ตอนที่ 219

Silver Overlord

219 – แต่งงาน

ความมหัศจรรย์ของชะตากรรมของบุคคลนั้นยากที่จะอธิบายเป็นคําพูดได้

เมื่อไม่กี่เดือนก่อนในตอนที่เอี้ยนลี่เฉียงมาที่ตระกูลหลู่เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มไร้เงิน อย่างไรก็ตามในเวลาเพียงครึ่งปีเอี้ยนลี่เฉียงคว้าอันดับหนึ่งในการทดสอบศิลปะการต่อสู้ของมณฑลชิงไห่

จากนั้นเขาก็ได้รับข้อเสนอจากซุนปิงเฉินซึ่งมาตรวจการเมืองผิงซีโดยไม่คาดคิด มันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นนกนางแอ่นที่บินไปบนกิ่งไม้และกลายเป็นหงส์ไฟไปในที่สุด

ตระกูลที่มีอิทธิพลเช่นตระกูลสู่จะสามารถเข้าใจถึงความสําคัญของเอี้ยนลี่เฉียงที่มีโอกาสได้รับใช้ซุนปิงเฉินดีกว่าสามัญชนทั่วไปมาก

นับตั้งแต่ตะกูลลู่ถูกก่อตั้งขึ้นก็ยังไม่เคยมีใครในตระกูลของพวกเขาเคยรับใช้บุคคลสําคัญเช่นซุนปิงเฉินหาดตระกูลตระกูลหวังสามารถรับใช้บุคคลสําคัญเช่นนี้พวกเขาจะไม่ถูกทําลายอย่างแน่นอน

“แล้วเจ้าคิดอย่างไรลี่เฉียง เจ้าพร้อมที่จะรับใช้ท่านซุนหรือไม่”

เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงบอกเฉียนซูเกี่ยวกับซุนปิงเฉินเสร็จแล้ว ผู้เฒ่าลู่และลู่เปียนก็แลกเปลี่ยนสายตากันทั้งสอง มองเห็นความประหลาดใจในสายตาของกันและกัน

“จุดประสงค์ของการกลับบ้านครั้งนี้คือเพื่อหารือเรื่องนี้กับท่านพ่อ ดูเหมือนว่าพ่อของข้าจะสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ข้ายังต้องการติดตามท่านซุนเพื่อรับประสบการณ์มากขึ้นและขยายขอบเขตวิสัยทัศน์ของข้าให้กว้างไกลขึ้นด้วย!”เอี้ยนลี่เฉียงตอบอย่างนอบน้อม

คําตอบของเอี้ยนลี่เฉียงถือได้ว่าเป็นความจริงบางส่วน อย่างน้อยก็ดูน่าเชื่อบนพื้นผิว

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่แท้จริงที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเอี้ยนลี่เฉียงที่จะติดตามซุนปิงเฉินยังคงเป็นความหายนะที่ทั้งเขาและพ่อของเขาเคยประสบมาก่อน

ในสายตาของผู้ว่าการแคว้น ชีวิตของพวกเขาไม่มีความสําคัญเท่ากับมดด้วยซ้ํา ด้วยการพลิกมือของเขาหรือแม้แต่กระดิกนิ้วเขาก็สามารถบดขยี้ตระกูลเอี้ยนได้อย่างง่ายดาย

เย่เทียนเฉิงจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร? คําตอบสามารถสรุปได้เป็นสองคํา อํานาจและอิทธิพล!

เอี้ยนลี่เฉียงเข้าใจถึงความน่าเกรงขามของอํานาจและอิทธิพลอย่างแท้จริง หลังจากที่เขามีประสบการณ์และเข้าใจพวกมันผ่านความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของเขา

ในบรรดาทุกคนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ นอกจากผู้เชี่ยวชาญพิเศษและนักพรตที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าจะมีสักกี่คนที่สามารถหลบหนีอิทธิพลของอํานาจได้?

ถ้าไม่มีใครสามารถหนีจากสิ่งเหล่านั้นได้ จะดีกว่าไหมที่จะโอบกอดพวกมันไว้? อย่างน้อยก็น่าจะได้ผลมากกว่าด้วยวิธีการรับมือแบบอยู่เฉยๆ

นอกเหนือจากความรู้สึกถึงวิกฤตแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทําให้เอี้ยนลี่เฉียงตัดสินใจเช่นนั้นเนื่องจากพระเจ้าได้ให้โอกาสเขาอีกครั้งในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เขาจึงควรใช้ชีวิตที่น่าตื่นเต้นมากขึ้นและสํารวจโลกทั้งใบให้หมด

พระเจ้ามอบศิลาสวรรค์ให้เขาและอนุญาตให้เขาได้รับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ทั้งหมดก็น่าจะเป็นเพราะว่าต้องการอํานวยความสะดวกให้เขานอนเล่นเฉยๆในโลกแห่งนี้หรือไม่?

ไม่! เอี้ยนลี่เฉียงปฏิเสธที่จะเชื่ออย่างนั้น เขารู้สึกว่าต้องมีเหตุผลเสมอที่พระเจ้าจะมอบบางสิ่งให้เรา… แม้ จะไม่มีซุนปิงเฉินเอี้ยนลี่เฉียงก็วางแผนที่จะเดินทางไปรอบๆและสํารวจโลกสักวันหนึ่งอยู่ดี

ด้วยข้อเสนอของซุนปิงเฉิน เขาอาจจะขึ้นเรือของผู้ตรวจการใหญ่ได้อย่างสะดวกสบาย

“นี่เป็นโอกาสและพรของลี่เฉียง แน่นอนตระกูลสู่รู้สึกมีความสุขที่เจ้ามีอนาคตสดใสข้างหน้า!” หลู่เปียนยิ้มเขาเหลือบมองที่นายผู้เฒ่าลู่

“ถ้าหลี่เฉียงจะทํางานให้ท่านซุน เจ้าก็อาจจะต้องไปกับเขาด้วย ดังนั้นพวกเราจึงยากที่จะได้พบกันอีกข้ารู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้”

ลู่เปียนถอนหายใจในตอนท้าย

เอี้ยนลี่เฉียงฉลาดพอที่จะเข้าใจสิ่งที่ลู่เปียนพูดเป็นนัย โดยพื้นฐานแล้วตระกูลสู่แม้ว่าพวกเขาจะสนับสนุนการตัดสินใจของเขา แต่พวกเขาก็ต้องมีความชัดเจนในบางสิ่งในเวลาเช่นนี้

ไม่ว่าสิ่งต่างๆจะเป็นไปด้วยดีหรือไม่ พวกเขาก็ต้องการข้อสรุปในตอนนี้ มิฉะนั้ สิ่งต่างๆจะยุ่งยากหรือจะล่าช้าในอนาคตนี่เป็นเหตุผลที่แน่นอนเบื้องหลังการมาเยี่ยมตระกูลล์ของเอี้ยนลี่เฉียง

“ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านพูด พี่หก การมาเยี่ยมตระกูลลู่ครั้งนี้คือการได้พูดคุยกับท่านและนายผู้เฒ่าลู่เพื่อถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในใจของข้า!” เอี้ยนลี่เฉียงมองไปที่นายผู้เฒ่าลู่และลู่เปียนอย่างจริงจัง

“คุณหนูเก้ามาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงและเป็นลูกสาวที่รักของนายผู้เฒ่าลู่อีกด้วย นางเป็นหญิงงามที่มีความเฉลียวฉลาดและมีบุคลิกที่โดดเด่น แม้ว่าเราจะใช้เวลาอยู่ร่วมกันไม่นานแต่ข้าก็รู้สึกมีความประทับใจในตัวนางจริงๆ

ข้าขอขอบคุณในความเมตตาของนายผู้เฒ่าและพี่หกจริงๆที่ไม่ได้รังเกียจในตัวตนของข้าสําหรับข้าแล้วถ้าคุณหนูเก้ายินดีข้าก็อยากจะแต่งงานกับนางและให้นางติดตามข้าไปพร้อมกัน!”

นายผู้เฒ่าลู่และลู่เปียนจะบ่นอะไรกับลูกเขยผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้อีก? เอี้ยนลี่เฉียงได้พูดทุกอย่างตามที่พวกเขาต้องการแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นเขายังทําอย่างสุภาพอีกด้วย

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วยาวของนายผู้เฒ่าสู่ก็เลิกขึ้นทันที เขายืดหลังของเขาและสั่งลู่เปียนด้วยท่าทางเคร่งขรึม

“เปียนเอ๋อ ท่าทีของลี่เฉียงทําให้ชัดเจนแล้ว ไปเรียกเป่ยซินมา!”

ลู่เปียนลุกขึ้นและจากไปทันทีโดยปล่อยให้เอี้ยนลี่เฉียง เฉียนซูและนายผู้เฒ่าสู่รออยู่ที่ห้องนั่งเล่น

ลู่เปียนกลับมาในสิบนาทีต่อมา แต่ไม่มีลู่เป่ยซินตามมาด้วย

จากสีหน้าของลู่เปียนดูเหมือนว่าเขาจะอึดอัดและเขินอายเล็กน้อย และเขาอธิบายสถานการณ์ได้ก็ต่อเมื่อเห็นว่านายผู้เฒ่าคู่กําลังจะทุบหัวของเขา

“อืม น้องเก้า… น้องเก้าบอกว่านางกลัวว่า… ลี่เฉียงและนางอาจจะไม่ใช่คู่ของกันและกันดังนั้นนางจึงไม่ต้องการมาที่นี่ ”

เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะคิกคักเมื่อเขานึกถึงลู่เปียซิน จากความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับลู่เปยซินเขาค่อนข้างแน่ใจว่านางจะไม่พูดคําที่มีคารมคมคายเช่นนี้

สิ่งเดียวที่นางจะพูดก็คือ – ข้ายอมตายดีกว่าแต่งงานกับเขา! ลู่เปียนได้แต่ ใช้คําพูดสวยงามเพื่อหลีกเลี่ยงความลําบากใจเพิ่มเติมแต่เขาเจตนาในคําพูดนั้นชัดแจ้งอยู่แล้ว

นายผู้เฒ่าลู่จะไม่เข้าใจอารมณ์ของลูกสาวที่เขารักได้อย่างไร? ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถบังคับนางได้แม้ว่าเขาจะชื่นชอบเอี้ยนลี่เฉียงแต่ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์หากลูกสาวของเขาไม่เต็มใจ

ถ้าเขาบังคับลู่เปยซินจริงๆเขาไม่แน่ใจว่านางจะทําอะไรอีก หลังจากฟังคําพูดของลู่เปียนนายผู้เฒ่าหลู่ก็ถอนหายใจในขณะที่เขาบอกเอี้ยนลี่เฉียงว่า

“เปยซิน ถูกข้าตามใจตั้งแต่เธอยังเด็ก การที่ไม่อาจได้แต่งงานกับเจ้านั่นถือเป็นโชคร้ายของนางแม้ว่าข้าจะไม่สามารถรับเจ้าเป็นลูกเขยได้แต่ก็ขอรับเจ้าเป็นหลานชายได้หรือไม่”

เอี้ยนลี่เฉียงยืนขึ้นและคุกเข่าลงกราบด้วยความเคารพพร้อมกับกล่าวว่า

“กราบพบท่านลุง!”

เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงและเฉียนซูออกมาจากตระกูลสู่ท้องฟ้าก็มืดแล้วและพวกเขาก็ทานอาหารเย็นกันที่นั่น

การตอบสนองของลู่เปยซินอยู่ในความคาดหวังของเขาเป็นอย่างดี และด้วยเหตุนี้เอี้ยนลี่เฉียงจึงไม่รู้สึกผิดหวังจริงๆ

การที่เขามาที่ตระกูลล์ในครั้งนี้ก็เพราะว่าเขาไม่ต้องการเป็นคนเนรคุณ หากว่าเขาได้ดิบได้ดีแล้วจะสลัดลืมผู้มีพระคุณไปได้อย่างไร นั่นไม่เข้ากับธรรมเนียมของโลกนี้

เฉียนซูผู้ซึ่งขี่ม้าแรดของเขารอจนกว่าพวกเขาจะออกจากตระกูลลู่จากนั้นเขาก็ถามเอี้ยนลี่เฉียงด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า

“ลี่เฉียง เจ้ารู้ว่าคุณหนูลู่จะปฏิเสธเจ้าตั้งแต่แรก?”

“ลุงเฉียน คุณหนูลู่เป็นลูกสาวสุดที่รักของนายผู้เฒ่าลู่ ดังนั้นตั้งแต่เกิดมานางก็มีความคิดเป็นของตัวเองและไม่ว่าจะทําอะไรก็ไม่มีใครห้ามปรามนางได้

และที่สําคัญเมื่อไม่กี่วันก่อนในตอนที่ข้าและนางไปที่เมืองผิงซี ก็เกิดความขุ่นเคืองระหว่างเราเล็กน้อย ดังนั้นจึงรับรองได้ว่าไม่มีทางที่นางจะแต่งงานกับข้าแน่นอน..” เอี้ยนลี่เฉียงส่ายหัว

“น่าเสียดายจริงๆ!” เฉียนซูก็ถอนหายใจเช่นกัน “ทุกคนคิดว่าเจ้าและคุณหนูลู่ค่อนข้างเหมาะสมกันไม่กี่ปีข้างหน้าหากเจ้าได้รับการสนับสนุนจากตระกูลสู่อนาคตของเจ้าก็จะสดใสเป็นอย่างมาก !”

“ก็ของแบบนี้บังคับไม่ได้”

“เจ้าพูดถูก แต่อย่าห่วงเลยข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า ในอนาคตยังมีโอกาสมากมายให้เจ้าคอยคว้า!”

เอี้ยนลี่เฉียงพักอยู่ที่เมืองหวงหลงหนึ่งวัน จากนั้นจึงออกเดินทางไปยังเมืองผิงซีในวันรุ่งขึ้น

หลังจากที่เขาเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว เขาก็เดินไปที่คฤหาสน์ใกล้กับสวนพลัมที่ซุนปิงเฉินอาศัยอยู่อีกครั้งเพื่อแสดงเจตจํานงขอติดตามผู้ตรวจการใหญ่ของแผ่นดินไปทุกที่