ตอนที่ 182 – ความทะเยอทะยานของโรสและแผนของเย่เทียน!
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอสัมเพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
“แต่ท่านก็ดูจะให้อะไรข้าไม่ได้ตอนนี้ ต่อให้ข้าช่วยท่านได้ก็ตาม!”
เย่เทียนส่ายหัวแล้วกล่าวอย่างไม่แยแส.
เขากําลังคิดอยู่ว่าจะพิชิตผู้หญิงคนนี้ยังไงดี
“สงสัยข้าจะคิดสูงไปข้าอยากได้ลูกชายแบบท่านมาตลอดนะ….”
โรสกล่าวด้วยความเศร้า เย่เทียนก็ไม่รู้ว่านางคิดจริงหรือแสร้งทํากันแน่แต่นางก็ดูโดดเดี่ยวและมีเสน่ห์มากกว่าเดิม. เสน่ห์ของเธอนั้นรุนแรงมากจนทําให้คนรอบๆตัวเธออดสงสารไม่ได้
เยู่เทียนต้องยอมรับเธอจริงๆ นางรู้วิธีใช้ของดีของตัวเองให้เป็นประโยชน์และทําให้คนอื่นทําตามใจเธอได้
“หากท่านอยากจะให้ข้าเป็นบุตรชายท่านก็ต้องทําหน้าที่แม่ให้ดีด้วยได้ไม่?”
เย่เทียนยิ้มให้แต่ก็อดมองตัวเธอไปมาไม่ได้, เขาไม่อยากเสียเวลากับการเป็นลูกเธอ ผู้หญิงดีๆแบบนี้เสียของหมด.
“แล้วท่านอยากให้ข้าทําอะไรล่ะ?”
โรสเอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยแล้วยิ้มให้ขณะที่ถามเย่เทียน, ทําไมเธอจะไม่รู้ล่ะว่าเย่เทียนหมายถึงอะไรใจเธอเต้นรัวๆมากตอนนี้แต่ก็ปล่อยให้ตัวเองแพ้ไม่ได้
นางรู้ว่าเย่เทียนไม่ใช่คนธรรมดาๆ เขาจะยอมรับคําขอของเธอง่ายๆได้ยังไง
เธอก็แค่ต้องผู้เย่เทียนกับตัวเธอไว้ ตราบใดที่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับเขาได้เธอก็ไม่รังเกียจ. ให้เขาเป็นบุตรบุญธรรมนั้นเป็นความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดแล้ว เพราะนางแต่งกับเย่เทียนไม่ได้
“อย่างน้อยก็เลี้ยงดูข้าสิ!”
เย่เทียนหัวเราะ เขาไม่นึกเลยว่าโรสจะใจเย็นขนาดนี้
“ข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะร้ายขนาดนี้”
โรสแพ้แล้ว, นางทําตัวแย่ๆใส่หน้าเย่เทียนไม่ได้
“ฮ่าฮ่า…”
เย่เทียนหัวเราะอย่างภาคภูมิใจออกมาอย่างดัง
“ถ้าข้าได้ยึดครองตระกูลสุละเมื่อใด ข้าก็จะสามารถมอบที่พักอาศัยให้ท่านได้และท่านก็จะได้เป็นทายาทของข้า!”
โรสยิ้มและไม่ยอมแพ้.
“เช่นนั้นก็รอจนกว่าท่านจะได้ยึดครองแล้วกันตอนนี้สถานะของท่านดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนะ!”
เย่เทียนส่ายหัวไป, ถ้าโรสยึดครองตระกูลสุละขึ้นมาได้ถึงตอนนั้นเขาคงไม่ต้องการการคุ้มครองจากตระกูล ใดๆอีกแล้ว.
“ถ้างั้นเรื่องนั้นก็เอาไว้ก่อนแต่ท่านช่วยข้าจัดการปัญหายุ่งยากนี่ได้หรือไม่?”
โรสรู้สึกผิดหวังมากๆแต่ก็อยากให้เย่เทียนช่วย
“มันไม่ง่ายนี่สิครับ! เว้นซะแต่ท่านจะยอมแพ้เรื่องตระกูลสุละแล้วยกเลิกสัญญาการแต่งงานกับพวกเขาซะเขาคงไม่คิดอะไรมากแน่หลังจากที่เห็นท่านฆ่าหลานชายเขาเพื่อกู้ชื่อเสียงแล้ว!”
เย่เทียนส่ายหัว.
“ไม่ได้! ข้าอยู่ในตระกูลสุละนี้มาเนิ่นนานแล้วไม่มีทางที่ข้าจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้แน่!!”
โรสส่ายหัวขณะที่กล้าพูดแบบนั้นกับเย่เทียนเพราะนางรู้ว่าสละก็เป็นศัตรูของเยู่เทียนและเย่เทียนก็ไม่ดีใจนักที่เขากําลังกลับมาที่โรม.
“ถ้าเช่นนั้นก็อย่าให้เขากลับมา!!!”
เย่เทียนกล่าวเบาๆ
เริ่มเยือกเย็นลง
“ไม่ให้เขากลับมางั้นเหรอ?!”
โรสตอบไปเบาๆ สายตาของเธอเองก็เริ่มเยือกเย็นลง
“สุละกับลูกชายเขาอยู่นอกโรมตอนนี้และชื่อเสียงของตระกูลเขาก็ขึ้นอยู่กับท่าน. นี่คือโอกาสของท่านแล้วถ้าสุละกลับมาทุกอย่างที่ท่านทําก็จะสูญสิ้นไปหมด. เขาจะรับรู้ถึงความทะเยอทะยานของท่านเพราะเขาเองก็เป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว เขาสามารถใช้เรื่องที่ท่านฆ่าหลานชายเขามาเล่นงานท่านได้, แม้แต่ลูกชายเขาก็จะไม่ปล่อยท่านไป ข้าพนั้นเลยว่าเขากําลังเร่งม้ากลับมาเพื่อจัดการท่านแน่. ท่านยังดูถูกความเลือดเย็นของสุละเกินไป เขากล้าทรยศมาเรียสเพื่อรับตําแหน่งเลยนะ เขาจะปล่อยให้คนอื่นมาขวางทางขึ้นบัลลังก์ได้ยังไง!”
เย่เทียนพยายามวิเคราะห์สถานการณ์
“ใช่ข้าดูถูกเขาจริงๆแม้แต่แผนของแอนดรูว์เองที่บีบให้ทางสภาปลดสุละออกจากตําแหน่งแล้วแย่งขึ้นเป็นแม่ทัพแทน….ตอนนี้ข้าอยู่ในสถานการณ์ที่ทําอะไรไม่ได้เลย ท่านเองก็เช่นกันสินะใช่มั้ย?”
โรสกล่าวเบาๆ
“ข้าเปล่าทําอะไรไม่ได้ซักหน่อย”
เย่เทียนส่ายหัวปฏิเสธคําพูดที่ว่าเขากับโรสอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
“จะต้องทํายังไงบ้างถึงไม่ให้สุละกลับมาได้?”
โรสถามเบาๆ
“ข้าแค่แนะท่านเท่านั้น หากท่านอยากจะทําท่านก็ต้องทําเองนะ!”
เย่เทียนส่ายหัว.
“นี่ท่านยังไม่เชื่อใจข้าอีกเหรอ….”
โรสกล่าวด้วยความเสียใจ “ในใจข้าข้าคิดว่าท่านเป็นพวกเดียวกับข้าแล้ว ไม่นึกเลยว่าท่าน…”
ตอนนั้นเองนางเก่งมากๆจนเย่เทียนใจสั่นไปหมดจนเกือบจะตอบใช่ไป.
แต่เขาก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น การลอบสังหารชนชั้นสูงเป็นเรื่องใหญ่มาก. มันเสี่ยงเกินไปถ้าเขาช่วยโรสล่ะก็เขาก็จะโดนนางจับแทน
“อา…เราเพิ่งได้พบกันนะครับอีกอย่างข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องทํายังไง”
เย่เที่ยนหัวเราะ
“แต่วันนี้เราอยู่ด้วยกันมานานแล้วนะ”
โรสกะพริบตาที่น้ําตาเริ่มปริ่มออกแล้วพูดกับเย่เทียนด้วยน้ําเสียงขมขื่น
“ข้าว่าแล้วมันต้องมีปัญหามากมายหลังรับของกํานั้นมาจากท่าน…”
เย่เทียนส่ายหัวแล้วยิ้มเจื่อนๆ
“ไม่นะ, ซาย่าเป็นแค่ของกํานันที่ท่านยอมมาพบข้าเฉยๆ!”
โรสกล่าวอย่างสุขุม.
“แต่ตอนนี้มันเสี่ยงเกินไปที่จะลงมือข้าจึงขอแนะนําว่าให้ท่านเลิกคิดไปซะ”
เย่เทียนกล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจัง
โรสไม่กล่าวอะไรตอบแต่เริ่มฟังอย่างจริงจังด้วยไฟที่ลุกโชนในตา
เย่เทียนจองเธออย่างจริงจังแล้วเห็นว่าค่าความภักดีของนางกําลังอยู่ระหว่าง50-60 แสดงให้เห็นว่านางคิดว่าตัวเองเป็นพวกเดียวกับเขาแต่เขาก็ยังต้องระวังตัวให้มากอยู่ดี.
ดังนั้นเย่เทียนจึงเริ่มเชื่อใจนางขึ้นมาหน่อยๆ อย่างน้อยเธอก็ไม่มีเจตนาไม่ดีกับเขา
“ถ้าสละกลับมาท่านก็พยายามอย
น แต่อํานาจและกําลังทรัพย์ทุกอย่างท่านต้องกุมมันไว้เสมอ!”
เย่เทียนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วกล่าวซ้ําๆ
“จะทําได้ยังไงกัน?”
โรสถาม.
“โอนทรัพย์สินที่ท่านพอจะทําได้ให้มาอยู่ภายใต้ชื่อของท่านให้หมดซะ! เราจะบีบให้สละเหลือแต่ตัวต่อให้ เขาเป็นหัวหน้าตระกูลเขาก็ซื้อไม่ได้!”
เย่เทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“ถ้างั้นมันก็ไม่ต่างกับว่าข้าทําลายทั้งตระกูลสุละน่ะสิ? อีกอย่างข้าจะโอนทรัพย์สินและบ้านทั้งหมดของตระกูลสุละได้ยังไงกัน?”
โรสขมวดคิ้ว นางเริ่มประหม่าหน่อยๆ
“ท่านน่ะเอาแต่หลบอยู่หลังฉากมาตลอด! ข้าคิดว่าท่านควรจะออกมาสู่แสงสว่างได้แล้ว คนอื่นๆจะได้เห็นท่านมากขึ้นและยอมฟังท่านมากขึ้น! เอาทุกอย่างที่เป็นของสุละมาเป็นของท่านให้ได้, ขอแค่มีเงินพอปัญหาก็จะหมดไปนี่แหละคือความจริงของโลกนี้. หากท่านควบคุมทรัพย์สินทุกอย่างได้ แม้แต่คนของสุละก็จะยอมฟังท่านเพราะเงินทอง!”
เย่เทียนกล่าว แผนการณ์ครั้งใหม่เริ่มก่อขึ้นในใจเขาแล้ว