ตอนที่ 427 ใจแคบ ตอนที่ 428 เงิน

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 427 ใจแคบ

ซ่งอิงรู้สึกว่าตนประเมินคุณชายท่านนี้สูงเกินไป สมกับความที่ว่าอายุเพียงแค่สิบกว่าปีเท่านั้น ช่างไร้เดียงสาจริงๆ

นางไม่พูดพร่ำทำเพลงเช่นกัน รีบจัดแจงนับจำนวนใบไม้หนึ่งร้อยใบ แล้วใช้กระดาษห่อเอาไว้ก่อนจะส่งไปให้

“สองตำลึงเงินพอดี” ซ่งอิงกล่าวเสียงเรียบเฉย

“…” ลู่ข่ายเบิกตาโตเล็กน้อย บรรดาสหายร่วมห้องเรียนต่างก็ได้ลดราคา แต่ละคนล้วนซื้อใบไม้กันไปใบละสิบห้าอีแปะเท่านั้น แต่ไฉนพอมาถึงเขา กลับไม่ได้ลดเลยสักนิด

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ไม่ออก

คนกลุ่มหนึ่งเดินมาอย่างฮึกเหิม ส่วนขากลับทยอยเดินจากไปอย่างเนิบช้า

ซ่งสวินรู้สึกละอายใจเล็กน้อย “เป็นข้าเองที่ยั่วโมโหลู่ข่ายเสียแล้ว…”

“คนผู้นั้นหยิ่งยโส ไม่เห็นใครในสายตาทั้งนั้น คงจะปฏิบัติต่อผู้อื่นโดยไม่แยแสใครเลยสักนิด แต่ไฉนจึงตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับท่านพี่ไปเสียได้ คงไม่ใช่เพราะริษยาท่านหรอกนะ?” ซ่งอิงเอ่ยถาม

“ริษยาข้า?” ซ่งสวินเบิกตาโตแวบหนึ่ง “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้ามีอะไรให้น่าอิจฉา ตระกูลลู่เป็นถึงตระกูลขุนนาง ข้าแค่คนยากจนต่ำต้อยคนหนึ่งเท่านั้นเอง อีกทั้งลู่ข่ายมีความสามารถมาก ท่านอาจารย์ก็เคยพูดไว้นานแล้วเช่นกันว่า อย่าว่าแต่เขาจะได้เป็นถงเซิงหรือซิ่วฉายในปีหน้าเลย ไม่แน่ว่าภายในสามถึงห้าปี ยังจะสอบผ่านจวี่เหรินอีกด้วย…”

เหมือนเขาที่เริ่มต้นช้าที่ไหนกัน สภาพครอบครัวธรรมดาทั่วไป ในตระกูลก็ไม่มีผู้ชี้นำ ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีหนังสือกองโตๆ ไว้อ่าน

ซ่งอิงกลับส่ายหน้า “ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นความสามารถในการเรียนเท่านั้น… บางทีอาจเป็นเพราะอิจฉาที่ท่านพี่รูปร่างหน้าตาดี”

“…” ซ่งสวินเบิกตาเล็กน้อย “ลู่ข่ายก็หน้าตาไม่แย่เช่นกัน”

“เช่นนั้นก็เพราะความที่ท่านเป็นที่ชื่นชอบของสหาย?” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ซ่งสวินขมวดคิ้วแน่น พลันรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มาก

แม้ว่าข้างกายลู่ข่ายมีคนประจบเอาใจอยู่จำนวนหนึ่ง แต่คนเหล่านั้นก็แค่ยกยอปอปั้นวงศ์ตระกูลขุนนางของลู่ข่ายเท่านั้น โดยปกติแล้วลู่ข่ายไปไหนมาไหนตามลำพัง ส่วนเขา ข้างกายมีสหายคนสนิทที่แสนดีค่อนข้างมากจริงๆ อีกทั้งการพูดการจาก็ไม่เลวเช่นกัน…

แต่ต้องเล่นงานเขาเพื่อเรื่องเช่นนี้ ลู่ข่ายก็ออกจะ…ใจแคบเกินไปแล้ว

“ช่างเขาเถอะเจ้าค่ะ” ซ่งอิงฉีกยิ้มกว้าง “ท่านพี่ ท่านต้องนำของสิ่งนี้มอบให้อาจารย์ให้ได้นะเจ้าคะ อืม…เอาแบบนี้แล้วกัน! ท่านเอาไปหลายๆ ชิ้นหน่อย บรรดาอาจารย์ต้องสอนโดยไปห้องนู้นทีมาห้องนี้ที หากมีอาจารย์สักคนมาซื้อ เช่นนั้นก็จะได้นักเรียนห้องหนึ่งมาเพิ่ม”

“ตกลง” ซ่งสวินถอนหายใจ น้องสาวคนนี้ของเขาช่างฉลาดแกมเจ้าเล่ห์จริงๆ “ใบไม้เยอะขนาดนี้ ก่อนอาทิตย์อัสดงหากขายไม่หมดก็เอาไว้ก่อน รีบกลับบ้านแต่หัววันหน่อย”

ซ่งอิงพยักหน้ารับ

ซ่งสวินเดินจากไปพร้อมใบไม้สามสิบสี่สิบใบ หลังกลับเข้าไปก็รีบไปหาอาจารย์ผู้สอนหนังสือทันที

เดิมทีอาจารย์ก็ชื่นชอบเขาอยู่แล้ว ยามนี้มองเห็นสิ่งของที่เขาเอามาให้ก็เปี่ยมไปด้วยความสุขใจ

ที่คั่นใยใบไม้ที่ซ่งอิงทำนี้สวยงามจริงๆ มีการออกแบบที่ดูแตกต่าง โดยเฉพาะบัดนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อีกไม่นานก็จะถึงฤดูกาลที่เหี่ยวเฉาไปเสียทุกสรรพสิ่ง ใยใบไม้นี้จึงมองดูเข้ากับบรรยากาศอย่างยิ่ง

แต่ด้วยความที่ยามที่ซ่งสวินนำสิ่งของมอบให้ยังเป็นการอยู่ต่อหน้าอาจารย์ท่านอื่นๆ อีกด้วย อาจารย์ผู้สอนหนังสือของชั้นเรียนที่แสนชาญฉลาดนี้จะรับเอาไปคนเดียวก็คงไม่ดีนักเช่นกัน จึงนำที่คั่นหนังสือแบ่งๆ กันไป

สิ่งของที่ซ่งอิงขายค่อนข้างดูสะดุดตา ด้านนอกนี้ก็มีนักเรียนที่ผ่านทางมาไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งหลังพวกเขามองเห็นก็ชื่นชอบอย่างยิ่ง จึงเดินเข้ามาซื้อกันไปจำนวนหนึ่ง

ด้วยเหตุนี้ผ่านไปไม่นานนัก ในสถานศึกษาก็มีคนจำนวนไม่น้อยใช้ที่คั่นหนังสือฝีมือซ่งอิง

ซ่งอิงรอคอยอย่างใจเย็น

คาดว่าหลังเลิกเรียน กิจการของนางน่าจะดียิ่งขึ้นกว่านี้

ในเวลาเดียวกันนี้ การแข่งขันของร้านชุ่ยเหยียนไจและโรงอี้จวินก็ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

ทั้งสองร้านล้วนมียาสระผม แต่ร้านชุ่ยเหยียนไจมีสองราคา ซึ่งในนั้นราคาถูกกว่าโรงอี้จวิน อีกทั้งร้านชุ่ยเหยียนไจรับประกันดิบดีว่าส่วนประกอบตำรับที่ใส่ลงไปในนั้นไม่ด้อยไปกว่าโรงอี้จวิน ด้วยเหตุนี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยจึงพากันไปอุดหนุน

แน่นอนว่า เพียงแค่มองดูคึกคักขึ้นมาหน่อยก็เท่านั้น ราคาถูกถึงเพียงนี้ย่อมทำเงินได้ไม่มากมายสักเท่าไร

ชุ่ยเหยียนไจก็แค่อยากข่มกิจการของโรงอี้จวิน ไว้เมื่อยาสระผมของโรงอี้จวินขายไม่ดีแล้ว พวกเขาก็ย่อมไม่ขายยาสระผมที่ทำเงินได้น้อยนิดประเภทนี้แล้วเช่นกัน

ตอนที่ 428 เงิน

สองวันก่อน ทางด้านร้านชุ่ยเหยียนไจมีลูกค้ามาไม่ขาดสาย แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ผู้ดูแลร้านของชุ่ยเหยียนไจพลันรู้สึกถึงความผิดปกติ

“ไฉนคนจึงน้อยเพียงนี้เล่า หรือว่าทางด้านโรงอี้จวินใช้กลยุทธ์อะไรขึ้นมาอีกแล้ว หรือว่าพวกเขาลดราคายาสระผมลงอีกแล้วหรือ” ผู้ดูแลร้านสงสัยเล็กน้อย

แต่นี่หากจะให้ลดราคายาสระผมถูกลงไปอีก เกรงว่าโรงอี้จวินก็จะทำเงินไม่ได้เช่นกันกระมัง

คิดจะแข่งกัน โรงอี้จวินยังห่างชั้นกว่าร้านพวกเขาโข!

“ผู้จัดการร้าน ร้านพวกท่านไม่มีสบู่หอมใช่หรือไม่” ขณะคิดอยู่นั้น มีลูกค้าเอ่ยถามขึ้นมา

“สบู่หอม?” ผู้ดูแลร้านสีหน้าแข็งทื่อไป “ฮูหยิน ไม่สู้ลองดูเป็นจ่าวโต้วจะดีกว่า ใช้แล้วกลิ่นหอมคลุ้ง และทิ้งกลิ่นติดทนนาน…”

“ข้าต้องการสบู่หอม จะเอาจ่าวโต้วไปทำอะไรกันเล่า” สตรีผู้นั้นขมวดคิ้ว “จ่าวโต้วราคาแพงขนาดนั้น ใช้ซักเสื้อผ้าจะไม่เป็นการสิ้นเปลืองแย่หรือ ใช้สบู่หอมยังดีกว่าหน่อย นอกจากซักได้สะอาดแล้วยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วย ข้านึกว่าร้านพวกเจ้าเริ่มวางขายแล้วเสียอีก จริงๆ เล้ย ร้านค้าใหญ่โตเพียงนี้ยังสู้โรงอี้จวินไม่ได้เลย…”

“อะไรนะขอรับ โรงอี้จวิน?!” ผู้จัดการกร้านตระหนกตกใจ “ฮูหยินหมายความว่าโรงอี้จวินมีสบู่หอมขายหรือขอรับ”

“ก็ใช่น่ะสิ เพิ่งเห็นคนเดินออกมาจากที่นั่น ข้าคิดอยู่ว่าข้าเป็นลูกค้าประจำของร้านเจ้า จึงมาดูที่ร้านเจ้าก่อน แต่ใครจะรู้ว่า…ช่างเถอะ ข้าไปโรงอี้จวินก็แล้วกัน ได้ยินว่าในสบู่หอมที่เถ้าแก่เหนียงผู้นั้นขายใส่ดอกไม้ลงไปด้วยละ…” สตรีผู้นั้นกล่าวจบก็หันขวับเดินจากไปทันที

ผู้จัดการร้านสีหน้าอึ้งทึ่งไปเล็กน้อย

ดอกไม้?! ในเหล่าเครื่องประทินโฉมที่ร้านพวกเขาก็ใส่ดอกไม้ไว้ทั้งนั้นเช่นกันละน่า

“ยังมัวตะลึงงันอะไรอยู่อีก! รีบหาคนไปสอดส่องดูสิ!” ผู้จัดการร้านโมโหจนอยากเขวี้ยงสิ่งของ

ยาสระผมก่อนหน้านี้ตามจริงก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้ใหญ่โต ที่เล่นงานโรงอี้จวินนั่นก็เพื่อภาพลักษณ์ของร้านชุ่ยเหยียนไจเท่านั้น และอยากทำให้ร้านค้าเครื่องประทินโฉมในตัวอำเภอจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า อย่าได้คิดก้าวล้ำร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเขาไปเชียว

แต่ไม่คาดคิดว่า ทางด้านเขานี้เพิ่งคิดค้นยาสระผมขึ้นมาได้ ทางด้านนั้น โรงอี้จวินก็วางขายสบู่หอมได้แล้ว!?

“เราไปลองดูที่เมืองยงบ้าง แล้วนำสินค้าเข้ามาในร้านสักหน่อยจะดีกว่านะขอรับ” ลูกน้องของผู้จัดการร้านกล่าว

“เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากทำเช่นนั้นหรือ ข้าไปสืบถามมาตั้งนานแล้ว ร้านนั้นขายดิบขายดี ปัจจุบันคนที่รอซื้อสบู่ต่อคิวยาวไปถึงสองเดือนแล้ว! นี่ยังไม่นับว่าร้านค้าแห่งนั้นยังไม่คิดจะขายสินค้าราคาส่งให้ผู้รับซื้อสินค้ารายอื่น ต่อให้มีการขายส่ง คาดว่าอยากจะเอาสินค้าเข้าร้านก็ต้องรอถึงปีหน้าจึงจะได้!” ผู้จัดการร้านไม่เข้าใจอย่างยิ่งว่าสรุปแล้วโรงอี้จวินไปได้ช่องทางไหนมา

ร้านค้าในเมืองยงแห่งนั้นเพิ่งเปิดกิจการไม่นาน สบู่หอมก็เป็นสินค้าตัวใหม่เช่นกัน น่าจะหวังให้สบู่หอมนี้ช่วยสร้างชื่อเสียงโด่งดังกระมัง!

ร้านตัวเองสินค้ามีไม่มากพอ จึงไม่พอขาย แล้วจะให้คนอื่นมากอบโกยผลประโยชน์ดีๆ ไปได้อย่างไรเล่า

หรือว่าโรงอี้จวินคิดค้นสูตรขึ้นมาด้วยตนเอง?

ผู้จัดการร้านครุ่นคิด รู้สึกว่าเช่นนี้ค่อยมีความเป็นไปได้มากขึ้นหน่อย

แต่…

หลังจากเขาหาคนลองทำดู ความยากของสบู่หอมที่ว่านี้ ยากเย็นกว่ายาสระผมนั่นมาก บางทีในส่วนประกอบอาจใช้ของที่พอๆ กับตับอ่อนหมูและขี้เถ้าพืช แต่ของลักษณะนั้นคืออะไร คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกเลยจริงๆ!

ผู้จัดการร้านร้อนใจเล็กน้อย หลักผ่านไปไม่นานนัก คนที่ออกไปสืบถามก็กลับมาแล้วเช่นกัน

“ผู้จัดการร้าน…สืบถามได้ความมาแล้วว่า ว่าเป็น…แม่นางผู้นั้นที่เอายาสระผมมาฝากขายก่อนหน้าเป็นคนทำออกมา สบู่เหล่านั้นที่ขายอยู่ตอนนี้ดีกว่าของที่ขายในเมืองยงด้วยขอรับ ในสบู่แต่ละก้อนใส่ดอกไม้จริงลงไปด้วยหนึ่งดอก…”

เมื่อสิ้นเสียงคำพูดดังกล่าว ผู้ดูแลร้านตระหนกตกใจจนอ้าปากค้าง

เป็นหญิงชาวบ้านผู้นั้นอีกแล้วหรือ!

ก็แค่หญิงชาวบ้านคนหนึ่งเท่านั้น ไฉนจึงคิดค้นสิ่งของประเภทนี้ออกมาได้?!

“นี่จะทำอย่างไรกันดี หรือไม่…ยอมจ่ายเงินราคาสูงเพื่อจ้างคนเขามา?” ผู้ดูแลงานในร้านร้อนใจเช่นกัน

“ต้องจ้างมาให้ได้! สบู่หอมนี้ใช้งานสะดวกสบาย ราคาก็ไม่แพง ไม่ช้าก็เร็วจะขายได้ทั่วสารทิศ! นี่เป็นเงินมหาศาลเห็นๆ!”