ตอนที่ 78-2 การคิดค้นอาหารจานใหม่
เถ้าแก่หรงโกรธจนอยากจะผ่ากะโหลกของทุกคนออก “โมโห โมโห ข้าโมโหจะตายแล้ว!”
เฉียวเวยวางขนมบนโต๊ะคิดเงิน “เกิดอะไรขึ้นหรือ เถ้าแก่หรง”
“มีอะไรอีกเล่า ถามเจ้าพวกนี้ดูสิ!” เถ้าแก่หรงโกรธจนไม่อยากพูดอะไรสักคำ
เสี่ยวลิ่วรีบเข้ามาอธิบายอย่างระมัดระวัง “โต๊ะพิเศษมีรายการอาหารอย่างหนึ่งที่ทำมาจากเต้าหู้ แต่พ่อครัวลืม นำเต้าหู้สดใหม่ที่เพิ่งซื้อมาวันนี้ไปทำอาหารอย่างอื่นหมดแล้ว ท่านว่าจะทำเช่นไรดีขอรับ พี่เสี่ยวเฉียว ตอนนี้ลูกค้ามาถึงแล้ว กำลังนั่งอยู่ชั้นบน”
“เปลี่ยนรายการไม่ได้หรือ” เฉียวเวยถาม
เสี่ยวลิ่วถอนหายใจ “ที่ลูกค้าท่านนั้นจองโต๊ะพิเศษก็เพื่อมาทานอาหารชนิดนี้โดยเฉพาะ”
คนรวยเอาแต่ใจนี่นา! เพื่อเต้าหู้เล็กน้อยเท่านั้น ถึงกับใช้เงินหนึ่งร้อยตำลึงซื้ออาหารและสุราทั้งโต๊ะ ช่างน่าอิจฉาจริงๆ!
ส่วนนางกว่าจะได้เงินมาซื้อที่ดิน เส้นผมก็เกือบหงอกหมดหัวแล้ว!
“ซื้อเต้าหู้ข้างนอกไม่ได้หรือ” เฉียวเวยถาม
เสี่ยวลิ่วส่ายศีรษะ
ใกล้เที่ยงแล้ว มันขายหมดนานแล้ว จะให้ทำขึ้นมาตอนนี้ก็พอได้ แต่น่าจะไม่ทันเวลา
มิใช่เพียงเต้าหู้หรือไร นางไม่เชื่อว่าอาหารจานอื่นจะทดแทนไม่ได้
เฉียวเวยปัดมือ แล้วพูดกับเสี่ยวลิ่วว่า “พาข้าไปดูห้องครัวหน่อยซิ”
เสี่ยวลิ่วเหลือบมองเถ้าแก่ของตน เถ้าแก่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแต่ไม่ได้ห้าม เสี่ยวลิ่วจึงรีบพาเฉียวเวยไปห้องครัว
เพิ่งมาถึงประตู เอ้อร์ส่าก็ถือชามใบใหญ่วิ่งออกมาอย่างตื่นเต้น “ข้าเจอเต้าหู้แล้ว! ข้าเจอเต้าหู้แล้ว!”
กลิ่นเหม็นโชยปะทะจมูก เสี่ยวลิ่วปิดจมูกด้วยความรังเกียจ “เอ้อร์ส่าจื่อเจ้านี่โง่จริงๆ! นี่มันเต้าหู้อายุกี่ร้อยปีกัน เหม็นขนาดนี้! เจ้ายังกล้าเอาออกมาอีกหรือ!”
เอ้อร์ส่าจื่อค่อนข้างมีปัญหาด้านสติปัญญา อยู่ในครัวเขาทำงานจำพวกหาบน้ำสับฟืน เขาได้ยินมาว่าเถ้าแก่กำลังหาเต้าหู้อยู่ เขาจึงช่วยหา เขาใช้เวลานานกว่าจะเจอเจ้าสิ่งนี้อยู่ในให
เจ้าสิ่งนี้น่าจะถูกลืมเอาไปทำอาหารและก็ถูกลืมเอาไปทิ้ง แต่เขาไม่รู้ เห็นเป็นเต้าหู้จึงยกมาให้พวกเขา
เสี่ยวลิ่วรีบโบกแขนเสื้ออย่างรวดเร็วและสั่งว่า “โยนทิ้งไป! เหม็นจะตาย!”
“อ้อ” เอ้อร์ส่าจื่อก้มหน้าด้วยความผิดหวัง
“เดี๋ยว” เฉียวเวยคว้าชามใบใหญ่มาถือไว้ในมือแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม “นี่เป็นของดีเชียวนะ จะเอาไปทิ้งได้อย่างไร”
เสี่ยวลิ่วมองหน้าเฉียวเวยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “พี่เสี่ยวเฉียว ท่านคงไม่ได้ล้อเราเล่นกระมัง นี่…นี่… ของเหม็นเน่านี่ยังจะเรียกว่าของดีอีกหรือ”
พี่เสี่ยวเฉียวน่าสงสารนัก ยากจนกระทั่งต้องกินแต่เต้าหู้เหม็นๆ ประทังชีวิต
ในยุคปัจจุบันเต้าหู้เหม็นเป็นที่นิยมมาก น้องชายเจ้ารู้บ้างหรือไม่ ถึงกับมีคนรอต่อแถวซื้อ! ขืนทิ้งไปจริงๆ คงเสียของแย่!
เฉียวเวยถือเต้าหู้เหม็นเข้าไปในครัว ใช้น้ำสะอาดล้างราขาวด้านนอกออก จากนั้นหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ แล้วพักไว้ในถ้วย
เต้าหู้เหม็นมีกลิ่นเหม็นมากจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ เสี่ยวลิ่วยกแขนเสื้อปิดจมูกแล้วมองเฉียวเวยที่กำลังยิ้ม เขาอึ้งจนพูดไม่ออก
เหล่าพ่อครัวก็ได้กลิ่นเหม็นนี้ด้วย พวกเขาต่างเข้ามามุงดูเรื่องสนุก แต่ก็เหม็นจนทนไม่ไหว
เฉียวเวยล้างพริกแดงและพริกเขียวหลายเม็ด จากนั้นหั่นเป็นเต๋า แล้วนำไปผัดกับขิง กระเทียม น้ำต้มเนื้อและเต้าเจี้ยวเพื่อทำน้ำราด ส่วนอีกหม้ออีกใบ ตั้งน้ำมันจนเดือด จากนั้นเฉียวเวยก็ใส่เต้าหู้เหม็นหั่นชิ้นลงไปทอดในน้ำมัน ทอดจนเหลืองกรอบ จากนั้นตักทีละชั้นขึ้นมาเรียงใส่จาน จากนั้นราดน้ำราดที่ผัดไว้ก่อนหน้านี้ โรยต้นหอมผักชีก็เป็นอันเสร็จ เต้าหู้เหม็นรสชาติเป็นเอกลักษณ์เสร็จเรียบร้อย!
นางถือจานเต้าหู้เหม็นไปหาทุกคน ทุกคนต่างกลัวจนวิ่งหนี!
ขืนกินของเหม็นๆ เช่นนี้เข้าไปต้องตายแน่!
พวกเขาตัดสินใจว่าแม้แต่กระทะใบนั้นก็จะไม่เก็บเอาไว้!
เฉียวเวยจึงต้องยกเต้าหู้เหม็นเข้าไปหาเถ้าแก่หรงในห้องบัญชี พอเถ้าแก่หรงเห็นคนเข้ามา “เสี่ยวเฉียว…อ้วกกก”
ทันทีที่เถ้าแก่หรงได้กลิ่นเหม็น เขาก็ยกมือกุมอกทำท่าพะอืดพะอมเหมือนจะอาเจียน
เฉียวเวยยิ้มแล้ววางจานลงบนโต๊ะ “เถ้าแก่หรง ท่านลองชิมดูว่ารสชาติเป็นเช่นไร”
“ไม่เอา ไม่เอา!” เถ้าแก่หรงบีบจมูก โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
เฉียวเวยหรี่ตายิ้มๆ แล้วกดไหล่เขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ เถ้าแก่หรงบอบบางดั่งใบหลิวต้องลม ส่วนเฉียวเวยแรงมากดั่งโคถึก เมื่อโดนเฉียวเวยกดไหล่ไว้ เขาก็ขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
เฉียวเวยใช้ตะเกียบคีบเต้าหู้เหม็นหนึ่งชิ้นขึ้นมา “มา ชิมดูเจ้าค่ะ”
ไม่เอา!
ถึงตายก็ไม่ยอม!
เถ้าแก่หรงปิดปากแน่น ยอมตายดีกว่ายอมแพ้!
เฉียวเวยบีบไหล่ของเขา…
“อ้ากกก” เถ้าแก่หรงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เฉียวเวยยัดเต้าหู้เหม็นเข้าปากของเขา แล้วยังจับแขนเสื้อของเขาขึ้นมาอุดปากเขาไว้อีกด้วย
เถ้าแก่หรงหมดอาลัยตายอยากในชีวิต กินเต้าหู้เหม็นในปากอย่างน่าสงสาร หลังจากกินเสร็จ เขาก็น้ำตาไหลพราก
จากนั้นเสี่ยวลิ่วก็เห็นเถ้าแก่ของตนเดินออกมาจากห้องบัญชีพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า เสี่ยวลิ่วถามอย่างหวาดกลัว “เถ้าแก่ ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
เถ้าแก่หรงร้องไห้ “ฮือๆ…อร่อยมากเหลือเกิน…”
ในห้องที่หรูหราที่สุดบนชั้นสองของหรงจี้ มีลูกค้าท่าทางไม่ธรรมดาสองคนนั่งอยู่ในนั้น คนหนึ่งในนั้นอายุเพียงยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าปี ใบหน้างามดั่งหยก แววตาเป็นประกายดั่งดวงดารา คิ้วหนาเฉียงขึ้นรับกับใบหน้า หล่อเหลาไม่เหมือนกับคนทั่วไป ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ท่วงท่าเยือกเย็นสูงส่ง แม้จะอยู่ในห้องเล็กเช่นนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังสัมผัสกลิ่นอายความกล้าแกร่งและสูงศักดิ์ได้
ถัดจากชายหนุ่มคนนั้นคือบุรุษร่างใหญ่อายุราวสี่สิบปี หนวดเคราครึ้ม ท่าทางหยาบคาย รูปร่างอ้วนท้วมยิ่งนัก
แต่อย่าได้คิดว่าบุรุษร่างใหญ่ฐานะสูงส่งสู้ชายหนุ่มมิได้เชียว ดูจากตำแหน่งที่นั่งในวันนี้ เขานั่งในตำแหน่งประธาน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต่างหากที่ต้องประจบเอาใจเขา
“นายท่านหกพอใจกับอาหารมื้อนี้หรือไม่” ชายหนุ่มถามเสียงเนิบนาบ
นายท่านหกยัดเต้าหู้เหม็นชิ้นสุดท้ายเข้าปากแล้วหลับตาพริ้มอย่างเพลิดเพลินกับรสชาติ “แม่เจ้าโว้ย! ข้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงป่านนี้ ในที่สุดข้าก็ได้กินอาหารดีๆ!”
เดิมทีชายหนุ่มจะพาเขามากินยำเต้าหู้ไข่เยี่ยวม้าอันโด่งดังของหรงจี้จึงจองโต๊ะพิเศษไว้ ไหนเลยจะรู้ว่าอาหารจานอื่นล้วนไม่เข้าตาเขา แต่เต้าหู้เหม็นจานนี้กลับทำให้เขากล่าวชื่นชมไม่หยุดปาก
เหมือนคำกล่าวที่ว่า ม้าอย่างไรก็เหมาะกับอานอย่างนั้น คนอย่างไรก็เหมาะกับอาหารอย่างนั้น
ชายหนุ่มยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบอย่างอ้อยอิ่งโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด “เรื่องที่เอ่ยกับนายท่านหกครั้งที่แล้ว นายท่านหกคิดเห็นเช่นไร หากไม่พอใจเงื่อนไข เชิญนายท่านหกเพิ่มได้เต็มที่ หากข้าทำได้ ข้าจะจัดการให้นายท่านหกอย่างแน่นอน”
นายท่านหกยังคงติดอกติดใจอยู่กับเต้าหู้ที่ทั้งเหม็นทั้งเผ็ดจานนี้ “แม่เจ้าโว้ย! รสชาติมันเด็ดเหลือเกิน! เรียกพ่อครัวเข้ามา! ข้าจักตกรางวัล!”
ชายหนุ่มพยักหน้าให้องครักษ์ด้านข้าง
องครักษ์นายนั้นหมุนตัวลงบันไดไป
ทันทีที่เถ้าแก่หรงได้ยินว่าจักตกรางวัล เขาก็เรียกเฉียวเวยไปทันที
เฉียวเวยขาดเงินอยู่พอดี นางย่อมไม่ปฏิเสธรางวัลเช่นนี้ คนที่สามารถกินอาหารโต๊ะพิเศษได้ก็น่าจะให้รางวัลไม่น้อยกว่าห้าตำลึงกระมัง หากตนเองปากหวานพูดดีด้วยหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะได้ถึงสิบตำลึง
ทว่าเฉียวเวยไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าการไปรับรางวัลจะนำนางไปหาเรื่องหาราวใส่ตัวได้
เดิมทีนายท่านหกต้องการตกรางวัลให้พ่อครัวจากใจจริง เขาถึงกับเตรียมก้อนทองไว้ถึงสองก้อน รวมทั้งสิ้นสิบตำลึง แน่นอนว่าชายหนุ่มมิยอมปล่อยให้เขาเสียเงิน บอกให้เขาเก็บเงินเสีย ขณะที่ตนเองหยิบทองก้อนใหญ่กว่าออกมา
เพียงแต่สิ่งที่ทั้งคู่ไม่คาดคิดก็คือ ผู้ที่เข้ามากลับเป็นสตรี อีกทั้งยังเป็นสตรีผู้เยาว์วัยและงดงาม
เฉียวเวยเดินเข้ามาและยอบกายคำนับอย่างไม่ค่อยจะเป็นนัก “ข้าน้อยขอคารวะนายท่านทั้งสอง!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ชายหนุ่มก็ชะงักไปชั่วขณะ “เงยหน้าขึ้น”
เฉียวเวยเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็มองนางเช่นกัน ดวงตาทั้งสองคู่มองสบกัน เฉียวเวยจำเขาได้ เขาคือคุณชายภูเขาน้ำแข็งรูปหล่อที่ขึ้นมาขอน้ำดื่มจากนางบนเขาวันนั้นไม่ใช่หรือ แถมนางยังโกงเงินเขามาสิบตำลึงด้วย
สีหน้าของยิ่นอ๋องเคร่งขรึมลงเล็กน้อย เหลือบมองนายท่านหกที่อยู่ด้านข้าง แววตาซับซ้อนปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง
นับตั้งแต่เฉียวเวยก้าวเข้าประตูมา ดวงตาทั้งคู่ของนายท่านหกก็จับจ้องนางอยู่ตลอด โอ้ นางเป็นเทพธิดาเต้าหู้หรืออย่างไร ดูเอวเล็กๆ นั่นสิ ดูใบหน้าเล็กๆ นั่นสิ จุ๊ๆ งามยิ่งกว่าสตรีในเรือนหลังของเขาเสียอีก!
นิสัยของนายท่านหกประการแรกชอบอาหารเลิศรส ประการที่สองคือตัณหาจัด เมื่อเคยกินมากเข้า เคยเริงเล่นมากเข้า ของที่ถูกตาต้องใจจริงๆ ก็น้อยลง แต่อาหารจานนี้ในวันนี้ เขากินแล้วรู้สึกประทับใจอย่างหาได้ยากยิ่ง ส่วนแม่นางน้อยคนงามนางนี้ยิ่งทำให้ละสายตาไปไหนมิได้
“ชื่ออะไรหรือ” นายท่านหกยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย
ทันทีที่เฉียวเวยเห็นท่าทางน่าเกลียดของเขา นางก็รู้ว่าวันนี้คงไม่ได้เงินแล้ว นางเกียจคร้านเกินกว่าจะสิ้นเปลืองคำพูดกับเขา นางจึงหันหลังกลับเดินออกจากประตูไปทันที
นายท่านหกลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว วิ่งไม่กี่ก้าวก็มาอยู่ตรงหน้านาง ขวางไม่ให้นางไป “นี่ แม่นาง อย่าเพิ่งไปสิ มารับรางวัลมิใช่หรือ นายท่านหกมีเงินมากมายนัก จะยกให้เจ้าทั้งหมด” เขาพูดพร้อมกับหยิบถุงเงินออกมาจากแขนเสื้อ
เฉียวเวยยิ้มบางๆ “ให้ข้าทั้งหมด ท่านแน่ใจหรือ”
“แน่นอน” นายท่านหกจับมือเรียวอันนุ่มนิ่มดั่งไม่มีกระดูก สัมผัสที่นุ่มนวลทำให้เขาตัวสั่นเพราะความงามของนาง!
เฉียวเวยมองมืออ้วนฉุเหมือนหมูข้างนั้นแล้วคลี่ยิ้ม“รู้สึกดีหรือไม่”
นายท่านหกยิ้มอย่างเพลิดเพลิน “ดี ดีมาก!”
เฉียวเวยยังคงยิ้ม “ท่านอยากรู้สึกดีกว่านี้หรือไม่เจ้าคะ”
ยิ่นอ๋องทำหน้าถมึงทึง ตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ!
เฉียวเวยหนังตาไม่กระตุกสักนิด ส่วนนายท่านหกยิ่งไม่สนใจเขา หัวใจของนายท่านหกตกหลุมเสน่ห์ของคนงามตัวน้อยผู้หวานหยาดเยิ้มนางนี้อย่างสิ้นเชิง “เจ้าจะทำเช่นไรให้ข้ารู้สึกดี นายท่านหกขอบอกเจ้า หากปรนนิบัตินายท่านหกให้รู้สึกดีได้ เงินทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของเจ้า”
เฉียวเวยเอ่ยอย่างมีเลศนัย “ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องน้อมรับบัญชาแล้ว”
พูดจบนางก็คว้าฝ่ามือของเขาแล้วเหวี่ยงเขาข้ามหัวไหล่ลงไปแอ้งแม้งอยู่บนพื้น!
ดวงตาของยิ่นอ๋องฉายแววตกใจ เขาบีบถ้วยในมือแน่น
เฉียวเวยฉกถุงเงินจากมือของนายท่านหกแล้วยิ้มเยาะ “รู้สึกดีหรือไม่เจ้าคะ นายท่านหก”
นายท่านหกเจ็บปวดรวดร้าวเหลือทน เขาจ้องนางด้วยสายตาอำมหิต “นังตัวแสบ เจ้ากล้าทุ่มข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”
เฉียวเวยเลิกคิ้ว “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”
“เจ้า…” นายท่านหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เฉียวเวยยกเท้าเหยียบหน้าอกของเขา แล้วก้มมองเขาอย่างหยามเหยียด “ข้าไม่อยากก่อเรื่องในหรงจี้ วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป หากมีครั้งต่อไป เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะเปลี่ยนเจ้าจากบุรุษกลายเป็นขันที!”
นายท่านหกจ้องมองด้วยท่าทางดุร้าย “เจ้ากล้าหรือ!”
เฉียวเวยเตะเขา “เจ้าคอยดูสิว่าข้ากล้าหรือไม่!”
“หยุด!” ยิ่นอ๋องตวาด
เฉียวเวยเคยหลอกเอาเงินยิ่นอ๋องสิบตำลึง เดิมทีนางมิได้รู้สึกแย่กับเขา แต่เวลานี้เขากลับอยู่กับเจ้าหมูอ้วนนี่ โบราณว่าไว้สัตว์แบ่งฝูง คนแบ่งพวก นี่บ่งบอกว่าพี่ชายรูปหล่อคนนี้คงมิใช่คนดีอะไร!
นายท่านหกกัดฟัน “ท่านอ๋อง จับนาง!”
คนผู้นี้เป็นถึงท่านอ๋องเชียวหรือ
เฉียวเวยมองยิ่นอ๋องอย่างแปลกใจ เป็นถึงท่านอ๋อง เหตุใดจึงไปเดินเล่นอยู่กลางป่ากลางเขา
เมื่อหันไปมององครักษ์มั่วที่อยู่ข้างๆ เดี๋ยวก่อนเจ้าหมอนี่คือคนที่ต่อสู้กับเสี่ยวไป๋ที่สนามสอบมิใช่หรือ
นางจำได้ว่าเจ้าหมอนี่เป็นคนของยิ่นอ๋อง หรือว่า…
ก่อนที่เฉียวเวยจะได้คำตอบ องครักษ์มั่วก็พุ่งเข้ามาหานางแล้ว หนที่แล้วพ่ายแพ้ในมือของเฉียวเวย หนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอาคืนให้ได้!
แต่เฉียวเวยเตรียมพร้อมอยู่แล้ว พริบตาที่นายท่านหกบอกให้ยิ่นอ๋องจับนาง นางก็ชักมีดสั้นออกมาแล้ว นางหมุนตัวกลับ มีดสั้นเสียบเข้าที่หัวไหล่ขององครักษ์มั่วอย่างรวดเร็ว!
องครักษ์มั่วทรุดลงกับพื้นทันที
ยิ่นอ๋องถีบเท้าทะยานร่างครั้งเดียวมาถึงตรงหน้าเฉียวเวยแล้วเริ่มประมือกับนาง เฉียวเวยเคยเห็นฝีมือของยิ่นอ๋องมาก่อนแล้ว นางรู้ว่าตนเองมิอาจต่อกรกับเขาได้ คิดในใจว่าครั้งนี้ต้องแย่แน่ ต่อให้ไม่ตายก็คางเหลือง
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือยิ่นอ๋องไม่ได้ลงมือกับนางเต็มที่ ทุกกระบวนท่าดูเหมือนจะเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่กลับปล่อยให้นางหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย
บุรุษผู้นี้…กำลังจะปล่อยนางให้หนีหรือ
ยิ่นอ๋องต้อนเฉียวเวยไปทางหน้าต่าง พอคว้าเฉียวเวยได้ก็ซัดฝ่ามือใส่จนนางลอยปลิวออกไป!
เฉียวเวยตกลงมาบนหลังคารถม้า รถม้ารับแรงกระแทกไปเกือบทั้งหมด เมื่อนางร่วงลงมาบนพื้นต่อจึงไม่ได้บาดเจ็บหนักหนานัก
เฉียวเวยเหลือบมองยิ่นอ๋องที่ชั้นบน ยิ่นอ๋องมองนางด้วยสายตาลึกล้ำ มิอาจมองความคิดของเขาออก เฉียวเวยกุมแขนข้างที่ร่วงลงมากระแทกแล้ววิ่งไปทางพรรคชิงหลง
นายท่านหกมิใช่คนดี เมื่อเห็นแม่นางน้อยหนีไปแล้ว เขาก็ผิวปากส่งสัญญาณออกไปด้านนอก เงาดำหลายร่างปรากฏตัวออกมา “นายท่านหก!”
นายท่านหกตวาดอย่างเดือดดาล “ไป จับตัวนังนั่นกลับมาให้ข้า! อย่าให้ตาย จับมาเป็นๆ!”
“ขอรับ!”
เงาดำหลายร่างนั้นใช้วิชาตัวเบาเหินออกไป
ไม่เสียทีเป็นนายท่านหก เก็บยอดฝีมือระดับนี้ไว้ในมือ วรยุทธ์ของคนเหล่านี้ล้วนไม่ด้อยไปกว่าหน่วยองครักษ์ชิงอีเว่ย
แววตาของยิ่นอ๋องดำมืดขึ้นเล็กน้อย “ข้าจะออกไปตามหาด้วย”
นายท่านหกพยักหน้า “ลำบากท่านอ๋องแล้ว”
ยิ่นอ๋องเดินลงไปชั้นล่าง เขารู้ทิศทางหลบหนีของเฉียวเวยจึงใช้เวลาไม่นานก็ตามนางทัน
เฉียวเวยมองพรรคชิงหลงที่อยู่ไม่ไกล “ต้า…”
คำว่า ‘เตา’ ยังมิทันได้เอ่ยออกมา ยิ่นอ๋องก็ปิดปากของนางเอาไว้!