ตอนที่ 90: โคตรพนัน

เตเบซเผยท่าทีแปลกไปเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดเลยว่าเสี่ยวเฉิงจะบ้าบินขนาดนี้! และในตอนนี้เขากลับรู้สึกหัวเสียจริง ๆ ที่ไม่ยอมเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าเพื่อบังคับให้เสี่ยวเฉิงเปิดไพ่บนมือ!

หมอนี่กล้าดียังไง?!

ในรอบที่สาม ไพ่บนมือของเสี่ยวเฉิงไม่ดีนัก เขาพลันชําเลืองมองไปรอบกาย ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงสามารถเอาชนะไพ่บนมือของทิมเท่านั้น แต่เขาไม่สามารถสู้เตเบซหรือหลินกู้ยเหรินได้เลย ดังนั้น เสี่ยวเฉิงจึงไม่อยากโผงผางมากนัก ถึงกระนั้น เคล็ดลับเมื่อครู่ของเสี่ยวเฉิงจะไม่สามารถใช้ได้เลยหากฝ่ายตรงข้ามมีไฟคอมโบใหญ่กว่าอยู่ในมือและกล้าที่จะเพิ่มเงินเดิมพันอีกเท่าตัว เพราะ หากเสี่ยวเฉิงโผงผางลงเดิมพันไปในครั้งนี้ เขาจะต้องสูญเสียเงินไม่น้อยแน่

สําหรับรอบสาม เสี่ยวเฉิงเลือกที่จะคว่ําไพลง ทันทีที่เห็น เตเบซก็พลันหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวคําพูด “นึกว่านายจะสู้ต่อนะเนี่ย…”

“ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย ถึงจะมีคู่ปรับเป็นพวกปัญญาอ่อน แต่พวกนายก็คงไม่หลงกลเป็นครั้งที่สองหรอกใช่ไหมล่ะ?” เสี่ยวเฉิงพลันเผยเสียงหัวเราะออกมา

เตเบซพลันพ่นลมหายใจ เขาเลือกที่จะคว่ําไพ่เช่นกัน และในตาที่สาม ทิมก็เป็นฝ่ายชนะไป

เมื่อมาถึงรอบที่สี่ เสี่ยวเฉิงก็ไม่แม้แต่จะก้มลงไปมองมือของตัวเอง เขาพลันกล่าวคําพูดกับเตเบซ ”เรามาทําให้เกมนี้น่าตื่นเต้นกว่าเดิมหน่อยดีไหมล่ะ?”

ผู้เล่นอีกสามคนรอบโต๊ะพลันมองมายังเสี่ยวเฉิงด้วยความสงสัย เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้มและพูดขึ้น “รอบนี้ทุกคนห้ามมองไพ่บนมือตัวเอง ให้วางเดิมพันลงไปเลย แบบนี้เป็นไงล่ะ? แต่ถ้าใครทนไม่ไหว คน ๆ นั้นก็สามารถเพิ่มเงินพนันเป็นสองเท่าเพื่อเช็คไพ่บนมือได้ และในแต่ละรอบ ทุกคนก็จะต้องเพิ่มเงินพนันไปอีกเท่าตัว!”

หลินกุ้ยเหรินพลันรู้สึกว่าแบบนี้น่าจะสนุกและตื่นเต้นกว่า ดังนั้น เขาจึงเห็นด้วย แต่ทว่า เตเบซและทิมกลับสบตากัน ทันทีที่เห็นว่าทั้งสองลังเล เสี่ยวเฉิงก็พลันพูดแซวขึ้นมา “สงสัยคุณทิมคงไม่ชอบอะไรแบบนี้สินะ…งั้นไม่เป็นไร เขาคงชอบที่จะมองดูไพ่บนมือมากกว่า”

ทิมพลันรู้สึกกระอักกระอ่วน จากนั้น เขาก็ตอบกลับ “สบายมาก เอาตามนั้นเลย”

เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มแล้วมองไปยังเตเบซ ” แล้วนายล่ะ?”

“เอาสิ”

หลังจากนั้น หลินกุ้ยเหรินก็ลงเดิมพันไปห้าหมื่นหยวนโดยไม่แม้แต่จะมองไปยังมือของตัวเอง

สําหรับเสี่ยวเฉิง เขาทุ่มเงินไปห้าแสนหยวน นั่นทําให้หลินจื้อซือที่นั่งอยู่ข้างกายพลันตกใจไม่น้อย

ทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงลงเงินไปห้าแสนหยวน เตเบซก็พลันนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้น เขาก็มองไปยังเสี่ยวเฉิงด้วยสายตาสุดเหยียดหยาม “พยายามจะตอกหน้าคนอื่นอยู่หรือยังไงกัน? คิดเหรอว่าทุ่มเงินแค่ห้าแสนหยวนแล้วพวกเราจะตกใจน่ะ? ยังไงก็เถอะ ฉันขอตามด้วยเงินห้าแสนเหมือนกัน!”

ทิมเองก็ทุ่มเงินห้าแสนหยวนเช่นกัน

หลินกุ้ยเหรินพลันรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เห็นลูกเขยของตัวเองกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ ซึ่งมันแตกต่างกับเสี่ยวเฉิงคนก่อนหน้านี้มาก หลินกุ้ยเหรินพลันรู้สึกสับสนเล็กน้อย ไม่นานนัก หลินกุ้ยเหรินก็ทุ่มเงินห้าแสนหยวนเช่นกัน พร้อมกับตบไหล่ของเสี่ยวเฉิงและกล่าวคําพูด ” พ่อตกใจ เหมือนกันนะที่ลูกกล้าทุ่มเงินไปขนาดนั้น ยังไงก็เถอะ อย่าเสี่ยงจนเกินตัวก็พอ”

เสี่ยวเฉิงเผยยิ้ม จากนั้น เขาก็โยนชิปมูลค่าหนึ่งล้านหยวนลงไปบนโต๊ะ เขาไม่ได้แสดงสีหน้าประหม่าอะไรออกมาเลย เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มราวกับเงินหนึ่งล้านไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถึงอย่างไร เขาในตอนนี้ก็สามารถมองเห็นไฟได้ทุกใบอยู่แล้ว

ทิมเองก็ไม่น้อยหน้า เขาทุ่มเงินหนึ่งล้านหยวนเช่นกัน

ทว่า เตเบซเองก็ไม่ได้เร่งรีบขนาดนั้น เขามองไปยังเสี่ยวเฉิงก่อนและพูดขึ้น “ถ้านายเล่นแบบนี้ เดี๋ยวก็หมดตัวหรอก”

“ไม่ต้องมาสนหรอกว่าฉันจะมีเงินเล่นต่อหรือเปล่า ถ้าฉันหมดตัว ก็แค่เลิกเล่น ส่วนนายจะทุ่มเงินต่อหรือคว่ําไพ่ล่ะ?” เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มและถามเตเบซ

เตเบซพลันบ่นพึมพําในใจ ดีเลย ถ้าอยากเล่นใหญ่นัก ฉันก็จะจัดให้…. อย่าหมดตัวจนถึงขั้นต้องขายภรรยาตัวเองเพื่อชดใช้หนี้ก็แล้วกัน!

“แน่นอน ฉันเป็นผู้ถือหุ้นของที่นี่ ฉันไม่อยากสกัดดาวรุ่งแขกของเราอยู่แล้ว นายอยากเล่นใหญ่ใช่ไหม? ได้เลย! งั้นฉันขอเพิ่มเงินอีกหนึ่งล้านหยวน!” เตเบซกล่าว

หลินกุ้ยเหรินพลันหัวเราะ “เน้นจะใช้ดวงกันหมดเลยใช่ไหมเนี่ย? งั้นพ่อเอาด้วย!”

พอถึงคราวเสี่ยวเฉิง เขาพลันกล่าวคําพูด “ฉันขอทุ่มสามล้านหยวน!”

หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็มองไปยังหลินจื้อชื่อที่อยู่ข้างกาย เขาพลันยื่นบัตรเครดิตให้เธอพร้อมกล่าวคําพูด “บัตรนี้น่าจะเหลือเงินอยู่ประมาณยี่สิบล้าน เธอช่วยถอนออกมาแล้วแลกเป็นชิปให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

หลินจื้อซือรับบัตรและพยักหน้า เธอลุกขึ้นตามพนักงานไปเพื่อรับชิปเพิ่ม

“อ้าว… นี่เรากะจะเล่นกันจริงจังหรอกเหรอเนี่ย?” เตเบซเผยยิ้ม “ดีเลย งั้นฉันเอาด้วย!”