยิ่ง

“ไม่แพงหรอกเจ้าค่ะ ท่านลองบอกหน่อยสิว่าท่านชอบของสิ่งนี้หรือไม่ เหมาะแก่การใช้งานหรือไม่” ซ่งอิงกล่าว

“ต้องชอบอยู่แล้ว ผิวเนื้อเยื่อชัดเจนเป็นพิเศษ แม้ว่าผู้ที่ห้อยอยู่กับใบไม้ดูเรียบง่ายไปหน่อย แต่กลับงดงามมาก ดูไม่หรูหราจนเกินไป…” ซ่งสวินพูดไม่น้อย

ซ่งอิงคลี่ยิ้ม “ท่านพี่ คนเรียนหนังสือเดิมทีก็มีเงินกันอยู่แล้ว ค่าอุปกรณ์การเรียนหรือต่อให้เป็นหนังสือพื้นฐานที่ต้องใช้ในการเรียนสักเล่ม ก็เป็นเงินตั้งหลายร้อยอีแปะ ที่คั่นหนังสือของข้านี้ดูน่าสนใจและงดงาม แล้วไฉนจะขายในราคายี่สิบอีแปะไม่ได้เล่า วันนี้ข้าจะวางขายตรงนี้ละ ขอปล้นเงินสักหน่อย

ตอนที่ 424 ได้ยินร้อยครั้งไม่สู้ตาเห็นครั้งเดียว

ซ่งสวินรู้สึกค่อนข้างไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูด

“เช่นนั้นข้าต้องทำอันใดบ้าง” ซ่งสวินไม่โง่เขลาเช่นกัน มาหาเขาเป็นการเฉพาะ ย่อมต้องอยากให้เขาช่วยโฆษณาของสิ่งนี้เป็นแน่ เพียงแต่เขาไม่ค่อยมีพรสวรรค์ทางด้านนี้เลยจริงๆ จึงต้องให้ซ่งอิงช่วยชี้แนะ

“นำใบไม้ที่ข้าให้ท่านไปมอบให้ท่านอาจารย์และสหายที่ดีที่สุดก็พอเจ้าค่ะ และวันนี้ตอนที่เรียนหนังสือใช้มันตลอด หยิบออกมาเป็นระยะๆ แล้วจ่อกับแสงโบกไปมาเล็กน้อย หากมีคนถามท่าน…”

ซ่งอิงยังไม่ทันพูดจบก็มองเห็นมีผู้คนเดินมาไม่น้อยจากทางด้านนั้น สายตาจับจ้องมาที่ซ่งสวินและนางไม่วางตา

“ท่านพี่ คนข้างหลังเหล่านั้นเป็นสหายร่วมห้องเรียนของท่านใช่หรือไม่” ซ่งอิงขยิบตาส่งสัญญาณ

ขณะพูดก็นำผ้าคลุมหน้าที่ติดกับหมวกปล่อยลงมา

ซ่งสวินเตรียมจะพูดอยู่เลยว่าใบหน้าน้องสาวเขาตอนนี้คล้ายดูดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว นอกจากไม่ได้เป็นรอยแผลเป็นดำคล้ำเช่นเมื่อก่อน สีเนื้อที่เกิดใหม่ก็ชัดสะดุดตาเป็นพิเศษ ไม่ถึงขั้นต้องใช้หมวกปกปิดใบหน้าเป็นพิเศษอีกแล้วด้วยซ้ำไป

แต่เมื่อคิดดูอย่างละเอียด น้องสาวเขาคงจะเขินอาย คนตั้งมากมายเพียงนี้กำลังเดินเข้ามา คงต้องมีหน้าแดงกันบ้าง ปกปิดไว้หน่อยก็ดีเหมือนกัน

ซ่งสวินหันหน้าไปมอง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ไฉนแห่กันมาตั้งหลายคนเพียงนี้

เหลิ่งต้าหลางสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย ส่วนลู่ข่ายยังคงเผยลักษณะอย่างหยิ่งผยองเช่นเคย เมื่อเขาเดินมาถึงตรงหน้าทั้งสองคน แต่กลายเป็นคนอื่นเอ่ยปากขึ้นมาแทน

“เมื่อก่อนเคยกินของที่น้องสาวของพี่ซ่งจากตระกูลซ่งส่งมาให้อยู่หลายครั้ง ดังนั้น…จึงมากล่าวขอบคุณเป็นการพิเศษสักครั้ง” มีคนเอ่ยปากกล่าว

เหลิ่งต้าหลางสบถฮึ

ซ่งสวินไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน

จำเป็นต้องแห่มาพร้อมกันหลายคนเพียงนี้ด้วยหรือ อีกทั้งที่อยู่กัน ณ ตรงนี้ ก็ไม่ใช่ว่าเคยกินของเหล่านั้นกันทุกคนเสียหน่อย

“เมื่อก่อนมักจะได้ยินพี่ซ่งเอ่ยถึงน้องสาวท่านบ่อยครั้ง ได้ยินร้อยครั้งไม่สู้เห็นกับตาครั้งเดียว เสี่ยวตี้ก็ขอหน้าไม่อายติดตามมาด้วย พี่ซ่งคงไม่ถือสากระมัง” ลู่ข่ายเอ่ยพูดจบ ยิ้มเล็กน้อยขณะมองซ่งอิง แล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง “น้องสาวตระกูลซ่งดูเหมือนจะพกสิ่งของมาด้วยไม่น้อยอีกแล้ว คงมิใช่ว่าจะวางแผงขายตรงด้านนอกสถานศึกษาพวกเรากระมัง”

รอยยิ้มเขาแฝงไว้ด้วยการดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อย ราวกับว่าคาดการณ์ได้แต่แรกว่าซ่งอิงเป็นพวกละโมบโลภมากในทรัพย์สินเงินทอง

ซ่งอิงไม่ได้โมโหแต่อย่างใดเช่นกัน เหล่าปัญญาชนนิสัยใจคอหยิ่งทระนง ส่วนใหญ่ล้วนรู้สึกว่าทรัพย์สินเงินทองเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นทองแดง ดูถูกมันเสียยิ่งกว่าอะไรดี

คนที่เอ่ยวาจาดังกล่าวนี้ดูแปลกๆ ชอบกล คงมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับพี่ชายตระกูลซ่งของนางเป็นแน่

ซ่งอิงกวาดตามองอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่คนผู้นี้สวมอยู่บนเรือนร่างไม่ใช่ผ้าแพรธรรมดาทั่วไป ทั้งยังปักลวดลายสลับซับซ้อนเอาไว้บนเนื้อผ้าอีกด้วย ส่วนเอวห้อยพู่หยกเอาไว้ ในมือถือพัดจีบ บนด้ามพัดมีพู่หยกลูกปัดหนึ่งคู่ห้อยเอาไว้ด้วย

นายน้อยของตระกูลผู้ร่ำรวย?

เช่นนั้น…น่าจะมีเงินใช้เหลือเฟือ

“คุณชายท่านนี้ช่างชาญฉลาดจริงๆ ในตระกูลข้าลำบากยากเข็ญ จึงมาขายของประทังปากท้องสักเล็กน้อย” ซ่งอิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ท่านพี่ คนเหล่านี้เป็นสหายที่ดีอย่างยิ่งของท่านทั้งนั้นกระมัง เช่นนั้น…เช่นนั้นข้าไม่เอาเงินแล้วก็ได้ ขอมอบให้คนละหนึ่งชิ้นเลยแล้วกัน”

ซ่งอิงพูดจบ สองแขนเรียวคู่นั้นยื่นไปในตะกร้าสาน เลือกใบไม้ออกมาจำนวนหนึ่ง “ทุกท่านอย่าได้รังเกียจกันนะเจ้าคะ นี่เป็นของที่ข้าทำร่วมกับบรรดาผู้อาวุโสในหมู่บ้าน เลือกเก็บมาแต่ใบไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ แล้วลงมือทำด้วยกระบวนการที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน กว่าจะได้ที่คั่นใยใบไม้ที่ไม่กรอบแตกโดยง่ายเช่นนี้ออกมา คุณชายทุกท่านล้วนเป็นคนเล่าเรียนหนังสือ โดยปกติก็ขาดเจ้าสิ่งนี้ไปมิได้เช่นกัน ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เจ้าค่ะ…”

ขณะพูด ซ่งอิงเริ่มส่งมอบให้ทีละคน ยามที่นางเดินไปหยุดตรงหน้าคุณชายที่ร่ำรวยผู้นั้น ชะงักมือไปชั่วขณะ “ข้าเกิดเดือนเดียวกับพี่ชายข้า ดังนั้น…”

น้องสาวบ้านซ่งอะไรกัน? หากไม่เรียกแม่นางซ่งอย่างที่ควรเรียก เช่นนั้นก็ต้องเรียกพี่สาว!

ลู่ข่ายสีหน้าแข็งทื่อไปทันที “ข้าไม่เอาหรอก ที่ข้ายังมีหยกคั่นหนังสือที่ใช้งานได้อีกหลายอัน”

คนอื่นๆ รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในชั่วพริบตา

“จริงสิ คุณชายท่านนี้มองพริบตาเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป” ซ่งอิงหดมือกลับ จากนั้นมองซ่งสวิน “ท่านพี่ คุณชายท่านนี้แม้แต่ที่คั่นหนังสือยังใช้ที่ทำจากหยกเลย เช่นนั้นปกติแล้วกินข้าวก็ต้องใช้ชามทองคำ ตะเกียบหยก และกินหอยเป๋าฮื้อแน่เลยกระมัง คิดไม่ถึงว่าท่านพี่จะมีสหายร่วมห้องเรียนที่ยอดเยี่ยมเพียงนี้!”