ตอนที่ 187 เจตนารมณ์ของสวรรค์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 187 เจตนารมณ์ของสวรรค์
“เสี่ยวไป๋ไซว่!”

ไม่รู้ว่าผู้ใดตาดีมองเห็นไป๋ชิงเหยียนเป็นคนแรก ตะโกนออกมา

เหล่าทหารของกองทัพไป๋ที่ได้รับบาดเจ็บได้ยินว่าเสี่ยวไป๋ไซว่มา ทหารที่กำลังรักษาบาดแผลอยู่อยู่ไม่สุขขึ้นมาในทันที ต่างลุกขึ้นยืนพลางมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างตะลึงและดีใจ

“เสี่ยวไป๋ไซว่!” เฉิงหย่วนจื้อลุกยืนขึ้นเช่นกัน เขาใช้เสื้อผ้าคลุมร่างที่เปลือยท่อนบนของตัวเองเอาไว้

ไป๋ชิงเหยียนมองดูทหารกองทัพไป๋ในกระโจมรักษาตัวซึ่งร่างชุ่มไปด้วยเลือด โบกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนนั่งลง “ไป๋ชิงเหยียนมาเพื่อแจ้งกับทุกท่านว่าคืนนี้ไป๋ชิงเหยียนจะนำทหารยอดฝีมือสองพันนายบุกไปยังค่ายทหารของซีเหลียงเพื่อชิงศีรษะของท่านรองแม่ทัพใหญ่กลับมาให้ได้! พรุ่งนี้เช้า ทหารที่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยจงตามข้าไปยึดเทียนเหมินกวนและยึดเมืองเฟิ่งคืนมา! ทุกท่านจงพักรักษาตัวอย่างสงบ พักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมพร้อมรับศึกครั้งหน้า!”

กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนคารวะทหารทุกคนหนึ่งครั้ง จากนั้นหันหลังเดินออกจากกระโจม

“เสี่ยวไป๋ไซว่!” เว่ยจ้าวเหนียนวิ่งตามออกมา กำหมัดกล่าวขึ้น “เว่ยจ้าวเหนียนยินดีติดตามเสี่ยวไป๋ไซว่บุกไปยังค่ายทหารของซีเหลียงเพื่อแย่งชิงศีรษะของท่านรองแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพไป๋กลับมาขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนมองดูเว่ยจ้าวเหนียนที่มีสีหน้าเคร่งขรึม แม้เว่ยจ้าวเหนียนจะสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง ทว่า เขามีความปรารถนาที่จะแก้แค้นอย่างแรงกล้า

ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดกล่าวขึ้น “เช่นนั้นรบกวนแม่ทัพเว่ยพาน้องหญิงสี่ไป๋จิ่นจื้อของข้าและทหารหนึ่งพันแปดร้อยนายล่วงหน้าไปดักซุ่มโจมตีอยู่ที่ถนนฮุยผิงด้วยเถิด เมื่อข้าและทหารอีกสองร้อยนายแย่งชิงศีรษะของท่านรองแม่ทัพใหญ่มาได้แล้วผ่านมาทางถนนฮุยผิง ท่านจงสกัดทหารของซีเหลียงที่ไล่ตามข้ามาไว้!”

เว่ยจ้าวเหนียนตะลึง นำทหารเพียงแค่สองร้อยนายบุกเข้าไปในค่ายทหารอย่างนั้นหรือ!

“เสี่ยวไป๋ไซว่! นำทหารไปเพียงสองร้อยนายดูจะไม่เหมาะนะขอรับ!” เว่ยจ้าวเหยียนไม่วางใจ

“ข้ารู้ขอบเขตดี แม่ทัพเว่ยวางใจได้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

เว่ยจ้าวเหนียนไม่โต้แย้งอันใดอีก เขากำหมัดรับคำสั่ง มองส่งไป๋ชิงเหยียนเดินจากไป เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นรีบสั่งให้คนเตรียมน้ำมันและธนูให้พร้อม เขาต้องการทำแบบเดียวกับที่กองทัพซีเหลียงทำ เขาจะใช้วิธีเดียวกับพวกมันคืนให้แก่พวกมันอย่างสาสม

กองทัพไป๋สองพันนายเดินทางออกจากเมืองเวิ่งในช่วงกลางดึก บังเอิญพบกับแม่ทัพจางตวนรุ่ยที่นำกองทัพต้าจิ้นกลับมายังเมืองเวิ่งหลังจากเก็บกวาดหุบเขาเวิ่งเรียบร้อยพอดี

แม่ทัพจางตวนรุ่ยเห็นว่ากองทัพไป๋จะออกจากเมืองจึงรีบขี่ม้าตรงเข้ามา เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนจึงเอ่ยถาม “แม่ทัพไป๋จะนำทัพไปยังเทียนเหมินกวนตอนนี้เลยหรือขอรับ!”

“แม่ทัพจางนำทหารกลับไปพักผ่อนที่เมืองเวิ่งก่อน เมื่อข้ากลับมาเราจะออกเดินทางไปเทียนเหมินกวนทันทีที่ฟ้าสว่าง” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

แม่ทัพจางตวนรุ่ยกำหมัดรับคำ เขานั่งอยู่บนหลังม้ามองดูกองทัพไป๋ที่ชูธงเฮยฟานไป๋หมั่งมุ่งหน้าไปยังเทียนเหมินกวน จนค่อยๆ หายลับไปในความมืด

เซียวหรงเหยี่ยนเดินทางอ้อมเมืองผิงหยางกลับมาถึงเขตชายแดนของต้าเยี่ยน บัดนี้ยืนอยู่บนด้านบนของภูเขาสูงหลินชวน ชายหนุ่มมองดูแสงสีแดงที่ลอยอยู่ในอากาศทางทิศตะวันออก เดาว่าคือบริเวณภูเขาเวิ่ง

“นายท่าน เหล่าซู มาแล้วขอรับ!” องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนขึ้นมาบนภูเขา ทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยนพลางกล่าว

“ข้ารู้แล้ว!”

เซียวหรงเหยี่ยนรับคำ เดินลงไปด้านล่างภูเขา

ระหว่างเดินลงจากภูเขา…ชายหนุ่มเอาแต่ครุ่นคิด

บัดนี้ต้าจิ้น หนานเยี่ยน ซีเหลียงกำลังวุ่นวาย นี่เป็นโอกาสดีที่ต้าเยี่ยนควรลงมือใช่หรือไม่

ปีที่แล้วต้าเยี่ยนประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติติดต่อกัน ช่วงฤดูหนาวชาวบ้านอดอยากไม่มีอันจะกิน หนาวตาย อดตายไม่รู้ตั้งเท่าใด

ทว่า…หากไม่ถือโอกาสตอนที่ทั้งสามแคว้นกำลังทำสงครามยึดหนานเยี่ยนที่แยกดินแดนออกไปจากต้าเยี่ยนคืนมาก็ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะมีโอกาสที่ดีเช่นนี้อีกเมื่อใด

เซียวหรงเหยี่ยนลงมาจากภูเขาก็เห็นชายชราผมขาวโพลนในชุดเสื้อคลุมยาวสีดำคารวะเขาอย่างกระตือรือร้น ตื้นเต้นเกินควบคุม “นายน้อย! ไม่ได้เจอกันนานหลายปี นายน้อยเป็นอย่างไรบ้างขอรับ!”

ชายชราผู้นี้ไม่มีเครา น้ำเสียงแหลมกว่าคนปกติเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นขันทีของวังหลวง

คนผู้นี้คือเฝิงเย่าขันทีใหญ่ที่เคยปรนนิบัติรับใช้ข้างกายของจีโฮ่ว ตอนที่จีโฮ่วเสียชีวิต เฝิงเย่าอุ้มเซียวหรงเหยี่ยนที่อายุเพียงเจ็ดขวบหนีตายออกมา ต่อมาเฝิงเย่าคอยรับใช้ข้างกายโอรสองค์โตของจีโฮ่ว ซึ่งก็คือจักรพรรดิองค์ปัจจุบันของต้าเยี่ยน เขาซื่อสัตย์และจงรักภักดีเป็นอย่างมาก

“เหล่าซู…” เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพเฝิงเย่ากลับ เอ่ยถาม “ท่านพี่ร่างกายแข็งแรงดีหรือไม่ อาการเป็นลมหมดสติยังกำเริบอยู่หรือไม่!”

เฝิงเย่าถอนหายใจพลางส่ายหน้า ขอบตาร้อนผ่าว ใช้แขนเสื้อซับน้ำตาบริเวณหางตา จากนั้นจึงกล่าวขึ้น “แคว้นไม่มีขุนนางที่มีความสามารถ ฝ่าบาททรงทำทุกอย่างด้วยพระองค์เอง ปีนี้ต้าเยี่ยนเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้…ชาวบ้านขาดปัจจัยในการดำรงชีวิตต่อ ก่อนที่บ่าวจะเดินทางมา ฝ่าบาททรงผอมซูบจนแทบดูไม่ได้เลยขอรับ!”

เซียวหรงเหยี่ยนกำมือที่อยู่ในเสื้อแน่น ขบกราม “ให้ท่านพี่อดทนอีกสักหน่อย ข้าจะหาหมอวิเศษมารักษาท่านพี่ให้ได้! ขุนนางมากความสามารถ…ข้าก็จะหามาให้เช่นเดียวกัน!”

“ขอรับ!” เฝิงเย่ารับคำจากนั้นล้วงหยิบตราทัพออกมาจากอกส่งให้เซียวหรงเหยี่ยน “ฝ่าบาทให้บ่าวเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อมอบสิ่งนี้ให้นายน้อยขอรับ! กองทัพใหม่ของเซี่ยสวินที่ได้รับคำสั่งให้ฝึกฝน ประสบความสำเร็จแล้วขอรับ บัดนี้นายน้อยเดินทางอยู่ในต้าจิ้น หากเกิดสิ่งใดขึ้นสามารถใช้ตราทัพนี้เรียกใช้ทหารกองทัพใหม่ที่ซ่อนตัวฝึกฝนอยู่ที่ภูเขาหลินชวนได้ขอรับ อย่างน้อยก็เพื่อปกป้องให้นายน้อยกลับแคว้นมาอย่างปลอดภัย! ฝ่าบาทตรัสว่าความปลอดภัยของนายน้อยคือสิ่งสำคัญที่สุดขอรับ!”

ดวงตาล้ำลึกของเซียวหรงเยี่ยนไหววูบไปมาท่ามกลางแสงไฟที่ริบหรี่ ชายหนุ่มมองดูตราทัพในมือของเฝิงเย่า แววตานิ่งขรึม ความรู้สึกพลุ่งพล่านอยู่ในใจ กำหยกจักจั่นที่อยู่ในมือแน่น

นี่คือเจตนารมณ์ของสวรรค์อย่างนั้นหรือ!

เมื่อครู่เขายังครุ่นคิดอยู่เลยว่าจะถือโอกาสนี้ยึดหนานเยี่ยนกลับมาดีหรือไม่ เหล่าซูก็นำตราทัพมาให้เขาพอดี ที่สำคัญเซี่ยสวินฝึกฝนกองทัพใหม่อยู่ที่ภูเขาหลินชวนที่เขากำลังยืนอยู่พอดี

การให้เซี่ยสวินที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอันใดเป็นผู้ฝึกฝนทหารกองทัพใหม่คือความคิดของเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า เขานึกไม่ถึงเลยว่าพี่ชายของเขาจะให้เซี่ยสวินฝึกฝนกองทัพใหม่อยู่ที่ภูเขาหลินชวนแห่งนี้

เซียวหรงเหยี่ยนรับตราทัพมา เอ่ยถามต่อ “กองทัพใหม่ที่เซี่ยสวินฝึกฝนอยู่ที่ภูเขาหลินชวนมีจำนวนเท่าใด”

“สามหมื่นนายขอรับ” เฝิงเย่าตอบ

สามหมื่น…

มากกว่าที่เซียวหรงเหยี่ยนคาดการณ์ไว้มาก ลำคอของชายหนุ่มตีบตัน หันหลังไปสั่งการ “นำแผนที่มา!”

องครักษ์รีบกางแผนที่ออกวางบนที่นั่งของคนบังคับรถม้า รับคบเพลิงมาแล้วชูขึ้นสูง

เซียวหรงเหยี่ยนก้มหน้ามองแผนที่ ก่อนเดินทางออกจากเมืองหวั่นผิงเขาได้รับข่าวว่าจักรพรรดิของหนานเยี่ยนมีรับสั่งให้กองทัพหนานเยี่ยนที่ยึดครองอำเภอเฟิงได้ประจำการอยู่ที่อำเภอเฟิง เมื่อมีการเจรจาสงบศึก หนานเยี่ยนจะต่อรองกับซีเหลียงให้นำเมืองเฟิ่งมาแลกกับอำเภอเฟิง เพราะอำเภอเฟิงคือที่ที่ซีเหลียงอยากได้มาโดยตลอด ทว่า เมืองเฟิ่งคือเมืองที่หนานเยี่ยนและซีเหลียงล้วนอยากได้

จักรพรรดิของหนานเยี่ยนสั่งให้คนส่งเสบียงไปยังอำเภอเฟิง ให้กองทัพหนานเยี่ยนผ่านช่วงฤดูหนาวไปได้อย่างไม่เดือดร้อน

นิ้วของเซียวหรงเยี่ยนเลื่อนไปยังเหยากวนที่อยู่ในแผนที่ ชี้ลงไปที่ตำแหน่งนั้น หากหนานเยี่ยนต้องการส่งเสบียงไปยังอำเภอเฟิง…หากต้องการส่งอย่างรวดเร็วก็ต้องเดินทางผ่านเหยากวนอย่างแน่นอน

เซียวหรงเหยี่ยนส่งตราทัพคืนให้เฝิงเย่า กล่าวขึ้น “เหล่าซู ท่านจงนำตราทัพไปสั่งให้เซี่ยสวินนำกองทัพใหม่ชูธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋ดักซุ่มโจมตีอยู่ที่เหยากวน ยึดเสบียงอาหารที่จะส่งไปยังอำเภอเฟิงของหนานเยี่ยนมา! จากนั้นกองทัพสามหมื่นนายก็ซ่อนตัวดักซุ่มโจมตีอยู่ที่เหยากวงต่อไป ไม่เกินสี่วัน ทหารหนานเยี่ยนที่โดนกองทัพต้าจิ้นบุกเข้าโจมตีต้องหนีเอาตัวรอดกลับแคว้นโดยผ่านเหยากวนอย่างแน่นอน! สั่งให้เซี่ยสวินเตรียมพร้อมให้ดี ต้องสังหารกองทัพหนานเยี่ยนให้ราบเรียบอยู่ที่เหยากวง อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”

ที่ให้เซี่ยสวินชูงธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋เพื่อปล้นเสบียงของหนานเยี่ยนก็เพราะต้องการอาศัยบารมีของกองทัพไป๋ปิดบังหนานเยี่ยนเป็นการชั่วคราว ไม่ให้พวกเขาหวาดระแวงต้าเยี่ยน