ตอนที่ 255 แล้วถ้าไม่ใช่ลูกของคุณเองล่ะ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 255 แล้วถ้าไม่ใช่ลูกของคุณเองล่ะ?

ตอนที่ 255 แล้วถ้าไม่ใช่ลูกของคุณเองล่ะ?

เมื่อเห็นว่าทัศนคติของหลินเซี่ยไม่ค่อยเป็นมิตรนัก เสิ่นเถี่ยจวินก็แตะจมูก ก้าวไปข้างหน้า มองเธอและเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับธุระสำคัญ “เซี่ยเซี่ย แม่เธอคงมาคุยเรื่องนี้กับเธอแล้ว ตำรวจก็ได้รับเอกสารและสรุปผลการสอบสวนออกมาเป็นที่เรียบร้อย ถ้าตำรวจไม่ตามเจอพยาบาลที่อยู่ในห้องคลอดตอนนั้น ฉันเองก็คงไม่รู้ว่าพฤติกรรมที่ขาดความรอบคอบในยามลนลานจะนำไปสู่ความผิดพลาดครั้งใหญ่แบบนี้

ตอนนั้นแม่บุญธรรมของเธออ่อนแอมากหลังจากคลอดลูกเสร็จ แถมยังอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าอยากรีบกลับมาดูแลหล่อนเร็ว ๆ ถึงได้ละเลยและบังเอิญอุ้มเธอกลับมาสลับกับอวี้อิ๋งโดยไม่ตั้งใจ หลายปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองอุ้มเด็กกลับมาผิดคน ไม่อย่างนั้นฉันคงส่งเธอกลับบ้านนอกไปนานแล้ว”

น้ำเสียงของเสิ่นเถี่ยจวินมีความจริงใจ และสิ่งที่เขาพูดก็สมเหตุสมผลและน่าเชื่อถือ

แม้แต่ตำรวจก็ไม่พบข้อบกพร่องใด ๆ ในการให้ปากคำครั้งนี้

หลินเซี่ยสบตาที่จริงใจของอีกฝ่าย จากนั้นก็หัวเราะเบา ๆ และเลือกที่จะประชดด้วยเหตุผลบางอย่าง

“ผู้อำนวยการเสิ่น คุณแค่ประมาทเลินเล่อไปเองจริง ๆ เหรอ? ในเมื่อคุณเป็นคนอุ้มเด็กออกมาจากห้องคลอดก่อนใคร แล้วทำไมคุณถึงไม่เคยบอกฉันถึงความจริงข้อนี้ แถมยังสาดน้ำสกปรกให้แม่ฉันกลายเป็นคนผิดด้วย?”

เหตุผลเหล่านี้ไม่ตรงกันกับสิ่งที่เขาพูดในตอนแรกเลย เธอยังไม่ลืมว่าเขาผลักความผิดไปทางหลิวกุ้ยอิงเพียงฝ่ายเดียว

ดวงตาของเสิ่นเถี่ยจวินกระพริบเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะอธิบายด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ตอนแรกที่ฉันรู้ว่าเธอกับอวี้อิ๋งถูกสลับตัวกัน ฉันโกรธมากจนขาดความยั้งคิด ประกอบกับได้ยินคนอื่น ๆ สันนิษฐานไปต่าง ๆ นานา ทำให้ฉันพลอยโทษแม่เธออย่างไม่ยุติธรรม”

“สหายกุ้ยอิง ผมต้องขอโทษจริง ๆ ก่อนหน้านี้ผมเคยเข้าใจคุณผิดไป” เสิ่นเถี่ยจวินมองไปที่หลิวกุ้ยอิงและหลินเซี่ย ก่อนจะถอนหายใจ “เหตุการณ์มันผ่านมานานมากจนตัวผมจำไม่ได้แล้วว่าในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนตำรวจมาหาผมแล้วเอ่ยถึงชื่อของพยาบาลคนนั้น ผมก็เกือบจำหล่อนไม่ได้ อย่าลืมว่ามาตรฐานของโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกลตอนนั้นไม่ดีเท่าตอนนี้ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลเล็ก ๆ ที่ทุรกันดาร สหายกุ้ยอิง คุณคงจำได้ว่าในโรงพยาบาลนั้นเล็กมาก มีห้องคลอดใหญ่ ๆ แค่ห้องเดียว มีผ้าม่านปิดประตูกั้นวอร์ดเอาไว้ แถมตอนนั้นบุคลาการทางการแพทย์ก็งานยุ่งมาก ในฐานะญาติคนไข้ที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแบบนั้น คงไม่แปลกที่ผมจะสับสนและเข้าใจผิดถูกไหม?”

หลิวกุ้ยอิงสบสายตาที่จริงใจของเสิ่นเถี่ยจวิน จึงฝืนยิ้มอย่างเสียไม่ได้ “ใช่ค่ะ ตอนนั้นสภาพแวดล้อมค่อนข้างแย่จริง ๆ”

เสิ่นเถี่ยจวินได้ยินดังนั้นก็กางมือออกแล้วพูดด้วยท่าทางเอื้อเฟื้อ “นอกจากนี้ ต่อให้ผมต้องการสลับตัวเด็กจริง ๆ ผมก็ไม่ได้มีแรงจูงใจอะไรเลย!”

หลินเซี่ยยิ่งแสดงสีหน้าเสียดสีหนักขึ้นไปอีก

เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขาแล้วถามย้ำว่า “ไม่มีแรงจูงใจอื่นจริง ๆ เหรอคะ?”บราวนี่ออนไลน์

“คิดว่าฉันมีแรงจูงใจอะไรล่ะ?” เสิ่นเถี่ยจวินพูดด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อยเอ๋ย ในขณะที่ในใจเธอเต็มไปด้วยความโกรธ เธอไม่ควรคาดเดาอะไรสุ่มสี่สุ่มห้านะ ถ้าพูดถึงแรงจูงใจ พูดตามตรงว่าแม่ของเธอยังมีแรงจูงใจมากกว่าฉันซะอีก”

เสิ่นเถี่ยจวินในวันนี้แตกต่างจากวันอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง เขาไม่เพียงโกรธเคืองเมื่อเห็นหลินเซี่ย กลับส่งยิ้มให้อย่างใจเย็นยิ่ง “ถึงในตอนนั้นฉันจะทำงานอยู่ที่อำเภอห่างไกล แต่แม่บุญธรรมของเธอและฉันต่างก็จดทะเบียนสมรสกันในเมืองใหญ่ ไม่ช้าก็เร็วเราต้องได้กลับเข้ามาอยู่ที่นี่ ถ้าถึงวันที่ต้องกลับมา พ่ออย่างฉันคงไม่สามารถทำใจทิ้งลูกของตัวเองไว้ข้างหลังแล้วกลับมาพร้อมกับเด็กบ้านนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแน่ มันไม่สมเหตุสมผลเลย”

“แล้วถ้าไม่ใช่ลูกของคุณเองล่ะ?” หลินเซี่ยมองหน้าเขา จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย ใบหน้าของเขาก็กระตุกด้วยความตกใจทันที แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“เธอพูดเรื่องอะไร?”

น้ำเสียงของเขาเย็นชา ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถพูดคุยกับเธออย่างใจเย็นได้อีกต่อไป

หลินเซี่ยมองเขา หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ผู้อำนวยการเสิ่น ฉันเชื่อว่าตัวคุณน่าจะรู้ดีกว่าฉันนะคะว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นบ้าง”

ท่าทางดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบังของหลินเซี่ย ทำให้เสิ่นเถี่ยจวินเริ่มอยู่ไม่สุข

ดูเหมือนเธอจะรู้อะไรบางอย่าง

แต่คนอย่างเธอจะรู้ความคิดอันดำมืดที่ซ่อนอยู่ลึกสุดในใจของเขาได้อย่างไร?

“เซี่ยเซี่ย ฉันรู้ว่าเธอมีช่องว่างทางจิตใจบางอย่าง หรืออาจจะโกรธที่พวกเราขับไล่ไสส่งเธอออกจากบ้าน แต่เธอไม่สามารถใส่ร้ายใครได้ตามใจชอบ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ครอบครัวของเราก็ทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูเธอมาจนโต”

เสิ่นเถี่ยจวินสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว มองหน้าหลิวกุ้ยอิงและพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “สหายกุ้ยอิง เนื่องจากความประมาทของฉันในตอนนั้น จึงบังเอิญให้ครอบครัวของเราทั้งสองต้องเลี้ยงดูลูกผิดคน หลังจากผ่านไปหลายปี ผมได้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับครอบครัวของคุณก็จริง แต่ในที่สุดพวกหล่อนก็ยังโชคดีที่ได้กลับไปสู่ที่ของตัวเองแล้ว ลูกสาวได้กลับมาสู่อ้อมอกของคุณอีกครั้ง ถือว่ายังไม่สายเกินไป”

เสิ่นเถี่ยจวินพูดต่อ “เพื่อแสดงความจริงใจ ผมวางแผนว่าจะจ่ายเงินค่าชดเชยให้คุณสองพันหยวน ถือว่าแทนคำขอโทษจากผม ผมได้ยินมาว่าพวกคุณดูแลอวี้อิ๋งเป็นอย่างดีเสมอมาเช่นกัน ฉะนั้นเงินในส่วนนี้จะถือเป็นการตอบแทนสินน้ำใจที่คุณเคยเสียไปในเวลานั้น ค่ารักษาพยาบาลของหล่อนถือเป็นอันหายกันแล้ว ต่อจากนี้ไปพวกเราสองครอบครัวจะปฏิบัติต่อกันเหมือนญาติ อวี้อิ๋งจะปฏิบัติต่อคุณในฐานะแม่บุญธรรม ส่วนเซี่ยหลานและผมจะปฏิบัติต่อเซี่ยเซี่ยเหมือนเป็นลูกสาวแท้ ๆ”

“ผู้อำนวยการเสิ่น เราไม่สามารถรับเงินของคุณไว้ได้จริงๆ ค่ะ ฉันคิดว่าพวกเราจะยังมอบหมายหน้าที่ให้ตำรวจทำการสืบสวนความจริงต่อไป แล้วให้คำอธิบายที่ชัดเจนกว่านี้ให้พวกเรา” หลินเซี่ยแย้ง

เสิ่นเถี่ยจวินไม่สามารถเสแสร้งได้อีกต่อไป ดวงตาเฉียบคมของเขาหรี่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเริ่มแฝงกลิ่นอายข่มขู่อย่างรุนแรง รังสีเย็นชาทำให้หลิวกุ้ยอิงที่ยืนอยู่ด้านข้างตัวสั่น

“เธอหมายความว่ายังไง? ฉันอุตส่าห์มาที่นี่เพื่อขอโทษ แต่เธอกลับไม่ยอมรับมันงั้นเหรอ?”

หลินเซี่ยไม่เกรงกลัวสายตาและท่าทางของเขาเลย เธอจ้องตาเขากลับด้วยทัศนคติที่มั่นคงไม่แพ้กัน “พวกเรามีสิทธิ์ที่จะได้รับความยุติธรรม”

“ความยุติธรรมแบบไหน? ตอนนั้นฉันผิดเองไง ฉันยอมรับผิดแล้ว และฉันก็ยินดีมาขอโทษพวกเธอด้วยตัวเองด้วยโดยที่ไม่ต้องรอให้ตำรวจมาไกล่เกลี่ย ทำไมถึงได้ดื้อรั้นขนาดนี้?”

หลินเซี่ยมองเขาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้อำนวยการเสิ่น คุณอยากให้ฉันบอกความจริงกับคุณทุกอย่างหรือเปล่าล่ะคะ?”

สายตาของเธอแหลมคมราวมีดกรีดเฉือน ทำให้เสิ่นเถี่ยจวินร้อนรนเกินกว่าจะมองเธอกลับ

น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอีกครั้ง “เซี่ยเซี่ย ฉันหวังว่าหลังจากนี้ไปเธอกับแม่จะมีความสุขตามอัตภาพโดยที่ไม่ลำบาก ยื้อคดีไว้แบบนี้มันไม่เป็นการดีสำหรับเราทั้งคู่ ทั้งฉันและครอบครัวของสามีเธอต่างก็เป็นที่รู้จักกันดีในละแวกเมืองไห่เฉิง ถ้าเรื่องวุ่นวายขื้นมา มันจะส่งผลเสียลามไปถึงตระกูล ไม่อย่างนั้นคิดเหรอว่าฉันจะยอมมาขอโทษเธอง่าย ๆ”

“ผู้อำนวยการเสิ่น ก็เพราะครอบครัวของคุณค่อนข้างมีชื่อเสียง คุณถึงได้เอาเหตุผลข้อนี้มาเบี่ยงเบนประเด็น คิดว่าเงินและอำนาจจะสามารถปิดปากคนที่มีฐานะด้อยกว่าได้ตลอดไป”

หลินเซี่ยเม้มปากเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอแฝงนัยบางอย่าง “ฉันเดาว่าตำรวจก็คงไปคุยเรื่องนี้กับหมอเซี่ยแล้วใช่ไหมคะ? หล่อนเป็นคนฉลาด น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก”

เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย เขาก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รู้ทันทีว่าหลินเซี่ยได้เจาะลึกเข้าไปถึงความคิดที่เป็นความลับอันมืดมนที่สุดจองตัวเองแล้ว

เขาตอบกลับ “ตอนนั้นหล่อนอยู่ในอาการโคม่าหลังคลอด มีฉัน หมอ และพยาบาลทุกคนในเหตุการณ์เป็นพยานปากคำให้กับเรื่องนี้แล้ว ตำรวจยังจะตามหาหล่อนอีกทำไม?

พวกเธอควรกลับไปคิดให้รอบคอบ อย่าทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โตโดยที่ไม่จำเป็น ฉัน เสิ่นเถี่ยจวินไม่ได้มีอำนาจอยู่แค่ภายในโรงงานอย่างที่เธอคิด”

หลังจากที่เสิ่นเถี่ยจวินพูดจบ เขาก็เดินจากไป

คำพูดข่มขู่ครั้งสุดท้ายของเสิ่นเถี่ยจวิน ทำให้หลิวกุ้ยอิงเริ่มหวาดกลัว

“เซี่ยเซี่ย หรือว่าพวกเราควรจบเรื่องกับเขาแต่โดยดี ถึงยังไงเขาก็เป็นถึงผู้อำนวยการโรงงาน แถมยังมาจากตระกูลใหญ่ในไห่เฉิง แม่ไม่ได้กลัวอะไรหรอก กลัวก็แต่เขาจะมาสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับลูก”

หลินเซี่ยหัวเราะเยาะ “เขาจะทำอะไรฉันได้ล่ะคะ?”

“แม่ ผลสรุปออกมาชัดเจนแล้วว่าตอนนั้นเขาเป็นคนสลับตัวเด็กจริง ๆ การที่เขามายอมรับผิดก็เพราะอยากรับบทว่าตัวเองก็เป็นเหยื่อไม่ใช่เหรอ? ถ้าพวกเราเจรจาตกลงกันได้ ท่ามกลางผลการสอบสวนที่ไม่ชัดเจน อ่างน้ำสกปรกก็ยังพร้อมจะสาดใส่แม่ทุกเมื่อ ฉันจะไปหาหลักฐานมายื่นให้ทางตำรวจเพิ่มเติม เรื่องนี้ต้องถูกเปิดโปง คดีจะต้องปิดฉากลงโดยที่ได้ข้อสรุปอย่างชัดเจน”

“แต่ว่า…”

หลังจากกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น หลินเซี่ยก็เล่าให้เฉินเจียเหอฟังว่าทำไมเสิ่นเถี่ยจวินถึงมาหาเธอ

เฉินเจียเหอบอกว่า “ต่อให้เรารู้ความจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันไม่ง่ายเลยที่ตำรวจจะรวบรวมหลักฐาน แรงจูงใจของเสิ่นเถี่ยจวินที่เราเข้าใจเป็นเพียงการคาดเดาส่วนตัวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้”

หลินเซี่ยพึมพำ “แต่เขาเป็นคนทำจริง ๆ นะ”

เฉินเจียเหอไม่อยากให้เธอเสียกำลังใจ แต่ยังคงบอกความจริงว่า “ยี่สิบปีมันผ่านมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือหลักฐานต่างก็ไม่เพียงพอ ดังนั้นความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสรุปผลออกมาแบบนั้นจึงมีน้อยมาก”

ดวงตาของหลินเซี่ยมืดลง “ต่อให้เป็นอย่างนั้นฉันก็ไม่อยากคืนดีกับเขา”

“คุณอย่าโมโหไปเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเถอะ เดี๋ยวผลการสอบสวนที่ถูกต้องก็ตามมาเอง อีกอย่างบทลงโทษทางกฎหมายไม่ใช่หนทางเดียวที่จะทำให้เขาได้ชดใช้การกระทำของตัวเองซะหน่อย”

หลินเซี่ยหรี่ตาลงพลางครุ่นคิดถึงบางอย่าง

ถึงเวลาแล้วที่เซี่ยหลานควรรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้

ไหนจะเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังในโรงงานเครื่องจักรอีก…

เสิ่นเถี่ยจวินอาจรอดพ้นจากการถูกลงโทษทางกฎหมายในข้อหาสลับตัวเด็กทารก แต่พฤติกรรมที่ขัดต่อหลักกฎหมายและระเบียบวินัยของโรงงานเครื่องจักร กฎหมายก็ยังเอาผิดเขาได้ใช่ไหม?

เฉินเจียเหอบอกว่า “จริงสิ วันศุกร์ที่จะถึงนี้เป็นวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของลุงเซี่ยพอดี พวกเราควรไปฉลองวันเกิดของเขา”

“อืม ได้ค่ะ”

บ่ายวันอาทิตย์ เฉินเจียซิ่งโทรหาเสิ่นเสี่ยวเหมย นัดหมายให้หล่อนออกมาที่สำนักงานกิจการพลเรือนในวันพรุ่งนี้เวลาเก้าโมงเช้า

เสิ่นเสี่ยวเหมยเริ่มคร่ำครวญหวนไห้ทางโทรศัพท์อีกครั้ง “เจียซิ่ง ฉันไม่หย่ากับคุณ ฉันไม่มีทางหย่ากับคุณเด็ดขาด”

ทว่าทัศนคติของเฉินเจียซิ่งทั้งเย็นชาและเด็ดขาด “พรุ่งนี้เช้าคุณต้องมาตามนัดเวลาเก้าโมง ผมไม่ยินยอมให้สถานะการแต่งงานของเราคงอยู่ต่อไป อย่าหาเหตุผลบ้าบออะไรมาเลื่อนเด็ดขาด ขั้นตอนทุกอย่างเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ เราสองคนขาดกัน”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เซี่ยเซี่ยตอนนี้ไม่ใช่ลูกพลับนิ่มแล้วนะ จะข่มขู่อะไรก็ดูสถานะของอีกฝ่ายด้วย ถึงไม่มีหลักฐานเอาผิดเรื่องสลับตัวลูก แต่หลักฐานทุจริตในโรงงานน่าจะมีเพียบล่ะ

เจียซิ่งเอาจริงแล้ว หย่าเป็นหย่า มาคร่ำครวญตอนนี้ก็สายไปแล้วยัยเหมยเน่า

ไหหม่า(海馬)