บทที่ 217 การปรากฎตัวของกู้อิง

ณ เมืองซ่างจิง

ในเมืองมีผู้คนพลุกพล่านขวักไขว่ อาคารบ้านเรือนมีการแกะสลักและทาสีอย่างงดงาม มีแต่ความจอแจ จวนหลังใหม่ของติงเป่ยโหวที่ฮ่องเต้พระราชทานให้นั้นมีขนาดใหญ่มาก จวนแห่งนี้มีแขกมาเยี่ยมไม่ขาดสาย ในขณะนั้นเองเด็กหนุ่มสองสามคนเดินออกมาจากจวนพูดคุยเล่นกันสนุกสนาน

“ซ่างจิงมีชีวิตชีวาและสวยงามกว่าฉินโจว เหตุใดเฉาจียังขลุกอยู่ที่นั่นนะ”

“ซ่างจริงงดงามก็จริง แต่ความงามที่ขโมยหัวใจของเฉาจีนั้นอยู่ที่ฉินโจวต่างหาก”

“อะไรนะ? เฉาจีมีคนรักหรือ?”

“เฉาลู่เจ้ามันไม่รู้อะไร เจ้าไม่สังเกตเฉาจีหรือ?”

“ใช่แล้ว ปกติไอ้น้องชายคนนี้มันสนใจเรื่องการแต่งตัวที่ไหน จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวแบบนั้น เจ้าไม่คิดว่ามันผิดปกติหรือ?”

“ข้าไม่คิดมาก่อน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่เลย! เฉาลู่ยังเด็กอยู่จะไปรู้เรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?

เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของเฉาลู่ ทุกคนต่างชี้มาที่เขาพร้อมกับหัวเราะเยาะ เฉาลู่ยืนขึ้นกอดอกมองไปที่พี่ชายคนที่หัวเราะเสียงดังมากที่สุด

“พวกพี่เองก็เป็นคนโสด เหตุใดต้องมาหัวเราะเยาะข้า!” เหล่าพี่ชายที่กำลังหัวเราะก็ตกตะลึงทันที ทุกอย่างเงียบสงัดไม่มีเสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมา

ถัดจากกลุ่มเด็กหนุ่มไป

มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนเคียงข้างกัน หญิงสาวมีรูปร่างสมส่วน นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่งดงาม สวมผ้าคลุมหน้าเผยให้เห็นแค่ดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้น ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความปรารถนามักใหญ่ใฝ่สูง ชายหนุ่มข้างกายมีท่าทีเฉยเมย แต่เมื่อยามที่เขาหันไปมองหญิงสาว ใบหน้าก็นุ่มนวลขึ้น

คนสองคนนั้นคือกู้อิ๋นและไป๋ซวี่หยาง

“แม่ทัพเฉาผู้นี้นับตั้งแต่ชนะสงครามที่เมืองฉินโจว ก็กลายเป็นบุรุษมีชื่อเสียงอยู่ในสายพระเนตรของฮ่องเต้” สตรีผู้นั้นพูดขึ้น

“ใช่ เจ้าไม่ชอบเฉาเช่าหรือ?” ชายหนุ่มถามด้วยแววตาหม่น ราวกับว่าเขาจะหาทางฆ่าคนนั้น หากนางเอ่ยปากว่าไม่ชอบ

“ซวี่หยาง ข้าไม่เคยพบแม่ทัพเฉาสักครั้ง เหตุใดข้าถึงจะเกลียดเขาเล่า” กู้อิ๋นส่ายศีรษะก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม

แต่ว่า…กู้อิ๋นนั้นรู้สึกแปลก ๆ เนื่องจากในชาติที่แล้วนางจำได้ว่าชาวซยงหนูทำลายฉินโจวเพื่อบุกตีต้าโจว เฉาเช่าพ่ายแพ้และเสียชีวิตในสงคราม ผู้คนในเมืองฉินโจวโดนสังหาร แม่ทัพเฉากลายเป็นตราบาปของราชสำนักต้าโจว

ด้วยเหตุนี้เองกู้อิ๋นจึงไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไรแม่ทัพเฉา นางเลือกที่จะเข้าหาองค์ชายรองที่จะขึ้นเป็นข่านองค์ใหม่ของซยงหนู หลังกำชัยชนะในครั้งนั้น

ในยามที่องค์ชายรองมาที่เมืองหลวงในฐานะทูต กู้อิ๋นให้ความช่วยเหลืออีกองค์ชายรองเป็นอย่างมากเผื่อที่จะได้ใจเขา ทว่านางไม่คิดเลยว่าองค์ชายรองจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงคราม และองค์ชายน้อยที่เคยเป็นตัวประกันก็หลบหนีกลับไปยังเผ่าซยงหนูได้!

ตอนนี้ในซยงหนูเกิดสงครามภายใน สองฝ่ายอำนาจกำลังห้ำหั่นแย่งชิงกันโดยที่แนวโน้มส่วนใหญ่อยากให้องค์ชายแปดของซยงหนูขึ้นบัลลังก์! แต่เป็นเพราะในชาติที่แล้วองค์ชายผู้นี้ได้ตายจากไปก่อนหน้านั้นแล้ว กู้อิ๋นจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขา

สิ่งที่นางทำไปทั้งหมดยังไม่เห็นผลในขณะนี้ก็จริง แต่หากวันใดที่องค์ชายแปดสามารถยึดบัลลังก์ได้ และรู้ว่ากู้อิ๋นคอยช่วยเหลือองค์ชายรองมาตลอด กู้อิ๋นจะกลายเป็นศัตรูของชาวซยงหนู หญิงสาวรู้สึกว่าตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปจากเส้นเรื่องในชีวิตก่อนของตนเองมาก นางรู้สึกสังหรณ์ใจว่า ดูเหมือนทุกอย่างอยู่เหนือความควบคุมของนาง และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ในชาติที่แล้วไป๋มู่หยางพี่ชายของไป๋ซวี่หยางเป็นโรคเรื้อรังและเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย นี่ก็นานมากแล้วแต่กู้อิ๋นยังไม่เคยได้รับข่าวการเสียชีวิตของเขาเลย ผู้นำตระกูลไป๋ตอนนี้ก็ยังคงเป็นไป๋มู่หยาง มีหลายอย่างที่ผิดปกติไป กู้อิ๋นรู้สึกว่านางต้องทำอะไรสักอย่าง

กู้อิ๋นได้รับโอกาสมาเกิดใหม่อีกครั้ง นางหวงแหนโอกาสนี้เป็นอย่างยิ่ง นางจะต้องชักนำโชคชะตาของตัวเองเพื่อก้าวขึ้นไปเป็นสตรีที่มีเกียรติที่สุดในแผ่นดินให้ได้!

“ซวี่หยาง ข้าอยากไปที่ชิงเหอ” กู้อิ๋นกล่าว

“เจ้าจะไปทำอะไรที่ชิงเหอหรือ?” ไป๋ซวี่หยางสงสัย

“ไปหาใครบางคนน่ะ” นางตอบอีกฝ่าย

กู้อิ๋นจำได้ว่าในชาติที่แล้วของนางมีหมอเทวดาผู้หนึ่งอาศัยอย่างสันโดษในเมืองชิงเหอ คนผู้นี้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมแต่เพราะถูกกลั่นแกล้ง จึงต้องอพยพไปอยู่อย่างสันโดษในชนบทห่างไกล ต่อมาด้วยความสามารถของเขาทำให้รักษาโรคเรื้อรังของฮ่องเต้ได้ ชื่อเสียงของหมอผู้นี้จึงดังกระฉ่อน

กู้อิ๋นต้องการช่วยเขาในยามลำบาก เพื่อหวังให้หมอเทวดาผู้นี้ซาบซึ้งในเมตตาของนาง และด้วยความช่วยเหลือของหมอเทวดาผู้นี้หนทางขึ้นสู่บัลลังค์แคว้นต้าโจวของนางจะราบรื่นอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนั้นกู้อิ๋นรู้สึกสบายใจมากขึ้น

“ข้าจะไปกับเจ้า” ไป๋ซวี่หยางกล่าว

“ซวี่หยาง เจ้าควรรออยู่ที่เมืองหลวง หากเจ้าออกไปท่านแม่ของเจ้าจะระแวงได้” หญิงสาวพูดเสริม

“นางไม่สนใจหรอกว่าข้าจะเป็นตายเช่นไร” ไป๋ซวี่หยางมีท่าทีไม่แยแส

“ซวี่หยางอย่าพูดเช่นนั้น มีคนมากมายเป็นห่วงเจ้า” หลังจากที่หญิงสาวพูดจบท่าทีของซวี่หยางก็อ่อนโยนขึ้น

“เอาละ อาอิ๋งข้าจะฟังเจ้า”

…..

เมื่อกู้อิ๋นกลับไปยังจวนแม่ทัพ นางก็แจ้งจุดประสงค์ในการออกเดินทางกับสกุลกู้ พวกเขาไม่ห้ามหากลูกสาวจะเดินทางไกล หญิงสาวกล่าวว่าท่านย่าของนางสุขภาพไม่แข็งแรงและกู้อิ๋นจะเดินทางไปพบหมอที่มีฝีมือ แม่ทัพกู้ชื่นชมในความกตัญญูของบุตรสาวจึงอนุญาตทันที มีข้อแม้เพียงหนึ่งข้อเท่านั้น คือกู้อิ๋นต้องนำคนคุ้มกันไปด้วย

กู้อิ๋นออกเดินทางพร้อมกับสาวใช้ส่วนตัวสองคนและผู้คุ้มกันอีกนับสิบ ครึ่งเดือนต่อมานางก็เข้าสู่เขตแดนชิงเหอ หญิงสาวมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง หากเป็นไปได้นางไม่ต้องการมาเหยียบที่นี่อีกเลยตลอดชีวิตนี้

เมืองนี้คือบ้านเกิดของนาง สถานที่แสนอัปยศที่คอยย้ำเตือนว่าชาติกำเนิดที่แท้จริงของนางนั้นต่ำต้อยเพียงใด เด็กสาวชาวนาผู้ยากไร้ แต่ชาตินี้นางจะไม่มีวันกลับไปเป็นแบบนั้นอัก กู้อิ๋นต้องขึ้นเป็นใหญ่ให้ได้

“คุณหนู ตอนนี้เข้าเขตเมืองเหอตงแล้ว คืนนี้เราพักกันที่นี่ดีหรือไม่ขอรับ?” ผู้คุ้มกันเอ่ยถามนาง

“คืนนี้ค้างที่นี่เถิด ทุกคนเหนื่อยมากแล้ว” กู้อิ๋นกล่าวเบา ๆ

“คุณหนูไม่ต้องสุภาพหรอกขอรับ การคุ้มกันคุณหนูคือหน้าที่ของพวกข้า” เขารีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตามหาโรงเตี๊ยมสำหรับพักผ่อน

หลังจากที่จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยกู้อิ๋นพาสาวใช้ส่วนตัวออกจากโรงเตี๊ยม พวกนางเดินทางในรถม้ามาเป็นเวลานาน ทำให้เท้าทั้งบวมและเจ็บ หากได้ออกเดินเสียบ้างคงจะดีไม่น้อย

จู่ ๆ ในตอนนั้นเองกู้อิ๋นได้ยินเสียงหนึ่งเข้า

“เจียวเจียว!”

กู้อิ๋นหันไปมอง นางพบกับชายร่างเตี้ยล่ำมองมาที่ตนด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“เจียวเจียว! นั่นเจ้าจริง ๆ ด้วย นึกว่าข้ามองผิดไปแล้ว! เจ้าหายไปไหนมาหลายปี บิดากับมารดาเป็นห่วงเจ้าแทบแย่แล้ว!”

เขาพูดด้วยท่าทีกระตือรือร้น แม้ภายนอกจะดูเป็นเช่นนั้นแต่ทว่าในใจของเขามีแต่คำถาม ผู้หญิงคนนี้หายไปถึงสองปี บัดนี้นางสวมเสื้อผ้าดี ๆ เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีเรื่องดีเกิดขึ้นกับนาง? หากนางมีฐานะร่ำรวยขึ้นจริง ๆ เขาก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นไปด้วย

ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น

ใบหน้าของกู้อิ๋นไม่ค่อยสู้ดีนัก มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง หมู่บ้านของนางอยู่ห่างไกลจากที่นี่มากไม่คิดเลยว่าจะได้พบลุงรองของนางที่นี่! ลุงรองของนางเป็นคนโลภ

ดวงตาของหญิงสาวฉายแววรังเกียจ แต่ไม่ช้านางก็คลี่ยิ้มออกมา

“เป็นท่านลุงรองนั่นเอง ท่านมาขายของที่หาได้จากภูเขาหรือ? ข้านำของมามากมายแต่อยู่ที่โรงเตี๊ยม ท่านไปดูของกับข้าไหม?”

ทันทีที่ได้ยิน ดวงตาของชายผู้นั้นก็มีไฟแห่งความโลภลุกโชนขึ้น

“ข้าเป็นลุงรองของเจ้า แน่นอนว่าข้าย่อมไปอยู่แล้ว ว่าแต่เจ้าหายไปไหนมาหลายปีหรือ?”

ชายร่างเตี้ยเดินตามหลังกู้อิ๋น ในหัวของเขามีวาดฝันแต่เรื่องดี ๆ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าขณะที่เดินไปนั้นพวกเขาก็เดินออกนอกเส้นทางจนเข้าไปในที่เปลี่ยวร้างผู้คนมากขึ้น ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสามคนบนถนนเท่านั้น

กู้อิ๋นหยุดฝีเท้า นางปลายตามองไปที่จู๋เยว่

จู๋เยว่ชักมีดที่ห้อยข้างเอวออกมา ในจังหวะที่ชายผู้นั้นกำลังเผลอไม่ทันไหวตัว นางก็เชือดเข้าที่ลำคอของเขา ลุงรองของกู้อิ๋นเบิกตากว้างล้มลงไปกับพื้น ในหัวของเขาสับสนมากไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่จนกระทั่งลมหายใจค่อย ๆ หมดลง

ทั้งสองคนเดินออกมาจากตรอกเปลี่ยวและไปซื้อของต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น