ตอนที่ 101

Hell mode

บทที่ 101 ประวัติศาสตร์จอมมา 1

ผ่านไปหลายวันหลังจากบารอนมุ่งหน้าไปเมืองหลวง

บารอนบอกว่าจนกว่าจะจัดการเรื่องของไวเคานต์คาร์เนลที่เมืองหลวงเสร็จ ขอให้ช่วยอยู่ข้างๆเซซิลเพื่อคอยปกป้องที ซึ่งอเลนตอบไปว่า แน่นอนครับ ทำให้อเลนอยู่ที่ห้องของเซซิลเป็นปกติ

คนที่คอยคุ้มครองบารอนตอนไปเมืองหลวงคือรองหัวหน้ากลุ่มอัศวิน ซึ่งหัวหน้ากลุ่มอัศวินบอกว่าระดับดรากฮาแค่รองหัวหน้ากลุ่มอัศวินคงไม่สามารถจัดการได้

ตอนนี้ที่คฤหาสน์มีหัวหน้ากลุ่มอัศวินกับอัศวินอีกหลายคนคอยคุ้มครองอย่างแน่นหนา

ตอนกลางวันใช้ตาเหยี่ยว ตกดึกใช้ตากลางคืนคอยส่อดส่องบนท้องฟ้าด้วยสัตว์อัญเชิญ

ถึงจะคอยสอดส่องอยู่ แต่คาดเดาไว้ว่าไวเคานต์คาร์เนลคงไม่ทำอะไร ตอนนี้ไวเคานต์ไม่มีไพ่ตายที่จะใช้การได้เลย แถมสิทธิ์การขุดเหมืองที่ใช้ต่อรองก็อยู่ในมือของบารอน

เพราะต้องอยู่กับเซซิลตลอด ทำให้ได้เรียนพร้อมกัน ทั้งน้ำชาและขนมเองการเตรียมในส่วนของอเลนไว้ให้ด้วย ตั้งแต่กลับมาที่คฤหาสน์ความซึนของเซซิลก็ลดลงไปทำให้คิดว่าน่าเสียดายอยู่

หัวหน้ากลุ่มอัศวินบอกว่าวันนี้ให้เรียนที่นี่ ก่อนจะพาไปยังห้องประชุมตรงชั้น 3

“วันนี้เรียนที่นี่สินะครับ”

“เพราะเจ้าบอกว่าอยากรู้เกี่ยวกับหน้าที่ของตระกูลแกรนเวลไง”

“เอ๊ะ?”

“อีกไม่นานอาจารย์จะมาแล้ว คิดว่าคงรู้อยู่แล้วแต่ห้ามบอกเรื่องนี้กับคนอื่น”

หัวหน้ากลุ่มอัศวินพูดแค่นั้นแล้วก็ออกจากห้องไป

หลังจากรอสักพัก อาจารย์สอนเวทมนตร์ก็เข้ามาพร้อมกับหัวหน้ากลุ่มอัศวิน ในมือของหัวหน้ากลุ่มอัศวินคือกระเป๋าใบใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นสัมภาระของอาจารย์สอนเวทมนตร์

(อาจารย์สอนเวทมนตร์มาแล้ว)

“แล้ว ทั้งหมดเลยได้ใช่ไหม?”

ทันทีที่เข้ามาในห้อง อาจารย์สอนเวทมนตร์ก็ทำการยืนยันกับหัวหน้ากลุ่มอัศวิน

“ใช่ครับ นายท่านอนุญาตแล้ว”

ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มอัศวินจะพูดสุภาพกับอาจารย์สอนเวทมนตร์ พอบอกแค่นั้น หัวหน้ากลุ่มอัศวินก็ออกจากห้องประชุม

“ไม่ไหว”

“วันนี้ของฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

ดูเหมือนจะต้องมาลำบากเพราะตัวเอง เลยโค้งศีรษะพร้อมกับพูดขอบคุณออกไป

“อืม ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ เรื่องนี้ห้ามพูดให้คนอื่นฟังโดยเด็ดขาด เรื่องนี้ไม่มีออกสอบของโรงเรียนด้วย”

“เข้าใจแล้วครับ”

“เอาเถอะ ดูแล้วไม่ใช่คนปากเบาซะด้วยสิ เพราะมันเป็นการรับใช้ราชวงศ์ที่ค่อนข้างโหดร้าย เลยห้ามพูดกับคนอื่นพล่อยๆ”

ดูเหมือนถ้าพูดมากเกินไป จะโดนคุมตัวซะด้วยสิ

“ครับ”

“แล้ว อยากจะฟังเรื่องอะไรก่อนเหรอ?”

(อืม ตอนเวทมนตร์ก็เหมือนกัน เป็นการเรียนแบบถามตอบสินะ)

“เกี่ยวกับหน้าที่ของตระกูลแกรนเวลได้รับมอบหมายอะไรมาหรือครับ”

ก่อนหน้านี้ ได้ยินจากหัวหน้าคนรับใช้ฝึกหัดคุณริกเกลว่าราชอาณาจักรไม่ได้ทำสงคราม แต่จากบทสนทนาของพวกโจรและดรากฮา ทำให้รู้ว่ามีสงครามอยู่

“งั้นเหรอ ที่ริกเกลจอมขี้เกียจบอกก็ไม่ผิดหรอก ที่เขาเรียนมาคือประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรไง”

(คนรับใช้ของตระกูลบารอนคงคุยกันอ้อมๆสินะ)

“ประวัติศาสตร์ราชอาณาจักร?”

“ใช่แล้ว เพื่อที่จะรู้ความจริงของโลก จำเป็นต้องรู้เรื่องประวัติศาสตร์จอมมารด้วย”

เขาพูดเช่นนั้นพร้อมกับเริ่มคลี่กระดาษแผ่นใหญ่ที่พับไว้ออกมา

“นี่แผ่นที่โลกหรือครับ?”

อเลนเคยเห็นแค่แผนที่ภายในแคว้นอย่างเดียว แต่พอเห็นสิ่งนี้ก็รู้ได้เลยว่าต้องเป็นแผนที่โลก บนแผนที่ขนาดใหญ่มีสิ่งที่ชวนให้คิดว่าเป็นทวีปอยู่มากมาย

“อืม ใช่แล้ว อเลนคุงนี่ฉลาดไม่เปลี่ยนเลยนะ ทวีปที่ใหญ่ที่สุดตรงกลางคือทวีปกลางที่พวกเราอาศัยอยู่”

“โอ้ว!”

(อาศัยอยู่ในทวีปที่ใหญ่เอาเรื่องเลยนะเนี่ย ส่วนที่ใหญ่ๆนี้น่าจะเป็นจักรวรรดิ แล้วประเทศเล็กๆที่อยู่ทิศใต้น่าจะเป็นราชอาณาจักรเหรอ นี่อยู่ทางทิศใต้ของทวีปเหรอ)

“ทิศเหนือของราชอาณาจักรราตาชูที่พวกเราอาศัยอยู่คือจักรวรรดิเกียมูทไง”

พูดออกมาต่อพร้อมกับบอกตำแหน่งของราชอาณาจักรราตาชูกับจักรวรรดิเกียมูท

(เซซิลจะรู้ถึงขนาดไหนนะ น่าจะเคยได้ยินจากบารอนอยู่หรอก)

ถึงอเลนจะคุยกับอาจารย์สอนเวทมนตร์เพื่อให้การเรียนดำเนินต่อไป แต่เซซิลเอาแต่มองแผนที่เงียบๆ น่าจะได้ยินเรื่องราวจากบารอนแล้วก็ได้ตอนวันที่ราชทูตมาประกาศการตายของมิไฮ แต่ไม่รู้ว่าได้ฟังขนาดไหน สถานที่ที่เซซิลมองอยู่บนแผนที่อาจจะเป็นสนามรบก็ได้

“จะบอกว่าโลกนี้มีจอมมารอยู่ด้วยสินะครับ”

“……ใช่แล้ว ทิศเหนือของทวีปกลาง จอมมารถือกำเนิดขึ้นตรงทวีปที่อยู่เหนือสุดของแผนที่”

อเลนยอมรับเรื่องของจอมมารได้ราวกับเป็นเรื่องปกติ ทำให้อาจารย์สอนเวทมนตร์ถึงกับพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็สอนบทเรียนต่อพร้อมกับชี้ไปบนแผนที่

อาจารย์สอนเวทมนตร์พูดเรื่องการเกิดของจอมมาร โดยเกิดมาเมื่อ 112 ปีก่อนหน้า กล่าวกันว่าจอมมารถือกำเนิดที่ “ทวีปที่ถูกลืมเลือน” ซึ่งอยู่ทางเหนือสุด

“ทำไมถึงรู้เรื่องนั้นได้ครับ?”

“ก็ จอมมารเป็นคนบอกด้วยตัวเองน่ะ”

คนที่เรียกตัวเองว่าจอมมารเป็นคนบอกเอง โดยบอกว่า “ข้าคือจอมมารแห่งจุดจบ จะทำให้ทุกสิ่งอย่างจบสิ้นลง” และออกคำสั่งกับจักรพรรดิ์และราชาของทุกประเทศว่า “จงมาอยู่ใต้อาณัติของจอมมารอย่างข้า” ออกมา

“แล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

“ทุกประเทศไม่สนใจไง ไม่มีเหตุผลต้องทำตามอีกฝ่าย”

หลังจากนั้นจอมมารก็ยังไม่ทำอะไร จนกระทั่งผ่านไป 50 ปี

และเมื่อ 62 ปีก่อน ตอนที่หลายประเทศเปลี่ยนยุคสมัยจนลืมเลือนไปแล้ว ก็มีคำสั่งมาเหมือนเดิมว่า “จงมาอยู่ใต้อาณัติของข้า” แล้วบอกต่อด้วยว่า “ถ้าครั้งนี้ไม่ทำตาม จะไม่มีโอกาสหน้าอีกแล้ว”

“แล้วก็ยังไม่สนใจอีกเหรอครับ?”

“ใช่แล้ว ไม่สนใจกันเลย แล้วปีนั้นก็เกิด ‘หายนะครั้งใหญ่’ ขึ้น”

“หายนะครั้งใหญ่?”

“มอนสเตอร์ทั่วโลกแข็งแกร่งขึ้น 1 ขั้นจากพลังของจอมมารไง”

อนึ่ง ไม่ได้บอกว่าเกิดหายนะครั้งใหญ่เพราะจอมมาร แต่ส่วนใหญ๋ลงความคิดว่าเป็นฝีมือของจอมมาร

เป็นความหวาดกลัวเริ่มที่มาจากจอมมาร เพิ่มระดับของมอนสเตอร์ทั่วโลกขึ้น 1 ระดับ มอนสเตอร์ระดับ E กลายเป็นระดับ D, จาก D เป็น C, จาก C เป็น B, จาก B เป็น A และ จาก A เป็น S ส่วนระดับ S ก็แทบจะใกล้เคียงกับกึ่งเทพเลย

เหล่าผู้คนที่ใช้ชีวิตตามปกติจำนวนมากกลายเป็นเหยื่อของมอนสเตอร์ที่ดุร้ายขึ้น ว่ากันว่ามีผู้เสียชีวิตจากมอนสเตอร์ทั่วโลกหลายล้านคน

(เอ๊ะ? อย่างนี้ก็ได้คำตอบแล้วนี่?)

ความสงสัยหนึ่งอย่างที่อเลนมีตอนล่าอัลบาเฮรอน ความสงสัยที่ว่ามอนสเตอร์แข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับระดับของมัน

“แล้วระดับของมอนสเตอร์เป็นอย่างไรต่อหรือครับ? จอมมารทำให้มอนสเตอร์ทุกตัวแข็งแกร่งขึ้น 1 ระดับนี่ครับ?”

“ก็คงไว้อย่างนั้น ถึงกิลด์นักผจญภัยจะจัดระดับของมอนสเตอร์ แต่ยังให้เหมือนกับก่อนหน้าที่จอมมารจะปรากฏตัวนั่นแหละ”

(งั้นเหรอ ก็อบลินกล้ามบึกหรือมาด้ากัลชูที่กลุ่มอัศวินหรือนักผจญภัยยังทำอะไรไม่ได้ มันมีเหตุผลอย่างนี้นี่เอง)

เดิมทีถ้ามาด้ากัลชูเป็นมอนสเตอร์ระดับ B แล้วละก็จะมีพลังเทียบเท่ากับระดับ A

ส่วนมังกรขาวที่อยู่ระดับ A มีพลังเทียบเท่ากับระดับ S ทำให้อยู่ในระดับที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

แล้วมันยังไม่จบเพียงเท่านั้น

หายนะครั้งใหญ่ไม่ต่างอะไรกับจุดเริ่มต้นของความสิ้นหวัง

ปีนั้น กองทัพมอนสเตอร์จำนวนหลายล้านของจอมมารข้ามทะเลมาโจมตีทวีปกลาง

และอาณาจักรคอลเทส, อาณาจักรกาเมโร่, ราชรัฐบาชูรี่ 3 ประเทศที่อยู่ตรงทวีปกลาง โดนบุกโจมตีและล่มสลายใน 1 ปี

“แค่ 1 ปีทำให้ประเทศล่มสลายไป 3 แห่งเหรอครับ?”

“อืม ใช่แล้ว กองทัพที่นำโดยจอมมารตอนนี้ถูกเรียกว่ากองทัพจอมมาร ซึ่งกองทัพจอมมารนั้นยังคงรุกรานอย่างโหดร้ายต่อเนื่อง”

หลังจากนั้น 3 ปี หรือก็คือ 59 ปีก่อน ทำให้ราชอาณาจักรลาสตูรีล่มสลาย เรื่องนี้ทำให้ทั่วโลกหวั่นไหวอย่างรุนแรง

“หวั่นไหวเหรอครับ?”

“อืม ต้องหวั่นไหวอยู่แล้ว ราชอาณาจักรลาสตูรีเป็นประเทศศูนย์กลางของทางเหนือไง ราชอาณาจักรลาสตูรีทรงพลังกว่าพวกเรามากโขยังล่มสลายในเวลาแค่ 3 ปีไง”

3 ประเทศแรกที่ล่มสลาย เป็นประเทศเล็กๆทางเหนือของทวีปกลาง แต่ราชอาณาจักรลาสตูรีอยู่ติดกับจักรวรรดิเกียมูท เป็นประเทศศูนย์กลางที่ประจัญหน้ากับจักรวรรดิได้อย่างทัดเทียม ไม่ใช่ประเทศที่จะล่มสลายได้ง่ายๆเลย

เหตุผลที่หวั่นไหวไม่ได้มีแค่นั้น

ตอนเมืองหลวงโดนกองทัพจอมมารล้อม พระราชาได้ขอยอมแพ้โดยขอร้องไปว่าจะขอสละชีวิตตัวเองแล้วให้ไว้ชีวิตประชาชนด้วย

แต่กองทัพจอมมารก็ปฏิเสธ

มันบอกว่า “พวกข้าได้ให้โอกาสศิโรราบมาแล้ว 2 ครั้ง คนที่ปฏิเสธสิ่งนั้นคือพวกแกไม่ใช่เหรอ จงจับอาวุธแล้วสู้ให้ถึงท้ายที่สุดซะเถอะ“ ก่อนจะสู้ต่อไป

มันเป็นการต่อสู้ฝ่ายเดียว จากคำบอกเล่าของผู้ที่แอบหนีไปตามทางลับ บอกได้แค่ว่าเป็นการสังหารโหดที่ยากเกินกว่าจะพูดออกมาได้ กองทัพจอมมารยังคงเคลื่อนขบวนต่อมาเรื่อยๆ แล้ว 3 ปีผ่านไปราชอาณาจักรลาสตูรีก็ไม่เหลือมนุษย์สักคน ผู้ที่หนีมายังจักรวรรดิเกียมูทเองก็มีไม่ถึงครึ่ง

“จอมมารบอกว่ามนุษย์ไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติสินะครับ”

“ใช่แล้ว จอมมารถ้าบอกว่าตัวเองเป็นราชาแล้วละก็ คงคิดว่าตัวเองเป็นผู้ปกครองนั่นแหละ”

แรกเริ่มราชาคนใหม่ที่เรียกตัวเองว่าจอมมารได้ปรากฏตัวขึ้นมา ถ้าเป็นราชาหากโจมตีประเทศอื่นเสร็จจะจับมาคนเป็นทาส ซึ่งทุกประเทศคงคิดว่าจะปกครองประเทศที่ชนะมาได้

แต่ดูเหมือนราชาคนใหม่ที่ถือกำเนิดจะไม่ได้คิดเช่นนั้น ตัวตนที่แท้จริงนั้นแตกต่างอย่างมาก

อเลนถามถึงหน้าที่ของตระกูลแกรนเวล คาบเรียนที่เริ่มขึ้นเพื่อคำตอบนั้น เนื้อหาเป็นอะไรที่เหนือความคาดคิดไปมาก มันเป็นเรื่องกองทัพขนาดใหญ่ของจอมมารที่คิดจะทำลายล้างโลก