ตอนที่ 216 โควตามหาเทพ

“ระดับสูงสุด?”

หลินเยวียนได้รับโทรศัพท์จากหยางเฟิง อีกฝ่ายบอกว่าตัดสินใจแล้วว่าจะตีพิมพ์เรื่องคนขุดสุสาน อีกทั้งการโปรโมตนิยายเรื่องนี้จะอยู่ในระดับสูงสุด นี่เป็นสวัสดิการที่มีเพียงนักเขียนระดับยอดเยี่ยมในสำนักพิมพ์เท่านั้นถึงจะได้รับ

“ใช่ครับ”

หยางเฟิงอธิบาย “ต่อให้คุณมีผลงานสองเรื่องก่อนหน้า ผลประโยชน์นี้ก็นับว่าสูงมากแล้ว แต่บริษัทให้การโปรโมตระดับสูงก็เพราะมีอีกวัตถุประสงค์หนึ่ง ก็คือหวังว่าคุณจะได้รับเลือกเข้าไปในลิสต์รายชื่อ”

“ลิสต์รายชื่ออะไรครับ”

“คืองี้ครับ หลังจากที่อุตสาหกรรมนิยายของฉินฉีทั้งสองพื้นที่ผนวกรวมกันแล้ว ก่อนหน้านี้คุณเข้าไปอยู่สิบอันดับแรกของนักเขียนเรื่องสั้นในมณฑลฉินและฉี นี่เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ตามมาหลังจากการผนวกรวมสองทวีป แวดวงนิยายแฟนตาซีเรื่องยาวของพวกเราก็มีการคัดเลือกเหมือนกัน”

“อ้อ”

หลินเยวียนไม่มีความคิดเห็น

หยางเฟิงกล่าวกลั้วหัวเราะ “หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์รับผิดชอบการคัดเลือกเรื่องสั้น ส่วนการคัดเลือกนิยายเรื่องยาวนั้นสำคัญยิ่งกว่า ดังนั้นองค์กรที่รับผิดชอบในการคัดเลือกคือสมาคมวรรณศิลป์ หลังจากการควบรวมของฉินและฉี พวกเขาวางแผนคัดเลือกบุคคลระดับมืออาชีพสองประเภท ประเภทแรก จะคัดเลือกมหาเทพที่มีผลงานโดดเด่นในแวดวงนิยายแฟนตาซี ประเภทที่สองจะคัดเลือกเทพสูงสุดในอุตสาหกรรมนิยายแฟนตาซี หลังจากนี้ทุกวงการจะจัดตั้งมาตรฐานที่คล้ายคลึงกัน ก็เหมือนกับนักแต่งเพลงมือทองและสิ่งที่เรียกว่าพ่อเพลงในวงการเพลง…”

“มีสิทธิประโยชน์อะไรไหมครับ”

หลินเยวียนไม่ได้สนใจเกียรติยศเหล่านั้น นักประพันธ์เพลงมือทองในวงการเพลงจะได้รับส่วนแบ่งที่เกิดขึ้นจากสัญญา ส่วนพ่อเพลงก็ยิ่งไม่มีใครเทียบได้ติด และนั่นก็เป็นสิ่งที่หลินเยวียนให้ความสำคัญมากที่สุด

“มีอยู่แล้วครับ!”

หยางเฟิงเอ่ยขึ้นทันที “ถ้าคุณได้เป็นมหาเทพป้ายทอง สัญญาของคุณกับบริษัทก็ย่อมยกระดับขึ้นอีกขั้น รายละเอียดพวกเราค่อยคุยกันทีหลัง แน่นอนว่าผมรู้ว่าอาจารย์ฉู่ขวงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เพียงแต่ผมอยากแจ้งท่าทีของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูให้ทราบน่ะครับ ส่วนระดับเทพสูงสุด เรื่องนี้มีความหวังน้อยมาก เพราะยอดขายของอาจารย์ฉู่ขวงไม่พอ”

“เข้าใจแล้วครับ” หลินเยวียนดวงตาเป็นประกาย

มหาเทพที่ว่าก็คือนักประพันธ์เพลงมือทองของวงการเพลง ส่วนเทพสูงสุดก็เท่ากับพ่อเพลงในวงการเพลง

จุดด้อยของของหลินเยวียนในตอนนี้ ก็คือยอดขายเมื่อรวมกันแล้วไม่สูงมากพอ

อันที่จริงนิยายของเขาโด่งดังมาก ทว่าช่วงเวลาอันน้อยนิดนับตั้งแต่เปิดตัว ยังไม่ทันได้มีเวลารวบรวมประสบการณ์ ยอดขายของหลินเยวียนไม่มีทางเทียบได้กับนักเขียนระดับสูงซึ่งเขียนงานมาหลายสิบปี

แต่ถึงอย่างนั้นหลินเยวียนก็มีข้อได้เปรียบของตัวเอง

เขาบุกเบิกประเภทใหม่สองประเภทในอุตสาหกรรมนิยายแฟนตาซี บวกกับหมวดนิยายขุดสุสานของเรื่องคนขุดสุสาน ความสำเร็จเหล่านี้นับว่าเป็นอิทธิพลจากหลินเยวียนได้ หากจะต้องเลือกจริงๆ ปัจจัยเหล่านี้จะถูกนำไปพิจารณารวมด้วย ส่วนจุดประสงค์ที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูโปรโมตระดับระดับสูงสุดให้กับตน ย่อมช่วยผลักดันให้ตนได้รับการคัดเลือกในระดับที่สูงยิ่งขึ้นไป ถึงอย่างไรยิ่งนักเขียนในสังกัดของบริษัทมีอิทธิพลมาก อิทธิพลของบริษัทก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

“คุณเข้าใจก็ดีแล้วครับ”

ท้ายที่สุดหยางเฟิงก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “เรื่องนี้เป็นที่พูดกันทั้งในและนอกวงการในช่วงนี้ ว่ากันว่าการคัดเลือกจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนา ดังนั้นคุณปล่อยหนังสือเล่มใหม่ออกมาตรงเวลาพอดี แต่เพราะว่าเดือนมิถุนามีการคัดเลือกนี้ นักเขียนที่ปล่อยหนังสือในเดือนมิถุนาจึงมีเยอะมากครับ และเรื่องคนขุดสุสานก็เป็นหนังสือเรื่องใหม่ที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูของเราหมายมั่นปั้นมือมากที่สุด…”

“ครับ”

หลินเยวียนไม่ได้พูดอะไรมาก

ไม่ว่าผลการคัดเลือกจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยการโปรโมตระดับสูงสุดจากคลังหนังสือซิลเวอร์บลูย่อมเป็นเรื่องดี ก่อนเผยแพร่นิยายก็จำเป็นต้องโปรโมต เฉกเช่นเดียวกับการโปรโมตภาพยนตร์ การโปรโมตที่มีประสิทธิภาพสามารถกระตุ้นยอดขายให้สูงขึ้น เพราะถึงอย่างไรสุราชั้นดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก[1]

ส่วนคำวิจารณ์โต้กลับ?

เนื้อเรื่องที่ดีสามารถรอคำวิจารณ์โต้กลับในช่วงท้ายได้ก็จริง ทว่าที่จริงแล้วเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะความจนปัญญาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ถ้าหากเป็นกระแสโด่งดังได้ตั้งแต่เริ่มเรื่องจะไม่ดีกว่าหรือ?

เป็นดังที่คาดไว้

หลังจากที่แจ้งหลินเยวียนแล้ว คลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็ดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ เรื่องคนขุดสุสานก็เข้าสู่กระบวนการโปรโมตขั้นสูงสุด ไม่เพียงวิธีแขวนแบนเนอร์โปรโมตขนาดใหญ่บนเว็บไซต์ทางการ ยังมีประกาศในทั้งสื่อพิมพ์และโฆษณาทั่วทั้งเมือง หรือแม้แต่เซกชันวรรณกรรมในปู้ลั่วก็ยังโปรโมตว่าฉู่ขวงกำลังจะปล่อยหนังสือเรื่องใหม่…

ต้องเข้าใจก่อนว่า

ในสถานการณ์ปกติ ปู้ลั่วไม่ค่อยยอมรับการโปรโมตนิยายในลักษณะนี้มากนัก แต่เพราะนี่เป็นนิยายเรื่องใหม่ของฉู่ขวง และปู้ลั่วก็มีประสบการณ์ในการร่วมงานกับฉู่ขวงอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อคลังหนังสือซิลเวอร์บลูติดต่อมาขอร่วมงาน ทางปู้ลั่วจึงตอบตกลงทันทีโดยที่ไม่จำเป็นต้องพิจารณามากนัก เมื่อเทียบกับการไว้หน้าคลังหนังสือซิลเวอร์บลูแล้ว การซื้อใจฉู่ขวงนั้นสำคัญกว่าเป็นไหนๆ

และเรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว

การโปรโมตมีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง!

หลังจากความร่วมมือนี้เริ่มต้นขึ้น โฆษณาหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวงก็ดาษดื่นไปทั่วทุกที่ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทุกคนที่ติดตามนิยายก็ล้วนรู้ข่าวว่าฉู่ขวงจะปล่อยหนังสือเรื่องใหม่แล้ว ไม่ว่าใครก็มองออกว่านี่เป็นการโปรโมตระดับสูงสุดที่นักเขียนคนหนึ่งจะได้รับจากสำนักพิมพ์ การโฆษณาจึงส่งผลเต็มศักยภาพ

นอกจากนั้น

ครั้งนี้ข้อความโปรโมตหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงโดยคลังหนังสือซิลเวอร์บลูอลังการสุดๆ เรียกได้ว่าเล่นใหญ่ไม่น้อยหน้าหนังสือเรื่องก่อนๆ ของฉู่ขวงเลย [ฉู่ขวงเตรียมปล่อยหนังสือเรื่องใหม่ออกมาสะท้านวงการ แล้วมาบุกเบิกประเภทใหม่กันอีกครั้งในวันที่ 1 มิถุนายนกับ ‘คนขุดสุสาน’!]

ในขณะเดียวกัน

ยังมีข้อความโปรโมตบางส่วนที่ในตอนนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วทั้งโลกออนไลน์ ตัวอย่างเช่นคำโฆษณาซึ่งชวนให้ผู้คนฉงนใจทำนองนี้

‘ตราฟาชิว เครื่องรางมัวจิน ปานซานเซี่ยนหลิ่งล่าขุมทรัพย์ คนจุดเทียน ผีเป่าโคม ขุดค้นซิงเฟิง รอยปรอท สะสมวัตถุโบราณ หอมังกรตำหนักหยกท่องใต้หล้า โลงไม้อิ้นมู่ โลงสัมฤทธิ์ จงหนีไปให้ไกล!’

คนจุดเทียน!

ผีเป่าโคม!

แม้ว่าสไตล์การโปรโมตจะแตกต่างกับนิยายสองเรื่องแรกอย่างสิ้นเชิง แลดูคล้ายกับนิยายลี้ลับเสียมากกว่า ทว่าอันที่จริงนักอ่านหลายคนก็ชื่นชอบความรู้สึกลุ้นระทึกเช่นนี้เหมือนกัน จู่ๆ ก็มีเรื่องให้ตื่นเต้น โดยเฉพาะกับแฟนคลับของฉู่ขวง

‘สัมผัสได้ว่าจะมีประเภทใหม่!’

‘โปรโมตแล้วว่าจะบุกเบิกประเภทใหม่’

‘หลังจากที่อ่านสองเรื่องก่อนหน้านี้มา ถึงจะคาดหวังให้ฉู่ขวงเขียนแนวเทพเซียนกำลังภายในหรือการแข่งขันกีฬาต่อ แต่เห็นเขาเขียนแนวใหม่ออกมาฉันก็พร้อมสนับสนุน เพราะฉันเชื่อมั่นในฝีมือของฉู่ขวง หนังสือสองเรื่องก่อนหน้านี้ก็เคยพิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว!’

‘โฆษณาจัดเต็มมาก!’

‘ตอนนี้เจ้าแก่ฉู่ขวงเป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ยอดขายของเขาอาจไม่ใช่อันดับหนึ่ง แต่งานของเขามีอิมแพคสูงมาก เรียกกระแสกันได้สองครั้งติดต่อกันแล้ว พูดได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกตัวจริง คลังหนังสือซิลเวอร์บลูจะกล้าไม่ให้เกียรติเขาเหรอ’

‘ตื่นเต้นนนนนนนนนนน!’

‘ในที่สุดเจ้าแก่ฉู่ขวงก็ปล่อยหนังสือเรื่องใหม่แล้ว แถมดูท่าว่าจะไม่ธรรมดาเลย แต่ผมไม่อ่านหรอก ตั้งแต่ที่เขาเขียนให้ปี้เหยาตาย ผมก็ตัดสินใจว่าจะไม่อ่านนิยายของเขาอีก ปักธงแดงไว้เลย!’

‘ปล่อยเดือนมิถุนา?’

‘หนังสือใหม่ที่ปล่อยเดือนมิถุนาเยอะไปหรือเปล่า น่าจะอยากได้รับคัดเลือกเป็นมหาเทพล่ะมั้ง แต่ฉู่ขวงเป็นหนึ่งในนักเขียนตัวเล็กๆ ไม่กี่คนที่มีความสามารถมากพอ อันที่จริงฉู่ขวงปล่อยหนังสือเรื่องใหม่ออกมาเดือนมิถุนานับว่าเป็นการเร่งเครื่องอย่างหนึ่ง ที่สำคัญก็คือยังต้องดูผลงานในอดีต ผมคิดว่าด้วยความสามารถของฉู่ขวง จะได้รางวัลมหาเทพก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก’

‘…’

และในวงการนี้

สำนักพิมพ์ใหญ่แต่ละแห่งขมวดคิ้วอย่างพร้อมเพรียงกัน ภายใต้สภาพแวดล้อมการแข่งขันของตลาดอันดุเดือดขั้นสุด จู่ๆ ฉู่ขวงก็ปล่อยหนังสือเรื่องใหม่ สำหรับทุกคนแล้วไม่ใช่ข่าวดีเอาซะเลย เพราะความสามารถของฉู่ขวงนั้นได้เป็นประจักษ์ในวงการถึงสองครั้งแล้ว

ในความเป็นจริง

นับตั้งแต่การโปรโมตระดับสูงสุดได้เคาะระฆังเริ่มต้นขึ้น ร้านหนังสือขนาดใหญ่แต่ละแห่งต่างก็เฮละโลกันมาติดต่อคลังหนังสือซิลเวอร์บลู เพื่อสั่งซื้อหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวง หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ครั้งก่อนมาอย่างเอน็จอนาถ ทุกคนก็ไม่กล้าสงสัยในตัวฉู่ขวงอีกต่อไป

‘บุกเบิกประเภทใหม่อีกแล้วเหรอ’

‘อยากได้มหาเทพใช่ไหมล่ะ’

‘เสพติดการบุกเบิกแนวนิยายใหม่?’

‘ต่อให้ฉู่ขวงไม่ปล่อยนิยายใหม่ในเดือนมิถุนา แค่อิมแพคของนิยายสองเรื่องแรกของเขา ก็มีหวังได้มหาเทพแล้ว ปล่อยเรื่องใหม่ตอนนี้น่าจะเพราะอยากให้ตำแหน่งมั่นคงขึ้นอีกล่ะมั้ง ส่วนรายละเอียดต้องรอดูว่าคุณภาพของหนังสือเขาเป็นยังไง’

‘คงไม่แย่หรอกน่า’

‘ก็ไม่แน่หรอก สเกลการโปรโมตเทียบเท่ากับชื่อเสียงของนักเขียนเบอร์ใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเขียนหนังสือเรื่องใหม่ออกมาดีไหม สำนักพิมพ์ก็ต้องไว้หน้า ลำพังแค่ผลงานที่ผ่านมาของเขา เนื้อหาของหนังสือเรื่องใหม่จะสนุกหรือไม่สนุกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมชักจะสงสัยแล้วว่าเขาจะบุกเบิกแนวใหม่อีกแล้วจริงๆ หรือ’

‘…’

ท่ามกลางการถกเถียงในแวดวงนิยาย ชื่อของฉู่ขวงมักได้ยินกันหนาหู ทว่าในตอนนี้ฉินฉีผนวกรวม ใช่ว่าทุกคนจะรู้จักว่าฉู่ขวงคือใคร เพราะครึ่งหนึ่งของตลาดนิยายในปัจจุบันนี้ เป็นผู้อ่านจากมณฑลฉี

ใช่แล้ว

ถึงแม้จะมีนักอ่านจากมณฑลฉีบางส่วนที่เคยอ่านเรื่องกระบี่เทพสังหารหลังจากการผนวกรวมของทั้งสองพื้นที่ แต่อย่างไรก็เป็นจำนวนที่น้อย ทั้งสองฝั่งไม่ได้หลอมรวมกันโดยสมบูรณ์ และยังอยู่ในสถานะที่ยังไม่รู้จักนักเขียนของเพื่อนบ้านดีนัก ฉะนั้นหลายคนจึงเกิดคำถามว่า

‘ฉู่ขวงเก่งมากเลยเหรอ’

‘ฉู่ขวงคนนี้โหดอยู่นะ ยิงโฆษณาหนังสือเรื่องใหม่ของเขาไปที่รถเมล์ที่ฉันนั่งบ่อยๆ ด้วยนะ ที่มณฑลฉีเรา นักเขียนระดับนี้ต้องเป็นแถวหน้าในสายอาชีพนี้แล้ว’

‘โหดขนาดนั้นจริงเหรอ?’

‘ผมเคยอ่านนิยายสั้นเรื่องสร้อยคอของฉู่ขวง เขียนได้ดีมากจริงๆ ครับ นึกไม่ถึงว่าเขาจะเขียนนิยายแฟนตาซีเรื่องยาวได้ด้วย ผมชอบแนวนี้พอดีเลย อยากรู้เหมือนกันว่าฉู่ขวงจะโหดขนาดนั้นจริงหรือเปล่า’

‘…’

ผู้อ่านจากมณฑลฉินจึงรีบมาเสริมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับฉู่ขวงให้กับผู้อ่านชาวมณฑลฉี ‘ฉู่ขวงเป็นนักเขียนนิยายเรื่องยาวมานานแล้ว นิยายแนวการแข่งขันกีฬาที่ฮิตๆ ในฉินโจวก็ตามกระแสจากฉู่ขวงมาทั้งนั้น นิยายแนวเทพเซียนกำลังภายในที่เป็นที่นิยมก็มาจากฉู่ขวง เป็นผู้บุกเบิกนิยายแนวใหม่เลยแหละ’

ขอภูมิใจสักนิด

ขอคุยโวสักหน่อย

ใครให้ฉู่ขวงเป็นนักเขียนนิยายแฟนตาซีจากฉินโจวล่ะ ถึงอย่างไรหลังจากที่ผู้อ่านจากฉีโจวได้รับเกร็ดความรู้เพิ่มเติมแล้ว ความรู้สึกคาดหวังก็ยิ่งทบทวีขึ้นมา และอยากลองอ่านดูว่าเรื่องคนขุดสุสานเป็นอย่างไร และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูจัดแจงโปรโมตขั้นสูงสุดให้แก่ฉู่ขวง

ได้รับการคัดเลือก!

บุกตลาด!

ทำให้ฉู่ขวงกลายเป็นมหาเทพอย่างมั่นคง ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้อ่านจากฉีโจวได้เห็นฝีมือของฉู่ขวงเป็นประจักษ์แก่สายตา และจะส่งผลให้ยอดขายนิยายของฉู่ขวงก้าวกระโดดขึ้นไปอีก

ไม่ต้องสงสัย

คลังหนังสือซิลเวอร์บลูนับว่าชื่นชอบคุณภาพของเรื่องคนขุดสุสาน ถึงแม้นิยายเรื่องนี้จะเป็นประเด็นถกเถียงกันในวงกว้าง ตัวอย่างเช่น มีคนกังวลว่านักอ่านจะไม่ยอมรับการบรรยายจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง บ้างก็กังวลว่านิยายประเภทนี้จะไม่เหมาะกับหมวดแฟนตาซี แต่ถึงอย่างนั้น จุดหนึ่งที่ทุกคนต่างยอมรับร่วมกันก็คือ

นิยายเรื่องนี้สนุกมาก

ในยามนี้สำนักพิมพ์ใหญ่แต่ละแห่งต่างจับตามองการคัดเลือกนี้ตลอดเวลา สำนักพิมพ์ไหนยิ่งมีมหาเทพและเทพสูงสุดมาก ยิ่งหมายความว่าสำนักพิมพ์นั้นแข็งแกร่ง คลังหนังสือซิลเวอร์บลูย่อมต้องช่วยดันหลังฉู่ขวงอย่างแน่นอน…

……………………………………………

[1]สุราชั้นดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก เปรียบเปรยว่าสิ่งที่คุณภาพดีย่อมมีคนเสาะแสวงหา เฉกเช่นเดียวกับสุราชั้นดีที่ส่งกลิ่นหอมไปไกล จนมีผู้คนตามหาเพื่อลิ้มลอง