ตอนที่ 338 ชื่อเสียงของอาจารย์นับว่าไม่สูญเปล่า
ข่าวเรื่องร้านโลงศพเปลี่ยนเจ้าของได้แพร่สะพัดไปทั่วถนนสองสามสายนี้นานแล้ว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของร้าน อย่างไรเสียตอนที่ตาเฒ่ากวนจากไปก็ได้มีการจัดงานศพ ทุกคนที่รู้ข่าวในถนนสายนี้ต่างก็ได้มาจุดธูป
หลังจากที่ประทัดดังขึ้นก็มีคนวิ่งมาทางนี้ เป็นเถ้าแก่จี้ที่ขายธูปเทียนและกระดาษเงินหยวนเป่า เมื่อเห็นป้ายร้านจึงอ่านออกมา ‘เฟยฉางเต๋า’ จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซีและคนอื่นๆ ยิ้มพลางยกมือขึ้นคำนับ “ท่านนักพรตน้อย ร้านของพวกท่านเปิดกิจการแล้วหรือ ยินดีด้วยกับการเปิดร้าน”
“เช่นกัน เช่นกัน” ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “วันนี้นับว่าเปิดกิจการแล้ว จากนี้ไปขอฝากเนื้อฝากตัวกับเถ้าแก่จี้ด้วย”
“ท่านนักพรตน้อยเป็นคนมีความสามารถ ตาเฒ่าอย่างข้าไม่กล้าเอ่ยปากว่าจะดูแล แต่อยากจะขอฝากเนื้อฝากตัวกับท่านนักพรตน้อยด้วย” เถ้าแก่จี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ฉินหลิวซีจึงยิ้มพลางเอ่ย “ล้วนเป็นคนในตรอกเดียวกัน ย่อมต้องดูแลซึ่งกันและกัน วันนี้ร้านเปิดอย่างเป็นทางการ เถ้าแก่จี้เป็นคนที่มีวาสนาต่อร้านพวกเราเป็นคนแรก ขอมอบยันต์ป้องกันตัวให้ท่านหนึ่งแผ่น ขอให้ชีวิตมีความสุขราบรื่น”
เฉินผีรีบหยิบยันต์สามเหลี่ยมออกมาจากแขนเสื้อ แล้วส่งให้ด้วยมือทั้งสองข้าง “นายท่านของพวกเราเป็นคนวาดด้วยตัวเองขอรับ”
เถ้าแก่จี้ตาเป็นประกาย รีบรับมาทันที เขาเคยได้ยินจากตาเฒ่ากวนมานานแล้วว่านักพรตน้อยผู้นี้คืออาจารย์ปู้ฉิวแห่งอารามชิงผิง ในช่วงนี้นับว่าเขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
คนรอบข้างอาจไม่ค่อยเข้าใจความสามารถของปู้ฉิว แต่จากเรื่องของตาเฒ่ากวน เถ้าแก่จี้จึงรู้ว่าเขามีความสามารถจริงๆ ส่วนร้านนี้ทำกิจการอะไรเขาก็ได้ถามแต่เนิ่นๆ แล้ว ทั้งรักษาคน ทั้งยังไล่สิ่งชั่วร้าย และขายยันต์ ทำกิจการที่ไม่เหมือนธรรมดาทั่วไป ก็เหมือนกับที่เขาทำกิจการขายธูปเทียนและกระดาษเงินหยวนเป่า ไม่มีใครต้องการสิ่งนี้แล้วหรือ
มี ซ้ำยังมีเยอะอีกด้วย
“ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก” เถ้าแก่จี้เก็บยันต์ป้องกันตัวไว้ที่หน้าอก เอ่ยต่อ “เป็นดั่งที่ท่านนักพรตน้อยเอ่ย ล้วนเป็นคนถนนสายเดียวกันทั้งนั้น ต่อไปนี้ต้องดูแลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะกิจการของพวกเราทั้งสองร้านที่ไม่ค่อยมีปกติทั่วไป”
“เป็นเช่นนั้นขอรับ” เฉินผีหัวเราะเบาๆ
“เช่นนั้นก็ไม่รบกวนพวกท่านแล้ว” เถ้าแก่จี้ยกมือขึ้นโค้งคารวะแล้วกลับไปยังร้านของตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานก็ให้เด็กนำซองจดหมายสีแดงใบเล็กมาส่ง ถือเป็นสิริมงคล
ฉินหลิวซีให้เฉินผีมอบยันต์แคล้วคลาดหนึ่งแผ่นคืนไปให้ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
มีคนเดินเข้ามาในตรอก เมื่อเดินผ่านร้านเฟยฉางเต๋า เห็นว่ามีประทัดและกระดาษโปรยอยู่บนพื้น จึงเงยหน้าขึ้นมอง “เฟยฉางเต๋า? นี่ไม่ใช่ร้านโลงศพหรือ”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา ยื่นยันต์ป้องกันตัวให้หนึ่งแผ่น เอ่ยว่า “ไม่ทำร้านโลงศพแล้ว ที่นี่รับรักษาคน กำจัดวิญญาณชั่วร้ายและจับผี วันนี้เปิดร้านใหม่ ขอมอบยันต์ป้องกันตัวให้ผู้ประเสริฐหนึ่งแผ่น หากมีสิ่งที่ต้องการขอ จำไว้ว่าที่ตรอกโซ่วสี่มีร้านเฟยฉางเต๋า สามารถช่วยคลายความกังวลของท่านผู้ประเสริฐได้”
คนผู้นั้นหัวเราะเย้ยหยัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูหมิ่น คว้ายันต์ป้องกันตัวแผ่นนั้นมากำไว้ในมือ แล้วเดินจากไปโดยไม่เอ่ยขอบคุณแม้แต่คำเดียว
หลังจากเดินออกมาพ้นแล้ว เขาก็ยิ้มเย้ยหยันพลางถ่มน้ำลายลงบนพื้น “แสร้งทำเป็นมีฤทธิ์เดช”
เขาอยากจะขยำยันต์แคล้วคลาดในมือทิ้งแต่หลังจากที่มองดูแล้ว เขาก็ยัดมันเข้าไปในเข็มขัดด้วยความรำคาญ จากนั้นก็เดินจากไปอย่างเร่งรีบ
ฉินหลิวซีแจกยันต์ป้องกันตัวไปห้าแผ่นแล้ว วั่งชวนทำแก้มป่องพลางถามด้วยความไม่เข้าใจว่า “ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านจึงไม่ได้มอบยันต์ให้บางคน”
“ยันต์ป้องกันตัวจะมอบให้ผู้ที่มีวาสนาต่อกันเท่านั้น” ฉินหลิวซีลูบศีรษะนางแล้วจึงเอ่ย “ศิษย์พี่ของเจ้าได้เคลื่อนย้ายจุลจักรวาลแล้ว แล้วเจ้าล่ะ”
วั่งชวนอุทานด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ไปฝึกบำเพ็ญเต๋าที่เรือนจิ้งซื่อเถิด” ฉินหลิวซีเสียงดุ “ห้ามขี้เกียจ”
เรือนจิ้งซื่อที่ด้านหลังนั้น นางได้ใช้หินหยกวางค่ายกลขนาดเล็กโดยเฉพาะ ซ้ำยังเพิ่มพลังจิตวิญญาณด้วย นอกจากนี้ยังแกะสลักสัญลักษณ์เครื่องรางและบทพระสูตรไว้บนผนัง ซึ่งสามารถทำให้แท่นจิตวิญญาณชัดเจน จิตใจสงบนิ่ง ได้รับผลสองเท่าในการใช้ความพยายามครึ่งหนึ่งในการบำเพ็ญเต๋า
ฉินหลิวซีมองไปยังเถิงเจาที่ฝึกฝนเสร็จสิ้นแล้ว กำลังจะเอ่ยปาก เถิงเจาก็เอ่ยว่า “เวลาที่ตกลงไว้กับท่านแม่ทัพซ่งผู้นั้นมาถึงแล้ว”
ฉินหลิวซีตกตะลงเมื่อได้ยินเช่นนี้
ราวกับว่ากำลังตอบรับคำพูดของเขา ทันใดนั้นเสียงรถม้าก็ดังขึ้นที่ทางเข้าตรอก และมีรถม้ามาหยุดที่ทางเข้าตรอก
อาจารย์และศิษย์มองออกไปพร้อมกัน
ร่างสูงโปร่งของซ่งเยี่ยปรากฏตัวขึ้นในสายตาก่อน เขายื่นมือไปที่ประตูรถ พยุงสตรีนางหนึ่งลงมาจากรถ
ทั้งสองคนเดินมาก่อน ทางด้านหลังมีสาวใช้หนึ่งคนกับหญิงชราอีกหนึ่งคน และยังมีคนที่แต่งตัวเป็นองครักษ์อีกสองคน
ฉินหลิวซีมองไปยังเถิงเจา “เจ้าความจำดีใช้ได้เลย”
เถิงเจาไม่เอ่ยอะไร ยืนอยู่ข้างนาง มองไปยังทั้งสองคนแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เห็นอะไรหรือ”
“รอบตัวสตรีผู้นั้นมีรัศมีสีเทาและสีน้ำเงินล้อมอยู่ นางใกล้จะตายเร็วๆ นี้แล้วหรือ” เถิงเจาไม่เข้าใจ
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “เป็นรัศมีของโรค มีเพียงคนที่ป่วยมาเป็นเวลานานเท่านั้นที่จะมีสีเช่นนี้ สีเทาและสีดำถือเป็นความชั่วร้าย ทำให้โชคร้าย สีดำที่มีความหนาและรุนแรงอาจนำไปสู่ความตาย ส่วนสีน้ำเงิน ในสิบสองปีนักษัตรนั้นตรงกับยามจื่อ[1] ซึ่งยามจื่อสลับกันระหว่างหยินกับหยาง พลังหยินจะแข็งแกร่งที่สุดและมีความหนาวเย็น ดังนั้นจึงสอดคล้องกับสีน้ำเงินที่เย็นจัด”
เมื่อเถิงเจาได้ฟังก็เริ่มสับสน เอ่ยว่า “แต่ตอนนี้เป็นยามซื่อ[2]สองเค่อแล้ว”
“พลังหยินยังเกี่ยวข้องกับธาตุทั้งห้าของแปดอักษรเวลาตกฟากของคนอีกด้วย ผู้ที่เกิดระหว่างเดือนห้าไปจนถึงต้นเดือนแปด ธาตุทั้งห้านั้นเป็นของธาตุน้ำ โดยน้ำเป็นหยิน นางอาจจะเกิดในฤดูร้อน ใบหน้าของนางมีสีเขียวเหลืองโดยไม่มีสีแดงฝาด ริมฝีปากหมองคล้ำ ฝีเท้าเชื่องช้า ร่างกายส่วนล่างไม่มั่นคง เกรงว่าจะเกิดจากโรคของสตรี หากเป็นโรคของสตรีพลังหยินก็ยิ่งรุนแรง” ฉินหลิวซีสามารถมองสีหน้าของซ่งซื่อได้อย่างชัดเจนเมื่อนางก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
เถิงเจาตาเป็นประกาย เหลือบมองนาง ซ่อนความร้อนระอุไว้ในส่วนลึกของดวงตา
การที่เป็นอาจารย์ของเขาได้ นับว่าชื่อเสียงไม่สูญเปล่า
“ศาสตร์ทั้งห้าของเสวียนเหมิน มีวิชาแพทย์ลึกลับคือสิบเต๋าเก้าวิชาแพทย์ เจ้าก็ต้องเรียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนจะสามารถเรียนรู้ถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านั้นได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเข้าใจของเจ้า ส่วนสิ่งที่เจ้าอยากเรียนรู้และสิ่งที่ไม่อยากเรียนรู้ อาจารย์เป็นคนเปิดกว้าง จะตามใจเจ้า แต่อย่างไรก็ตามการที่เก่งไปทุกด้านนั้นดีที่สุด!” ฉินหลิวซีมองเขาด้วยดวงตาสดใส หากเจ้าเก่งครบทุกด้าน เช่นนั้นอาจารย์ก็จะยิ่งสบาย
เถิงเจาเบือนหน้าหนี ในใจรู้สึกได้ถึงวิกฤต เขาไม่ควรรับคำ หากรับก็เหมือนกับวางกับดักให้ตัวเอง
ฉินหลิวซีกระแอมแล้วเอ่ยต่อ “จริงๆ แล้ววิชาแพทย์ต้องใช้ความเข้มงวดมากที่สุด เพราะเมื่อเจ้าวินิจฉัยโรคผิดก็จะสั่งยาผิด เมื่อสั่งยาผิด ไม่เพียงแต่รักษาไม่ตรงอาการ ในกรณีที่ร้ายแรงก็เหมือนกับเป็นการฆ่าคนเช่นกัน เช่นเดียวกับการฝังเข็ม ข้อกำหนดของอาจารย์คือเจ้าต้องสามารถระบุจุดฝังเข็มต่างๆ บนร่างกายได้ในขณะที่หลับตา เช่นนี้ในภายภาคหน้าเมื่อเจ้าฝังเข็มก็จะไม่ผิดพลาด การฝังเข็ม หากผิดจุดใดจุดหนึ่ง ก็จะผิดไปทุกขั้นตอน อย่างเบาก็จะทำให้อาการไข้หนักขึ้น อย่างหนักอาจทำให้เป็นอัมพาตและเสียชีวิตได้” โนเวลพีดีเอฟ
“ดังนั้น เถิงเจา วิชาแพทย์สามารถช่วยชีวิตคนและยังสามารถทำร้ายคนได้ด้วย ดังนั้นต้องระมัดระวัง รู้หรือไม่ หากเจ้าทำร้ายใครสักคน กรรมจะตกอยู่ที่เจ้า เจ้าต้องชดใช้คืน”
คำพูดของฉินหลิวซีราวกับสายฟ้าฟาดเข้าใส่ในหัวเถิงเจาอย่างแรง นี่คือคำสอนของอาจารย์ที่มีต่อศิษย์ และเป็นคำเตือนด้วย
เถิงเจาสบตาฉินหลิวซี ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วยกมือขึ้นโค้งคารวะ “ศิษย์จะปฏิบัติตามคำสอนของท่านอาจารย์ด้วยความเคารพ”
ฉินหลิวซีจิ้มไปที่หน้าผากของเขา จากนั้นก็หันไปยิ้มต้อนรับซ่งเยี่ย ยกมือขึ้นประสาน “ท่านแม่ทัพซ่งเป็นคนที่ตรงต่อเวลาจริงๆ ท่านนี้คือน้องสาวของท่านหรือ”
นางหันไปมองหน้าซ่งซื่อ ดวงตาเป็นประกาย น่าสนใจ
[1] ยามจื่อ 23.00-01.00
[2] ยามซื่อ 9.00-11.00 น.