ตอนที่ 70-2 บังเอิญมาพบกัน

ฮูหยินใหญ่ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ซึ่งทําให้ผู้คนเข้าใจว่านางมีความเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก

พร้อมกับใช้มือเช็ดน้ำตาของตนเอง ขณะที่มีการขยับขึ้นของมุมปากเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยโดยที่มิมีผู้ใดสามารถสังเกตเห็นได้

ต่อมานางได้ร้องไห้คร่ำครวญราวกับว่าตนเองได้ถูกเข็มนับพันเล่มที่มแทงเข้าไปที่หัวใจ

แต่เมื่อนางเหลือบมองไปด้านข้างจึงพบว่า หลี่หมินเต๋อกําลังจ้องมองนางด้วยความโกรธแค้นเป็นอย่างมาก

นอกจากความเกลียดชังที่ท่วมท้นแล้ว ดวงตาของเขายังต็มไปด้วยความพยาบาทและอาฆาตมาดร้ายอีกด้วย

ฮูหยินใหญ่รู้ได้ในทันทีว่า การกระทําผิดของตนเองในครั้งนี้ เด็กชายผู้นี้จะต้องล่วงรู้อย่างแน่นอน

จากนั้นนางจึงยิ้มอย่างเย็นชา และมิแยแสสายตาคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย

ในขณะที่นางขยับศีรษะไปข้างหนึ่งและยังคงแสร้งทําเป็นเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าของตนเองอย่างเศร้าสร้อย

แม้ดูเหมือนจะมีสนใจ แต่ภายในใจของนางกลับรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาบ้างแล้ว และด้วยเหตุนี้นางจึงเกิดความรู้สึกกังวลใจ:

แผนการนี้ได้ดําเนินการโดยมิมีช่องโหว่เลยแม้แต่น้อย แล้วเด็กชายผู้นี้จะล่วงรู้ได้อย่างไร?

หากเขาสามารถล่วงรู้ได้จริง จะต้องมีปัญหาตามมามิรู้จบอย่างแน่นอน!

ถึงตอนนี้ผู้คนด้านนอกตําหนักแห่งนี้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว และข่าวการเสียชีวิตของฮูหยินสามได้ปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้นมาพร้อมกันในกลางดึก

ฮูหยินสามมักจะใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและก่อนที่นางจะเสียชีวิตนางได้ขอร้องเอาไว้ว่า ให้ดําเนินการทุกอย่างด้วยความเรียบง่ายที่สุด

ดังนั้นสําหรับพิธีศพของนาง ผู้อาวุโสหลี่จึงปฏิบัติตามการตัดสินใจของนางที่จะมทําให้มันสิ้นเปลืองจนเกินไป

เช่นนั้นระยะเวลาในการจัดพิธีศพจึงมินานนัก แต่ขุนนางหลายคนก็ได้มาแสดงความเคารพต่อศพของนางเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากสถานะของนางในบ้านตระกูลหลี่

ฮูหยินใหญ่รับหน้าที่ในการจัดการเกี่ยวกับเรื่องงานศพทั้งหมด

ทุกอย่างได้ถูกจัดระเบียบเป็นอย่างดีและสง่างาม ซึ่งทําให้ทุกคนคิดว่า นางเป็นผู้ที่มีคุณธรรมและมีน้ำใจ อีกทั้งยังมีความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง

แต่พวกเขามิรู้ว่า นางเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังการตายของฮูหยินสาม ซึ่งเรื่องนี้ผู้ที่สงสัยมีเพียงหลี่เว่ยหยางและหลี่หมินเต๋อเท่านั้น

หลังจากนั้นหลี่เว่ยหยางจงใจส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง แต่หลังจากเวลาผ่านไป นางกลับมิสามารถหาคําตอบให้กับเรื่องนี้ได้

นางรู้แค่เพียงว่า ฮูหยินใหญ่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของฮูหยินสามในครั้งนี้ แต่นางต้องการหาหลักฐานมามัดตัวเพื่อที่คนร้ายจะได้มิสามารถดิ้นหลุด

ขณะนี้หลี่เว่ยหยางรู้สึกผิดต่อท่านอาสะใภ้สามของนางเป็นอย่างมาก หากมิใช่เพราะฮูหยินสามช่วยนางอย่างต่อเนื่อง ฮูหยินใหญ่อาจจะมิวางแผนเพื่อฆ่านางเช่นนี้

ตอนนี้เว่ยหยางรู้อย่างชัดเจนแล้วว่า คนต่อไปที่ฮูหยินใหญ่จะวางแผนจัดการก็คือตัวนางเอง

อย่างไรก็ตามฮูหยินสามมิสามารถเทียบได้กับหลี่เว่ยหยาง

เพราะประสบการณ์ของเว่ยหยางจากชาติที่แล้ว ทําให้นางสามารถมองเห็นแผนการเหล่านี้ที่ใช้ในการทําร้ายผู้อื่นอย่างทะลุปรุโปร่ง

และนอกเหนือจากการที่นางรู้ว่าจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษแล้ว ตอนนี้ฮูหยินใหญ่ยังหาเวลาที่เหมาะสมในการลงมือมิได้

เนื่องจากฮูหยินสามจากไปในช่วงเวลาก่อนจะสิ้นปีเพียงเล็กน้อย ทุกคนจึงขาดความตื่นเต้นในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ที่กําลังจะมาถึง และมิมีความสุขมากนักบนใบหน้าของทุกคนในบ้านตระกูลลี่แห่งนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอํามาตย์หลี่ยังมิได้เรียกตัวคุณหนูใหญ่เข้าไปชําระความเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งที่แล้ว

และนางยังคงหลบซ่อนตัวอยู่แต่ในห้องของตนเองทุกวันโดยมิได้ย่างเท้าก้าวออกมาภายนอกเลย

ฮูหยินใหญ่รู้สึกหดหูใจ และถูกลงโทษอย่างหนักสําหรับความตกต่ำในครั้งนี้

พร้อมกับการผ่านพ้นไปของภัยธรรมชาติ และจักรพรรดิทรงสามารถขจัดความวุ่นวายภายในพื้นที่ซึ่งประสบภัยพิบัติได้ อีกทั้งราษฎรในพื้นที่ดังกล่าวยังมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย

เจ้าหน้าที่และเหล่าขุนนางหลายคนถูกประหารชีวิตให้ตายตกไปตามกัน

และเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมานี้ ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาเยี่ยมเยียนตระกูลหลี่มากขึ้น เพราะว่าท่านอํามาตย์หลี่มีอํานาจและหน้าที่ในเรื่องเกี่ยวกับการเติมเต็มตําแหน่งที่ยังว่างอยู่

ดังนั้นประตูของบ้านตระกูลหลี่จึงถูกเปิดเข้าเปิดออกบ่อยครั้งมาก จนดูเหมือนมันแทบจะพังแล้ว

ภายใต้ความตั้งใจขององค์รัชทายาท ทัวเป่าเจิ้นต้องไปเยี่ยมเยียนบ้านตระกูลหลี่เป็นการส่วน

แต่พระองค์มิได้คาดคิดว่า จะได้พบกับองค์ห้าทัวเป่าลุ่ย

รอยยิ้มสงบลอยอยู่บนใบหน้าของทัวเป่าเจิ้นขณะที่กล่าวออกมาว่า

“น้องห้า วันนี้เจ้ามีเวลามาที่นี่ได้อย่างไร?”

ดวงตาของทัวเป่าลุ่ย จ้องมองไปยังใบหน้าของทัวเป่าเจิ้น ก่อนที่จะยิ้มอย่างมีความหมายและกล่าวว่า:

“ท่านพี่สาม, ท่านมาเพื่อองค์รัชทายาท, แต่ข้ามาพบคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลี่ ดังนั้นเรามิได้อยู่บนเส้นทางเดียวกัน”

พบหลี่จางเล่อหรือ?

ดูเหมือนว่าองค์ชายห้าจะมีความสนใจในตัวของคุณหนูใหญ่อย่างลึกซึ้ง

ทัวเป่าเจิ้นพยายามนึกทบทวนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งที่แล้ว

องค์รัชทายาทและตัวของเขาเองนั้นถูกจักรพรรดิดุด่าอย่างหนักและนั่นเป็นเพราะพวกเขาล้มเหลวในเรื่องที่เสนอแผนการของหลี่เว่ยหยางไป

ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้หลี่จางเล่อกําลังตกที่นั่งลําบาก ซึ่งทุกคนล่วงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงไปจนถึงสามัญชนคนธรรมดาทั่วไป จึงทําให้มิมีผู้ใดรู้สึกดีต่อนาง

หากมิใช่เป็นเพราะบิดาของนางมีตําแหน่งที่สูงส่ง นางคงจะต้องถูกนําตัวไปแห่ประจานรอบเมืองแล้ว

สําหรับตัวเขาเองที่ต้องการจะแต่งงานกับนางในตอนแรกนั้น ตอนนี้ยังเกิดความลังเลใจอยู่

แต่องค์ชายห้าผู้นี้มีความกล้าที่จะเสี่ยง ซึ่งดูเหมือนว่าเขากําลังตกอยู่ภายใต้การครอบงําของตัณหาและความงดงามของนาง

ทัวเป่าเจิ้นยิ้มอย่างเย็นชา ขณะที่มีความคิดว่า สําหรับตัวของเขาเองแล้วมิมีสิ่งใดสําคัญไปกว่าการได้ครอบครองราชบัลลังก์:

“เช่นนั้นเชิญน้องห้าตามสบาย”

ทั้งสองเดินเข้ามาพร้อมกันและถูกนําทางเข้าไปในบริเวณสวนของบ้านตระกูลหลี่

เมื่อเห็นดังนั้นใบหน้าของคุณชายใหญ่หลี่หมินเฟิงจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ขณะที่เขาเดินออกมาต้อนรับทั้งสองพระองค์ขณะที่กล่าวว่า

“วันนี้ท่านทั้งสองมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากมาก”

เขาและทัวเป่าเจิ้นสบตากันอย่างมีความหมาย จากนั้นองค์ชายสามได้กล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า

“มิได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด มันเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น”

หลี่หมินเฟิงยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า

“วันนี้ที่บ้านตระกูลหลี่มิได้มีแค่เพียงท่านทั้งสองคนที่มา แต่มีแขกรับเชิญมากมาย…โปรดติดตามข้ามาด้านนี้”

ในสวนมีศาลาหลังหนึ่ง และในนั้นมีที่ชุดรับแขกบุนวม อีกทั้งยังมีเตาสองหัววางอยู่บนโต๊ะขณะที่ถ่านกําลังลุกไหม้อย่างร้อนแรง

ภายในศาลาแห่งนั้น เกาจิน กําลังโยกตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับถือลูกพืชในขณะที่เขากัดกินมันอย่างเอร็ดอร่อย

เกาหมินน้องสาวของเกาจินซึ่งสวมชุดงดงามนั่งอยู่ด้วย คิ้วของนางนั้นยาวและมีความงดงามมาก ผิวเป็นสีครีมและหน้าผากที่กว้างของหญิงสาวผู้นี้แสดงให้เห็นความมีเสน่ห์ของนางอย่างชัดเจน