บทที่ 189.1 สมเพช (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 189.1 สมเพช (1)
มีดนั้นของอนุหลิงไม่ออมแรงแม้แต่น้อย นางเจตนาจะแทงกู้เฉิงหลินให้ถึงตายอย่างแน่แท้ แววตาโหดเหี้ยมของนางนั้นแตกต่างจากหญิงผู้อ่อนโยนราวกับคนละคน

กู้เฉิงเฟิงได้สติขึ้นมาก็ผลักนางออกในทันใด

กู้เฉิงหลินล้มลงนอนจมกองเลือด สองตาของเขาเบิกโพรงเพราะความเศร้าโศก ใบหน้าที่แนบอยู่กับพื้นมองอนุหลิงอย่างตกตะลึง

โทษนางกันนักนี่!

โทษนางกันทั้งหมดนี่!

เช่นนั้นนางก็จะทำลายพวกเขาให้หมด!

สองเฒ่าที่ยอมไม่ตายสักทีนั่นรักกู้เฉิงหลินหลานรักคนนี้มากนักมิใช่หรือ เช่นนั้นนางก็จะฆ่าเขาเสีย!

อีกอย่างกู้เฉิงหลินรักนางเป็นที่สุด รักเหมือนนางเป็นแม่ของเองอย่างไรอย่างนั้น

มีดเล่มนี้ กู้เฉิงหลินคงเจ็บเจียนตายกระมัง

“นึกว่าข้ารักเจ้ามากจริง ๆ หรือ หากไม่ใช่เพราะต้องการอยู่ในจวนนี้ต่อไป คิดว่าข้าอยากจะเห็นหน้าเจ้าอย่างนั้นหรือ ฮ่าฮ่าฮ่า… ฮ่าฮ่าฮ่า…”

อนุหลิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ด้านนอกเรือนลมพัดกรรโชก ผ้าม่านพัดปลิวไสว เสียงหัวเราะของนางราวกับเสียงโหยหวนของปีศาจ

อนุหลิงที่พวกเขานึกว่ารักตันเองหนักหนา ที่แท้กลับใช้พวกเขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือในการแย่งชิงตำแหน่ง น่าขำสิ้นดี น่าสมเพชสินดี!

สองพี่น้องสะเทือนใจอย่างรุนแรง ราวกับฟ้าถล่มดินทลายมิปาน

หัวสมองกู้เฉิงเฟิงอื้ออึงไปหมด เขาใช้สติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่ตบใบหน้าขาวซีดของกู้เฉิงหลิน “น้องสาม! น้องสาม!”

สภาพของกู้เฉิงหลินนั้นสาหัสสากรรจ์ เลือดสีแดงสดอาบไปทั่วทั้งเสื้อของเขา ลมหายใจอ่อนแรงลงอย่างฉับพลัน

กู้เฉิงเฟิงอุ้มร่างเขาออกไปหน้าประตู “หมอประจำจวน! ไปเรียกหมอประจำจวนมา!”

หมอประจำจวนประสบพบเจอวันอันแสนโกลาหล อย่างแรกจู่ ๆ อนุหลิงก็ตั้งท้องขึ้นมา หลังจากนั้นท่านชายสามก็ถูกมีดแทงที่ขั้วหัวใจ เขาสงสัยว่าตัวเองแก่ชราเกินไปแล้วหรือย่างไร เพราะแทบจะปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงในจวนโหวไม่ทันแล้ว

หมอประจำจวนรีบมาดูอาการบาดแผลของกู้เฉิงหลิน

ว่ากันตามหลักแล้ว ควรจะดึงมีดออกแล้วห้ามเลือดเย็บแผลให้กู้เฉิงหลิน

ทว่ามีดเล่มนี้ก็แทงเสียถูกที่เหลือเกิน เกือบจะแทงโดนหัวใจของเขาแล้ว หากดึงออกมาเลือดคงไหลไม่หยุดแน่นอน

แต่หากไม่ดึงออก กู้เฉิงหลินคงทนได้อีกไม่นานนัก

หากจะพูดอีกแบบก็คือ คงยื้อชีวิตกู้เฉิงหลินไม่ได้

หมอประจำจวนเอ่ยอย่างปวดใจ “โปรดให้อภัยหมอเฒ่าผู้ไร้ความสามารถเช่นข้าด้วย”

“เกิดเรื่องอะไรอะไรขึ้น” ท่านโหวกู้รีบร้อนพรวดพรวดเข้ามา

เมื่อครู่สองพี่น้องไปหาอนุหลิง แม้เขาจะโมโหจนแทบลมจับ แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ

ยามเห็นกู้เฉิงหลินที่อาบเลือดไปทั้งตัว ทั้งยังมีมีดปักคาบนหน้าอกเช่นนั้น หัวใจของเขาก็เจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด

ในบรรดาลูกชายทั้งสี่ เขารักกู้เหยี่ยนมากที่สุดก็จริง แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รักอีกสามคน

“หวงจง! รีบไปตามหมอหลวงมา!”

เขาตะโกนลั่น!

หวงจงรีบควบม้าออกไปอย่างไม่รีรอ

หวงจงเพิ่งจะออกไป กู้ชังฉิงก็เข้ามาในจวนทันที

เขาไปค่ายทหารมาแล้วหนหนึ่งก็จริง ทว่าในใจกลับรู้สึกร้อนรนอยู่ตลอด เขาจึงกลับมาที่จวนอีกครั้ง

เขาคือนักรบ เขาเคยฆ่าคน เคยบาดเจ็บมาก่อน วินาทีแรกที่เห็นกู้เฉิงหลินเขาก็รู้ในทันทีว่าไม่อาจช่วยกู้เฉิงหลินไว้ได้

แม้แต่หมอที่ฝีมือดีที่สุดในกองทัพก็ไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ได้

ในตอนแรกบาดแผลของกู้เฉิงหลินแค่เลือดไหลไม่หยุด ทว่าไม่นานร่างกายของเขาก็สั่นเทา ปากก็เริ่มกระอักเลือดออกมา

กู้เฉิงเฟิงรู้สึกผิดเจียนตาย!

เป็นความผิดของเขาที่ไม่ดูแลน้องสามให้ดี!

หากข้าระวังตัวกับอนุหลิงเพียงสักนิด เหมือนกับที่ทำกับแม่นางเหยา เขาก็คงไม่ถึงกับตั้งตัวไม่ทันเช่นนี้

กู้เฉิงเฟิงกุมมือของกู้เฉิงหลินเอาไว้ น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลออกมาไม่หยุด

กู้ฉังชิงกำหมัดแน่น ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้

ชั่ววินาทีนั้น ไม่มีใครรู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ ทำได้เพียงมองของเขาย่างสามขุมเข้ามา สองมือประคองช้อนใต้หัวเข่าและแผ่นหลังของกู้เฉิงหลิน แล้วอุ้มร่างของเขาขึ้นมาอย่างเบามือ

“เจ้าจะทำอะไร” ท่านโหวกู้ถาม

“หาเขาไปหาหมอ!” กู้ฉังชิงเอ่ยหน้านิ่ง

ท่านโหวกู้ตวาดอย่างเดือดดาล “จะไปหาหมอที่ไหน หวงจงออกไปตามหมอหลวงมาแล้ว! เขาเจ็บหนักถึงเพียงนี้ เจ้าจะเคลื่อนย้ายร่างเขาตามอำเภอใจไม่ได้!”

เขาเองก็เรียนศิลปะการต่อสู้มาเช่นกัน ความรู้พวกนั้นก็พอมีอยู่บ้าง ห้ามเคลื่อนย้ายร่างคนที่บาดเจ็บสาหัสเป็นอันขาด เพราะจะทำให้บาดแผลฉีกขาดและติดเชื้อเอาได้ง่ายๆ

เพียงแต่กู้ฉิงชังกลับเอ่ยขึ้นว่า “หมอหลวงช่วยเขาไม่ได้”

ท่านโหวกู้เกรี้ยวกราด “หากหมอหลวงช่วยไม่ได้ แล้วหมอข้างนอกจะช่วยได้อย่างนั้นหรือ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว หมอที่ไหนจะเปิดบ้านรอรักษาเจ้ากัน”

กู้เฉิงเฟิงหันไปมองกู้ฉังชิง “พี่ใหญ่…”

กู้ฉังชิงไม่คิดจะเข้าใจอะไรทั้งสิ้นอีกต่อไป หากคนผู้นั้นช่วยเขาไม่ได้ แม้นจะตามหมอหลวงมาทั้งหมดก็ไม่มีประโยชน์

เขาไม่แน่ใจนักว่าฝีมือการแพทย์ของคนผู้นั้นเก่งกาจเพียงใด แต่เข้ารู้ว่าขีดความสามารถของหมอในแคว้นเจานั้นอยู่ที่ใด บาดแผลเช่นนั้นพวกเขาไม่มีทางรักษาได้

กู้ฉังชิงเป็นคนรักษากฎเกณฑ์เป็นที่สุด ไม่ว่าความสัมพันธ์ของเขากับท่านโหวกู้จะเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่เคยแสดงท่าทีอกตัญญูต่อหน้าท่านพ่อผู้นี้อย่างโจ่งแจ้ง

ทว่านี่เป็นครั้งแรงที่เขาสวนกลับท่านโหวกู้อย่างไม่ลังเล

“ลูกทรพี! เจ้ากลับมาบัดเดี๋ยวนี้!” ท่านโหวกู้ตามเข้าไปรั้งตัวเขาไว้ ทว่ากลับถูกองครักษ์ลับของกู้ฉังชิงขวางเอาไว้

องครักษ์ลับของกู้ฉังชิงเป็นคนที่ท่านเหล่าโหวมอบให้ จึงฟังคำสั่งของกู้ฉังชิงเพียงคนเดียวเท่านั้น

ท่านโหวกู้โมโหกระทืบเท้าตึงตัง ในใจก็ถึงแค้นเคืองพ่อของตัวเองเป็นร้อยเป็นพันหน นี่ข้ายังเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเจ้าอยู่หรือไม่!

กู้ฉังชิงใช้เสื้อคลุมกันลมห่อร่างของกู้เฉิงหลินเอาไว้ พลางอุ้มร่างของกู้เฉิงหลินออกจากจวนไป

ลมหนาวโบกพัด

เขาประคองน้องชายในอ้อมกอดอย่างทนุถนอม

เขาสัมผัสได้ว่าลมหายใจของกู้เฉิงหลินรวยรินลงเรื่อย ๆ

ไม่ใช่เพียงบาดแผลที่เป็นปัญหา ตัวกู้เฉิงหลินเองแทบจะยอมแพ้ที่รับการรักษาแล้วเช่นกัน

“เจ้าจะตายไม่ได้ เขารับปากท่านแม่แล้วว่าจะดูแลพวกเจ้าทั้งสองคน…”

เขาพยายามฝืนให้ตนเองสงบนิ่ง แค่ความจริงแล้วเป็นเพราะเขาเป็นห่วงกู้เฉิงหลินมาเกินไป จึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีลมหายใจอันคุ้นเคยตามติดมาอยู่ไม่ไกล

กู้เฉิงเฟิงเห็นพี่ชายของตนเองมียังตรอกปี้สุ่ย หัวใจเขาก็วูบโหวงขึ้นมา

กู้เจียวหลับไปครึ่งคืน จู่ ๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเคาะประตู

นางตื่นขึ้นมาเปิดประตู

นางไม่กลัวว่าจะมีโจรขโมยบุกเข้าบ้านกลางดึก เพราะตัวเองนั้นสู้กลับได้ แต่กังวลว่าจะอีกฝ่ายจะเป็นคนจากทางการมาส่งจดหมายเสียมากกว่า

นางเปิดประตูออก คนที่เห็นกลับเป็นกู้ฉังชิง