บทที่ 202 ส่งดอกไม้

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ได้ค่ะ” วารุณีแม้ว่าจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามว่าเป็นของอะไร พยักหน้าแล้วเดินตามไป

ขณะนี้ ผู้ชายคนหนึ่งที่สวมชุดเดลิเวอรี่สีแดง ถือช่อดอกกุหลาบสีแดงที่ยังมีหยดน้ำยืนอยู่ตรงประตูห้องประชุม เคาะประตูพร้อมกับใบเซ็นรับ “ขอโทษครับ ใครคือคุณวารุณีครับ?”

“หาคุณน่ะ” ประธานวรวียื่นปากจู๋ไปหนึ่งที จากนั้นก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี “น่าจะเป็นแฟนของคุณ หรือคนที่จีบคุณส่งดอกไม้มาให้คุณมั้ง”

วารุณีกลืนไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจดี ฉันมีลูกแล้วนะคะ จะมีแฟนหรือคนจีบได้ยังไง ประธานวรวีอย่าล้อฉันเลยค่ะ

“คุณมีลูกแล้วเหรอ?” ประธานวรวีมองสำรวจเธออย่างประหลาดใจ

หุ่นเธอค่อนข้างจะดี ส่วนว้าวส่วนโค้งชัดเจน ไม่เหมือนคนที่เคยมีลูกเลย

“ใช่ค่ะ” วารุณีพยักหน้ารับ ไม่ได้พูดกับประธานวรวีต่อ แต่ได้เดินไปตรงหน้าของคนส่งดอกไม้ “สวัสดีค่ะ ฉันก็คือวารุณี”

คนส่งดอกไม้มองเธอแวบหนึ่ง แววตากะพริบผ่านไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ยื่นดอกไปให้เธอ “สวัสดีครับคุณวารุณี นี่เป็นดอกไม้ของคุณครับ”

“ใครเป็นคนส่งมา?” วารุณียังไม่ได้รับมันมา แต่ได้มองไปที่ช่อกุหลาบแล้วถาม

มันเป็นช่อกุหลาบแดงสายพันธุ์กำมะหยี่ เป็นพันธุ์กุหลาบที่แพงมากชนิดหนึ่ง คนทั่วไปหาซื้อไม่ได้

ดูแล้วคนที่ส่งดอกไม้มาให้เธอ ฐานะต้องไม่ธรรมดานะ

“คือ……..” ตอนที่คนส่งดอกไม้จะตอบคำถามของเธอนั้น โทรศัพท์ของวารุณีก็ดังขึ้นมากะทันหัน

หลังจากที่วารุณีพูดว่าขอโทษแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์มาดูแวบหนึ่ง

คนที่โทรมาคือนัทธี เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็รับสาย “ประธานนัทธี!”

“ได้รับดอกไม้หรือยัง?” เสียงที่นุ่มทุ้มของนัทธีดังมาจากปลายสาย

วารุณีขุนลุกไปทั้งตัวแล้ว อดไม่ได้ที่จะเอามือถูแขน “ที่แท้คุณนัทธีเป็นคนส่งดอกไม้มานี่เอง”

“ใช่ ผมเอง” นัทธีพยักหน้า

วารุณีที่จัดกลีบดอกไม้ไปครู่หนึ่ง ก็ถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมคุณนัทธีถึงได้ส่งดอกไม้มาให้ฉัน?”

“คุณชนะการแข่งขัน ก็เลยแสดงความยินดีกับคุณโดยเฉพาะ” นัทธีตอบด้วยพร้อมกับยกริมฝีปากบางขึ้น

หัวใจที่เต้นรัวของวารุณีก็สงบลง ยิ้มเล็กน้อย “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นก็ต้องขอบคุณประธานนัทธีแล้ว”

“ไม่ต้องหรอก ผมก็ไม่รู้ว่าคุณชอบดอกไม้อะไร ดังนั้นจึงซื้อกุหลาบ คุณชอบมั้ย?” นัทธีที่พิงอยู่กำแพงที่อยู่ตรงนอกประตูห้องผู้ป่วยของนวิยา

เขาไม่รู้จริงๆว่าเธอนั้นชอบดอกไม้อะไร

เขาแค่รู้สึกว่า ขอเพียงเป็นสีแดง ล้วนเหมาะกับเธอ และกุหลาบแดงเดิมก็มีหมายถึงความมีเสน่ห์ของผู้หญิง เหมาะกับเธอมาก

“ชอบมากค่ะ” วารุณีพยักหน้าไปหนึ่งที

“งั้นก็ดี” หัวใจที่หดเกร็งของนัทธีก็โล่งอกไปทันที

เป็นครั้งแรกที่เขามอบดอกไม้ให้คนอื่น ก็เลยกลัวว่าเธอจะไม่ชอบ

ทันใดนั้น ประตูห้องผู้ป่วยถูกเปิดออก พิชิตได้เดินออกมาจากข้างใน เห็นนัทธีที่กำลังคุยโทรศัพท์ ก็กระซิบกล่าว “นวิยาฉีดยาเสร็จแล้ว คงจะเจ็บนิดหน่อย กำลังเรียกหานายน่ะ นายเข้าไปอยู่เพื่อนเธอหน่อย รอให้เธอหลับแล้ว นายก็ไปได้แล้ว”

นัทธีตอบรับไปหนึ่งคำ

วารุณีแม้จะไม่ได้ยินพิชิตพูดอะไร แต่ก็ฟังเสียของเขาออก ริมฝีปากแดงจึงได้กล่าวขึ้น “ประธานนัทธี คุณหมอพิชิตหาคุณมีธุระหรือเปล่า คนไปยุ่งก่อนเถอะ ฉันมีธุระต้องคุยกับประธานวรวีต่อ”

“ได้” นัทธีพยักหน้า

“แล้วค่อยเจอกัน!” วารุณียิ้มร่ำลา จากนั้นก็วางสาย

หลังจากเก็บโทรศัพท์แล้ว เธอก็เดินไปทางคนส่งดอกไม้ “เอามาให้ฉัน”

คนส่งดอกไม้ได้ยื่นดอกไม้มาอีกครั้ง ขณะที่ยื่นมายังได้ยื่นใบเซ็นมาด้วยหนึ่งใบ

วารุณีเซ็นรับ คนส่งดอกไม้จึงได้จากไป

วารุณีถือดอกไม้ช่อใหญ่ เดินตามประธานวรวีไปยังห้องทำงาน

ดอกไม้ช่อนี้คาดว่าน่าจะมีเก้าสิบเก้าดอก ช่อขนาดใหญ่และจัดได้พิเศษมาก ยังหนักอีกด้วย

วารุณีที่ถือมันไว้กินแรงค่อนข้างมาก เวลาเดิน ดอกไม้ยังแกว่งไปมา บดบังการมองเห็นของเธอ เธอทำได้เพียงก้มหน้ามองพื้น

ตลอดทาง เธอที่ถือดอกไม้ ได้ดึงดูดสายตาคนไม่น้อย

ในที่สุดก็มาถึงที่ห้องทำงาน วารุณีวางดอกไม้ลง ถอนหายใจอย่างโล่งอก บีบนวดแขนเบาๆ แล้วนั่งลงตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของประธานวรวีด้วยใบหน้าที่เศร้าๆ

ประธานวรวีเทน้ำให้เธอ “มีคนชอบไม่ดีใจเหรอ ทำไมยังทำหน้าเศร้าอีก?”

วารุณียกแก้วชาขึ้นมาดื่มไปหนึ่งคำ “ประธานวรวีล้อเล่นแล้ว ใครจะชอบฉันละ?”

“คนที่ให้ดอกไม้คุณไง ไม่ใช่ชอบคุณแล้วคืออะไร?” ประธานวรวียิ้มกล่าว “คุณอยากมองว่าผมอายุมาก ผมก็รู้ว่ากุหลาบเข้าไม่ได้มอบให้กันง่ายๆ โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดง จะมอบให้กับคนที่ชอบเท่านั้น หรือคนรัก”

วารุณีส่ายหัวโดยไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจ “แต่ครั้งนี้ประธานวรวีพูดผิดแล้ว เขาไม่ได้ชอบฉัน เขาแค่ชื่นชอบพรสวรรค์การออกแบบของฉัน ที่มอบกุหลาบให้ เพราะเขาเป็นคนที่เย็นชา ไม่รู้เรื่องพวกนี้ แค่รู้สึกว่าขอเพียงคือผู้หญิง ก็เลยให้กุหลาบ”

“เอาล่ะ เอาล่ะ หนุ่มสาวอย่างพวกคุณผมไม่เข้าใจ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว รู้มั้ยว่าผมเรียกคุณมาทำไม?” ประธานวรวีมองนาง

วารุณีครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้น “น่าจะเกี่ยวกับเรื่องของพิชญามั้ง?”

“ใช่แล้ว ครั้งนี้พิชญาจบแล้วจริงๆ ทางสมาคมการออกแบบนานาชาติจะแจ้งกับดีไซเนอร์ที่เธอเคยคัดลอกแบบ หากดีไซเนอร์เหล่านั้นเอาผิดเธอ เธอต้องติดคุกอย่างแน่นอน อย่างน้อยสามปี”

“เรื่องพวกนี้เป็นเพราะเธอทำตัวเอง ตั้งแต่ที่เธอคัดลอกแบบของคนอื่น จุดจบของเธอก็ถูกกำหนดไว้แล้ว” วารุณีที่ดื่มชาอยู่ พูดอย่างเรียบเฉย

แบบภาพเหล่านั้น ผลงานของใครบ้างที่ไม่ใช่ทำมันออกมาด้วยหยาดเหงื่อ พิชญาใช้หยาดเหงื่อของคนอื่นได้มาซึ่งชื่อเสียง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้

“ที่ฉันพูดเรื่องนี้กับคุณ ก็หวังว่าตอนที่ขึ้นศาล คุณที่ซึ่งเป็นคนหาหลักฐานมา ต้องออกไปมายืนยันด้วย” ประธานวรวียิ้มกล่าว

วารุณีพยักหน้า “วางใจเถอะค่ะ ฉันไปอยู่แล้ว”

“งั้นก็ดี อีกเรื่องหนึ่ง วันเริ่มต้นการแข่งขันระดับนานาชาติก็คือสองเดือนหลังจากนี้ ในสองเดือนนี้ คุณควรเตรียมตัวให้ดี มาสร้างชื่อให้กับประเทศของเรา และจังหวัดจันทร์ของเรา”

“ค่ะ” วารุณีพยักหน้า จากนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เลยถาม ประธานวรวีคะ เมื่อกี้คุณบอกว่า มีของจะให้ฉัน มันคืออะไรคะ?

“อ้อ เกือบลืมเลย” ประธานวรวีตบหน้าผากตัวเองไปหนึ่งที “แก่แล้ว ความจำไม่ดี”

เขาพลางพูด พลางเปิดลิ้นชัก หยิบกล่องใบหนึ่งกับสิ่งที่คล้ายกับใบเกียรติบัตรออกมาให้เธอ

วารุณีรับมาอย่างสงสัย

เธอเปิดกล่องออกมาดูก่อน พบว่ามันคือเหรียญรางวัล เธอยิ่งสงสัยเข้าไปอีก

จากนั้นเธอก็เปิดใบเกียรติบัตรออกมา อ่านข้อความที่อยู่ข้างใน ดวงตาก็เบิกกว้างทันที “รางวัลการออกแบบขนนกทองคำ Mina ? ประธานวรวีคุณ……”

“แปลกใจที่ผมรู้ว่าคุณคือ Minaใช่มั้ย?” ประธานวรวีหัวเราะมองเธอ

วารุณีพยักหน้า

ประธานวรวีขยับแว่นที่อยู่ตรงสักจมูก “สองสามวันก่อนอาจารย์เมอร์เซเดอโทรมาบอกผม แล้วเมื่อวานตอนเย็นไอ้วัชระมันบอกผมเรื่องที่พิชญาคัดลอกแบบ บอกว่ารางวัลการออกแบบขนนกทองคำที่ได้มาเพราะคัดลอกแบบของคนอื่น คัดลอกผลงานของดีไซเนอร์ที่ชื่อว่าMina ผมก็คิดMinaก็คือคุณไม่ใช่เหรอ ด้วยเหตุนี้………”

“ด้วยเหตุนี้คุณก็เลยไปหาฝ่ายจัดงานขนนกทองคำ พูดเรื่องนี้?” วารุณีเลิกคิ้วถาม

ประธานวรวียิ้มแล้วตอบ “ใช่ ผู้จัดงานขนนกทองคำเป็นคนตัดสินใจเร่งผลิตเหรียญและเกียรติบัตรให้คุณ อย่างไรเสียผลงานที่พิชญาได้รับรางวัลล้วนเป็นผลงานของคุณ เชื่อว่าเวลานี้ เว็บไซด์ของขนนกทองคำ คงได้เปลี่ยนข้อมูลของผู้ได้รับรางวัลตัวจริงแล้ว”

วารุณีซาบซึ้งจนได้กอดเหรียญรางวัลกับใบเกียรติคุณไว้ในอ้อมอก “ขอบคุณค่ะประธานวรวี”

“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก นี่มันเป็นรางวัลที่คุณควรจะได้รับ เมื่อถึงเวลาแข่งขันในระดับนานาชาติ คุณทำมันให้ดีก็พอ” ประธานวรวีตบไหล่ของเธอเบาๆ

วารุณีก็ต้องรับปากอยู่แล้ว

จากนั้น เธอก็ร่ำลาประธานวรวีแล้วออกมา เตรียมตัวจะไปรับลูกที่โรงพยาบาล

เพียงแต่ว่าเมื่อเดินมาถึงประตูใหญ่ของอาคารของสมาคมนั้น เธอกลับหยุดฝีเท้าลง มองไปกลุ่มคนที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาที่เย็นชา