บทที่ 235 แม่ปีศาจน้อย ข้าล่ะอยากจับเจ้ากินจริง ๆ

สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!

บทที่ 235 แม่ปีศาจน้อย ข้าล่ะอยากจับเจ้ากินจริง ๆ
บทที่ 235 แม่ปีศาจน้อย ข้าล่ะอยากจับเจ้ากินจริง ๆ

เงาร่างที่พุ่งมาด้วยความเร็วส่งผลให้ชิงอวี่หรี่ตาลง มือที่ยันร่างนางพลันยกร่างขึ้น ก่อนจะกวาดขาเรียวเป็นลูกเตะลมกรดส่งไปยังเงาร่างที่พุ่งมาด้วยความเร็วนั้น

แอบเข้ามากลางดึกแล้วคิดลอบโจมตีนางงั้นหรือ?

ฮ่า! พวกบ้าตัณหา! ปิดหน้างั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจะตะบันหน้าเจ้าเสียให้เจ้าไม่กล้าเผยหน้าให้ใครมองอีกเลย!

หากแต่อีกฝ่ายกลับสงบเยือกเย็นนัก ไม่เผยความตกใจสักนิด

เมื่อเห็นเด็กสาวส่งลูกเตะมาที่ศีรษะอย่างโหดเหี้ยม นัยน์ตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความมืดก็ราวกับเจือด้วยประกายขบขัน ก่อนจะคว้าข้อเท้านางไว้ ออกแรงดึงสักหน่อยก็ดึงร่างนางมาหาเขาได้แล้ว

แต่หากนางปล่อยให้ถูกดึงไปเช่นนั้น สุดท้ายนางจะอยู่ในท่าที่น่าอึดอัดมาก นั่นคือร่วงใส่ร่างเขาทันที

ชิงอวี่หัวเราะเยาะออกมา ก่อนจะพลิกร่างกลับกลางอากาศ ใช้ขาอีกข้างส่งลูกเตะออกไปอีก ฉวยเอาจังหวะที่เขาต้องปล่อยมือจากข้อเท้านางยกมือหนึ่งขึ้นเล็กน้อย ซัดเข็มทองเข้าใส่อีกฝ่าย

เข็มของนางทำจากวัสดุพิเศษ แข็งแกร่งมาก หากใช้กำลังภายในร่วมด้วยก็ทะลุเกราะได้ทีเดียว เปลี่ยนคนให้กลายเป็นมนุษย์ได้เช่นกัน

หากแต่ชิงอวี่ครุ่นคิดยินดีไม่ทันเสร็จ หากแต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้นางอ้าปากค้างจดจ้องด้วยความตะลึง

เข็มทองของนางเล็กราวกับขนวัว อีกทั้งมันยังพุ่งไปด้วยความรวดเร็ว ทั้งตอนนี้ยังเป็นยามราตรี ยามสว่างยังมองเห็นไม่ง่ายด้วยซ้ำ แต่คนผู้นี้ไม่เพียงหลบมันที่พุ่งเป้ามายังมุมที่ไม่อาจหลบได้ทุกท่า เขายังรับมันไว้ได้แล้วเก็บกลับเข้าแขนเสื้อไปอีก

ชิงอวี่นิ่งเงียบ เส้นเลือดปูดขึ้น เต้นตุบ ๆ ที่ขมับข้างหนึ่ง “…..”

นี่มันบ้าไปแล้ว

นางชะงักเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายก็รุดเขามาโอบเอวนางไว้ ก่อนจะกดร่างนางกลับไปแนบก้อนเมฆนุ่มสบาย นางยังไม่ทันได้โมโห เขาก็พลันกระชากผ้าคลุมผืนใหญ่ที่ปกคลุมตั้งแต่หัวถึงเท้าทิ้งไป

สิ่งที่เห็นคือร่างสวมชุดสีม่วงสะดุดตา ทั้งยังนัยน์ตาสีม่วงที่ราวกับมีแสงดาวยามราตรีระยับอยู่ภายใน กำลังจ้องมองนางยิ้ม ๆ

ชิงอวี่กะพริบตา และพริบตานั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเหลือเชื่อ

ใช้เวลาอยู่นานกว่านางจะได้สติ นางพลันกระชากเขาลงมาแล้วกัดลงที่ลำคอนั่น ลงแรงไปไม่ใช่น้อย แรงกัดนั้นราวกับอยากจะกระชากเนื้อออกมาก็มิปาน

โหลวจวินเหยาร้องเสียงเบาแต่ก็ไม่ได้ผลักนางออก น้ำเสียงยามเอ่ยติดจะจนใจอยู่บ้าง “ข้าอุตส่าห์ตื่นเต้นที่จะได้พบหน้าเจ้า แต่เจ้ากลับคิดสังหารคนรักตั้งแต่พริบตาแรกที่พบหน้ากัน เจ้านี่มันไร้หัวใจจริง ๆ”

ชิงอวี่ส่งเสียงเย้ยหยันเย็นชาแล้วปล่อยลำคอชายหนุ่ม เมื่อเห็นรอยช้ำแดงก่ำที่เลือดไหลซิบ ๆ นางจึงพอใจในที่สุด

ชิงอวี่ฟังคำเขาแล้วก็ไม่รู้สึกผิดแต่อย่างไร เพียงแต่เลิกคิ้วมองเขา “ใครใช้ให้ท่านแอบลอบเข้ามากลางดึกทำให้ข้าตกใจกัน!? ข้าไม่กัดท่านตายก็นับว่าเมตตาแล้ว!”

“อ้อ! เช่นนั้นข้าจะนับว่ามันเป็นการแสดงความคิดถึงที่มีต่อข้าก็แล้วกัน!” โหลวจวินเหยาพยักหน้าทำหน้ารู้ทัน จากนั้นนัยน์ตาก็ดูทะมึน “คราวนี้ถึงตาข้าแสดงบ้างว่าคิดถึงเจ้าเพียงไหน”

แสดงว่าคิดถึงเพียงไหน?

ชิงอวี่ไม่ทันเข้าใจคำเขา ใบหน้านั่นก็ยื่นเข้ามาใกล้ ก่อนแรงกดบนริมฝีปากจะทำให้นางตกใจจนลืมคิด

ตอนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ชายหนุ่มที่รุกล้ำเข้ามาก็เผยอริมฝีปากเล็กน้อยแล้วกัดลงบนกลีบปากนุ่มของเด็กสาวอย่างแรง

ความเจ็บทำให้นางอ้าปาก คนเจ้าเล่ห์จึงรีบฉวยโอกาสรุกล้ำเข้ามาภายใน ทั้งเย้าหยอกและยุแหย่ ส่งผลให้เด็กสาวที่กำลังโกรธหน้าแดงดั่งผลท้อ ก่อนจะพยายามอ้าปากเอาอากาศเข้าร่าง

หลังจากพัวพันดูดดื่มอยู่ครู่หนึ่ง เด็กสาวที่ก่อนหน้าดูเดือดดาลนักก็พลันมีความหลงใหลแต่งแต้ม

“ว่าอย่างไร? ยังโกรธอยู่หรือไม่?” โหลวจวินเหยาเอ่ยถามพลางมองใบหน้าแดงก่ำในอ้อมแขน ริมฝีปากนั่นบวมแดงเล็กน้อย นัยน์ตาลึกล้ำดื่มด่ำ

ท่าทางของเด็กสาวดูเย้ายวนนัก ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะ…..

ชิงอวี่เห็นนัยน์ตาน่าหลงใหลหากแต่ดูชั่วร้ายนั่นลึกล้ำขึ้นจึงรีบยื่นมือไปดันปากที่กำลังดึงดันจะใกล้เข้ามาอีกครั้งแล้วหันหน้าหนี ด้วยความโกรธปะทุอยู่ภายในส่งผลให้น้ำเสียงนางยิ่งมีเสน่ห์เป็นพิเศษ ยั่วยวนจนแทบสังหารโหลวจวินเหยาได้

“อย่าเข้ามาใกล้นะ ท่านนี่ราวกับหมาป่าหิวโซเลย”

คำที่ราวกับคำบ่นของนางทำให้เขาหัวเราะออกมา แต่เพราะมือนุ่มยังอุดปากเขาอยู่ เสียงจึงออกมาอู้อี้เล็กน้อย

ลมหายใจอุ่นปะทะทั่วฝ่ามือ รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย ชิงอวี่หดนิ้วกลับเล็กน้อย คิดจะหดมือกลับ แต่เขากลับแลบลิ้นเลียมือนางท่าทางร้ายกาจตอนนางกำลังจะเก็บมือหนี

ชิงอวี่หน้าแดงฉ่าในพลัน “…..”

นี่มันยั่วยวนข้าเกินไปแล้วนะ!

ยามมีคนรักอยู่ในอ้อมกอดเช่นนี้ โหลวจวินเหยามีความสุขพึงพอใจยิ่งนัก ยามมีนางอยู่ข้างกายเขาก็วางใจลงได้มาก หากแต่เขาก็ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญ ก้มหน้ามองเด็กสาวพลันเอ่ยถาม “เจ้าไปดึงความสนใจจากคนอารามศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรกัน เขาถึงกับลากเจ้ามาถึงที่นี่ได้”

“ข้าเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามสำนักละอองหมอก ได้ยินเสียงคำรามของอสูรศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังตัวหนึ่ง”

“จากนั้นพื้นก็แยกออก ข้ากับลวี่จีร่วงลงไป ข้างล่างเหมือนมีโลกอีกใบ ทั้งยังมีถ้ำอยู่ด้วย ที่นั่นมีจิตเสี้ยวหนึ่งของอสูรศักดิ์สิทธิ์หงส์เพลิงทองคำอาศัยอยู่ ข้าคิดว่ามันถูกกักขังไว้จึงคิดช่วยเหลือ ไม่คิดเลยว่ามันช่วยปกปักเศษวิญญาณของท่านแม่อยู่ในถ้ำ”

ว่าแล้วชิงอวี่ก็ตาชื้นเล็กน้อย ภายในมุกฟื้นคืนวิญญาณในมือนางยังมีเศษวิญญาณอันเปราะบางนอนอยู่เงียบเชียบ

“ข้าไม่รู้ว่าทำไมอสูรศักดิ์สิทธิ์ถึงเชื่อใจข้านัก พอเห็นข้าจิตมันก็สลายไป แล้วพอข้าเก็บเศษวิญญาณเสร็จ ข้าก็ประมาท ถูกชายชุดคลุมดำลอบโจมตี รู้ตัวอีกทีก็ฟื้นขึ้นมาอยู่ที่นี่แล้ว”

โหลวจวินเหยานั่งฟังเงียบ ๆ แล้วพลันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

อารามศักดิ์สิทธิ์คงจับกลิ่นอายหงส์เพลิงทองคำได้ จึงหมายจะไปจับมัน แต่ไม่คิดว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นไม่ได้ปกป้องสมบัติล้ำค่าอะไร เพียงแต่เป็นเศษวิญญาณของอาหลานเท่านั้น

โหลวจวินเหยาหัวเราะเสียงแผ่ว ไล้หน้านางเบา ๆ “รู้หรือไม่ว่าทำไมมันจึงปกป้องวิญญาณของอาหลาน และทำไมมันถึงมอบให้เจ้า?”

ชิงอวี่มุ่นคิ้วก่อนส่ายหน้า “ข้าไม่รู้”

“หงส์เพลิงทองคำเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อาหลานผูกสัญญาด้วย ความสัมพันธุ์ลึกล้ำมาก ในกายเจ้ามีเลือดนาง มีกลิ่นอายของนางอยู่ด้วย ดังนั้นหงส์เพลิงทองคำจึงเชื่อใจเจ้า” โหลวจวินเหยาค่อย ๆ อธิบาย

ชิงอวี่เบิกตากว้าง “เป็น….. อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ทำสัญญากับท่านแม่หรือ?”

มีอำนาจสูงส่งเพียงนั้นเชียว?

มารดาของนางมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือ!?

อสูรศักดิ์สิทธิ์เลยนะ!

และดูท่ามันจะมาจากสายเลือดบริสุทธิ์และสูงส่ง เป็นหงส์ประเภทราชันเสียด้วย

ท่านแม่นี่ทรงพลังมากจริง ๆ!

บนใบหน้าเด็กสาวมีความประหลาดใจและความนับถือปรากฏ โหลวจวินเหยาเห็นแล้วจึงหัวเราะ “นั่นไม่นับเป็นอะไร อาหลานคือคนที่เคยสะเทือนทั้งแดนเมฆาสวรรค์ จะมีอสูรศักดิ์สิทธิ์สักตัวหนึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก”

นัยน์ตาสีม่วงของเขาพลันมีอารมณ์พลุ่งพล่านในพริบตา

เมื่อถึงวันที่คนที่ฟ้าลิขิตมาฟื้นขึ้นเมื่อไหร่ วันนั้นจะเป็นวันที่อารามศักดิ์สิทธิ์ได้เปลี่ยนเจ้าเหนือหัว!

“ข้าพาเจ้าออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า” โหลวจวินเหยากดความรู้สึกกลับไป ก่อนจะอุ้มนางขึ้นแล้วหมายจะเดินเข้าอุโมงค์มิติ

“เดี๋ยว” ชิงอวี่แตะไหล่เขาไว้ก่อนเงยหน้ามอง “ข้ายังไม่พร้อมจะจากไปตอนนี้”

โหลวจวินเหยาเลิกคิ้วถาม “ทำไมเล่า? อยู่ที่นี่แล้วสนุกจึงอยากอยู่ต่อหรือ?”

ชิงอวี่คลี่ยิ้ม ก่อนจะดิ้นหลุดจากอ้อมแขนเขา “ท่านรู้ไหม? วันนี้ข้าได้พบเจ้าอารามจันทร์กระจ่างด้วย”

“หืมมม?”

“เดิมทีนางคิดกำจัดข้าเพราะข้าไม่เคารพนาง แต่พอนางเห็นหน้าข้าเข้า นางก็เปลี่ยนใจ บอกให้คนดูแลข้าดี ๆ แทน ไม่สังหารข้าแล้ว แต่ก็ไม่สนใจข้าเช่นกัน”

โหลวจวินเหยาหรี่ตาลง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

ชิงอวี่ยิ้มตาหยี ดูสว่างงดงามตานัก “ข้าคงหน้าตาเหมือนท่านแม่มากใช่หรือไม่?”

โหลวจวินเหยาย่นหน้าเล็กน้อย “อะไรนะ?”

“ท่านไม่ต้องปิดบังหรอก ตอนข้ามาถึงที่นี่ ข้าก็สัมผัสบางอย่างได้แล้ว”

ชิงอวี่ยกยิ้ม “ข้าว่าท่านเจ้าอารามแห่งนี้คงจะเป็นสหายเก่าของท่านแม่แน่!”

โหลวจวินเหยาถอนหายใจ ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวนาง “ทำไมถึงฉลาดอย่างนี้นะ? ข้าไม่คิดจะให้เจ้ารู้เรื่องเร็วเช่นนี้เลย”

“ก็ไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องบอกหรอก ข้าหาของข้าเองได้” ชิงอวี่ตอบ

“แต่….. สตรีนางนั้นไม่ได้ไร้พิษสงอย่างเปลือกนอก หากเจ้ายังรั้งอยู่ที่นี่ ข้าก็อดกังวลไม่ได้” โหลวจวินเหยาว่าพลางขมวดคิ้ว ไม่เห็นด้วยกับนาง

สีหน้าหล่อเหลาทั้งเครียดทั้งขึ้ง ดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ชิงอวี่คลี่ยิ้ม ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบสันกรามสมบูรณ์แบบนั้นแล้วกะพริบตาอย่างซุกซน “หากท่านเป็นห่วง จะแอบเข้ามาหาข้าทุกคืนเช่นนี้ข้าก็ไม่ว่าหรอก”

เห็นได้ชัดว่าก็เป็นเพียงคำพูดประโยคหนึ่ง แต่พอเข้าหูโหลวจวินเหยาแล้วความหมายกลับเปลี่ยนไป เขาพลันมีสีหน้าแปลก ๆ ก่อนจะก้มหน้าลงกัดปลายจมูกน้อย ๆ ของนางด้วยความไม่พอใจ “เจ้านี่มันเด็กดื้อนัก”

ชิงอวี่เบิกตากว้างประหลาดใจ กุมจมูกแดงที่ถูกกัดของตนไว้ด้วยความตกตะลึง

นางพูดอะไรไป? นางเป็นเด็กดื้อตอนไหนกัน??

แต่ไม่นานชายหนุ่มก็คลายความฉงนนั้นให้

“หากเจ้าให้ข้ามาหาทุกคืนครั้งละชั่วครู่หนึ่งเช่นนี้ ไม่นานข้าคงได้เป็นบ้าเพราะเจ้าแน่” โหลวจวินเหยาว่า รั้งร่างนางเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง เสียงที่เอ่ยคล้ายกับจะกัดฟันพูด “เจ้ารู้ไหมว่าข้ามีชีวิตอยู่มากว่าสองร้อยปี…..”

“ข้ารู้แล้ว!” ชิงอวี่พยักหน้า

เรื่องนี้นางรู้นานแล้วและไม่เคยรังเกียจรังงอน แล้วเขาคิดจะพูดอะไรกัน?

“เจ้าเป็นสตรีคนแรกที่ข้ารักมากขนาดนี้ ข้าเป็นห่วงเจ้ามาก ชอบให้เจ้าอยู่ใกล้ ๆ ข้า”

“กระทั่งตอนกอดเจ้าไว้เช่นนี้ข้ายังแทบไม่อาจรั้งตนเองไว้ได้”

“ทุกครั้งที่จูบเจ้า ข้ามักคิดตลอดว่าหรือจะกลืนเจ้าจิ้งจอกชอบทรมานใจคนนี้ไปเลยดีหรือไม่ เพราะอย่างไรอีกไม่ช้านานเจ้าก็ต้องกลายเป็นของข้าอยู่แล้ว…..”

“…..” ชิงอวี่รู้สึกใบหน้าร้อนฉ่า ใจเต้นแรง เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก

คนผู้นี้ จิ้งจอกเย้ายวนคือใครกันแน่เถอะ?

เป็นเขาต่างหากที่คอยกระซิบคำหวานใส่นาง นางมีจิตใจเข้มแข็งพอ หากเป็นสตรีคนอื่น ๆ คงไม่อาจต้านทานได้ไปแล้ว อีกทั้งปีศาจตนนี้ยังมีเปลือกนอกน่ามองนัก นางเองยังถูกหลอกลวงไปได้

ชิงอวี่กัดริมฝีปากตน อยากจะเอาชนะอีกฝ่ายขึ้นมา “เช่นนั้นท่านก็ไม่ต้องมา…..”