ตอนที่ 248 โลลิแห่งสวรรค์

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

248 นักรบแห่งสวรรค์

 

พวกเราขับม้าจักรกลมาเรื่อย ๆ จนเข้ามาถึง「ขอบสีขาว」เจ้าปัญหา

 

ว่าแล้วเป็นกระดูกจริงด้วย

มีจำนวนมหาศาล หลายชิ้นก็อยู่มานานหลายปี บางอันก็ค่อนข้างใหม่

 

และทั้งหมดก็ใหญ่โตมาก

ฉันคิดว่าน่าจะเป็นกระดูกของสัตว์บางอย่าง แต่ยังไงก็ตามเนื่องจากพวกมันมีขนาดใหญ่มาก ฉันจึงสงสัยว่าพวกมันจะมาจากสายพันธุ์เดียวกันหรือเปล่า 

กระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนที่กองอยู่รอบ ๆ มัหลายชิ้นที่ใหญ่กว่าผู้ใหญ่ตัวโต ๆ ทั้งยังทับกันหนามากจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งได้

 

แล้วก็กลิ่น

 

ขณะที่พวกเราเข้าใกล้ป่าโดนหลีกเลี่ยงกองกระดูก กลิ่นหอมอันหอมหวานก็ลอยมาตามอากาศ เป็นส่วนผสมของกลิ่นที่คุ้นเคยมากมาย

ฉันคิดว่ามันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากกลิ่นมดที่ฟุ้งไปทั่วบริเวณใกล้กับป้อม

 

กลิ่นของดอกไม้ที่มีกลิ่นแรงเหมือนน้ำหอม

กลิ่นของผลไม้ที่สุกจนร่วงหล่น

แล้วฉันรู้สึกได้กลิ่นของแอลกอฮอล์เล็กน้อยอาจมาจากการเน่าเปื่อย

 

――ฉันแน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะถูกดึงดูดเข้ามาด้วยกลิ่นนี้

 

แมลงและสัตว์ที่กินแมลงเป็นอาหารก็ด้วย

และแน่นอน แม้แต่มนุษย์อย่างพวกเรา

 

หลังจากมองหาช่องว่างและทะลุผ่านชั้นกระดูกมาได้――

 

“เอ๊ะ……!?”

 

ริโนกิสรู้สึกประหลาดใจจนอุทานด้วยเสียงที่แม้แต่เสียงของแหล่งพลังงานก็ไม่สามารถลบล้างได้

 

“ไม่มีทาง……นี่มันหรือว่า……”

 

แน่นอนว่าฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน

 

――สิ่งที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่ป่า

 

――มันเป็นต้นไม้ขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยใบสีเขียวนับไม่ถ้วนจนมีขนาดเท่าป่าเล็ก ๆ

 

ไม่สิ ไม่ใช่แค่ต้นเดียว

หากมองใกล้ ๆ แม้จะเห็นเป็นเหมือนพุ่มไม้ แต่ยังสามารถเห็นต้นไม้อยู่ตรงนั้นตรงนี้ได้ 

 

และพรมดอกไม้หลากสีสันแผ่กระจายอยู่ตรงโคนต้นไม้ยักษ์

 

“……สวรรค์”

 

ใช่――จากที่เห็นภายนอก นี่เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกราวกับสวรรค์อันลึกลับ

 

ทว่ามันเป็นเพียงรูปลักษณ์

 

 

 

ขณะที่ฉันสังเกตฉากที่สวยงามและลี้ลับนี้อย่างใกล้ชิดซึ่งให้ความรู้สึกไม่เหมือนความเป็นจริง ฉันได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง

 

“ไม่ใช่ป่า เป็นแค่ต้นไม้สินะคะ……”

 

“นั่นสินะ”

 

อย่างที่ริโนกิสพูด ไม่มีป่าอยู่ที่นี่

เมื่อมองจากด้านบน พวกเขาไม่สามารถมองเห็นเป็นต้นไม้ได้เนื่องจากมีใบไม้อันเขียวชอุ่มหนาทึบ  

 

ถึงกระนั้นก็ยังเป็นต้นไม้ที่ใหญ่มาก

แม้หนทางยังอีกยาวไกล แต่ฉันคิดว่ามันก็ยังใหญ่เอาเรื่องเลยล่ะ ในแง่ของอายุมันคงจะมีชีวิตอยู่นับพันปี

 

ต้นไม้เพียงต้นเดียวที่ดูเหมือนป่า

ถ้าได้ดูใกล้ ๆ กว่านี้คงต้องน่าทึ่งมากแน่ ๆ

 

“นั่นคือต้นไม้โลกที่ปรากฎในเทพนิยายเก่า ๆ หรือเปล่าคะ……”

 

“ก็อาจจะเป็นแบบนั้น……”

 

ต้นไม้โลก

ไม่ว่าใครก็คงเคยได้ยินเกี่ยวกับต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งค้ำจุนโลกมาก่อน ใบมีคุณสมบัติเป็นยาที่สุดยอดอย่างเหลือเชื่อ ว่ากันว่าหากต้นไม้โลกตาย โลกก็จะตายไปด้วย

 

แม้แต่ฉันก็ไม่รู้รายละเอียด นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้

 

นั่นคือต้นไม้โลก อย่างงั้นเหรอ

มันใหญ่มากจนปฏิเสธไม่ได้ ฉันจึงตอบได้แค่「ก็อาจจะเป็นแบบนั้น」…… 

 

……หรือว่าบางที อาจจะเป็นต้นไม้โลกจริงก็ได้

 

พุ่มไม้และดอกไม้บานสะพรั่งรอบต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ม๊า สงสัยว่าน่าจะเรียกว่าลักษณะท้องถิ่นได้ล่ะมั้ง การที่ทุกอย่างมีขนาดมหึมาเช่นนี้

 

และ――

 

“คะ คุณหนูคะ……มีด้วยค่ะ แมลง……”

 

อืม มีล่ะ

 

มีผึ้งยักษ์หลายตัวบินไปเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ ดูเหมือนพวกมันจะไม่สังเกตเห็นพวกเรา

 

“――เกะっ”

 

ดูเหมือนริโนกิสจะเห็นบางอย่างเข้าแล้ว

ที่จริงฉันก็กำลังมองอยู่เหมือนกัน

 

บางที น่าจะเป็นผึ้งตัวเดียวกันที่อยู่ใกล้ที่สุด

เมื่อไล่สายตามองตามมันไป

 

เมื่อมองให้ดีแล้ว จะสามารถเห็นวัตถุทรงกลมที่ดูเหมือนรังผึ้งตามกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ที่เหมือนต้นไม้โลกที่ทำให้เกิดเงาทอดลึก ฉันเห็นฝูงผึ้งบินวนเวียนกลับไปยังสถานที่แห่งนั้น

 

……ฟุอืม เข้าใจล่ะ

 

“ริโนกิส ฉันแน่ใจว่านั่นคือความลับแห่วผืนดินของทวีปมาเวเลียล่ะ”

 

“ดิฉันเห็นด้วยเลยค่ะ……”

 

น้ำผึ้งล่ะ

น้ำผึ้งที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นน้ำหวานที่เก็บมาจากดอกไม้ที่อยู่ตรงโคนที่น่าจะได้รับพรจากต้นไม้ใหญ่ที่เหมือนต้นไม้โลกโดยตรง ฉันจินตนาการไม่ออกเลยราคาจะเท่าไหร่――

 

ทว่า แม้แต่ในความคิดของมือสมัครเล่น ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแค่เพราะน้ำผึ้ง

ฉันรู้สึกว่ามันเป็นแหล่งกำเนิดของโลกที่อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง และการเติบโตมหาศาล

 

ม๊า ถ้าจะพูดถึงแหล่งที่มาก็อาจจะเป็นต้นไม้ยักษ์ต้นนั้นก็ได้ แต่

 

――แต่ฉันจะทิ้งเรื่องของรายละเอียดไว้ให้กับผู้เชี่ยวชาญ

 

“ลองเข้าไปดูกันเถอะ”

 

“เอ๊ะっ!?”

 

ข้างหน้าจากนี้ไป มีความลึกประมาณเข่า แต่เป็นสวนดอกไม้

แล้วก็ฉันลังเลที่จะขับม้าจักรกลเข้าไป

 

“อะ อันตรายนะคะ! ผึ้งพวกนั้นบินกันเร็วมาก!”

 

“ไม่เป็นไรหรอก เพราะมันเป็นแค่ผึ้งจริงไหม”

 

ถึงตัวจะใหญ่มากจนเกินมาตรฐาน ถึงจะใหญ่เท่าตัวฉัน แต่ฉันแน่ใจว่าพวกมันไม่มีเหล็กใน

ที่จริงพวกมันไม่มองทาทางฉันด้วยซ้ำ และตราบใดที่ฉันไม่ยุ่งกับพวกมัน ฉันมั่นใจว่าจะต้องไม่เป็นไร

 

“นอกจากนี้――ดูเหมือนว่ามีลูกค้าอยู่ข้างหน้าล่ะ”

 

“……อะ มีจริงด้วยสินะคะ?”

 

มีอยู่

คนดูแลที่นี่ไม่ใช่ผึ้ง

 

ทันทีที่ข้ามชั้นกระดูกเข้ามา ฉันก็รู้สึกได้ถึงดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนที่จ้องมองมาที่ฉัน

 

ฉันแน่ใจว่านี่คือชายแดน

จากจุดนี้ไป――เมื่อคุณก้าวเข้าไปในสวนดอกไม้ ผู้พิทักษ์ของที่นี่จะปรากฏตัวขึ้น

 

และจากนั้น ฆ่าศัตรูจากภายนอก ในบางกรณีก็จะกิน แล้วก็ทิ้ง……ด้วยการโยนออกไปนอกสวนดอกไม้ล่ะมั้ง

นั่นคือตัวตนที่แท้จริงของชั้นกระดูก

 

“ไม่มีทางที่จะมาไกลขนาดนี้แล้วจะไม่เข้าไปจริงไหม”

 

ต้องอยู่ที่นี่แหละ

สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปนี้

 

 

 

 

 

 

ทันทีที่ฉันได้เห็น ฉันก็อดหัวเราะไม่ได้

 

“ริโนกิส ฉันดีใจจริง ๆ ที่เธอมาด้วย”

 

“นะ นั่น แย่แล้วไม่ใช่เหรอคะ……!”

 

แย่

ใช่แย่แน่นอน

 

ทว่า สำหรับฉันมันเป็นสิ่งที่ทำได้ฉันยินดีเท่านั้น

 

ช่างน่าตื่นตาตื่นใจจริง

พวกมันปกคลุมไปด้วย「คิ」 พวกมันเป็นคนที่เกิดจากการวิวัฒนาการจากสัตว์

 

“เข้าใจคำพูดไหม? เป็นไปไม่ได้สิน๊า? แต่ จริงด้วยสินะ ก่อนอื่นฉันจะตั้งชื่อให้แล้วกัน――ลิงนักรบ(บูเอ็น)กับหมีนักรบ(บูยู)ก็แล้วกันเน๊ะ”

 

――เมื่อพวกเราก้าวเท้าเข้าไปในสวนดอกไม้ ลิงและหมีที่ซุ่มซ่อนอยู่ทุกหนทุกแห่งก็ออกมายืนขวางทางพวกเรา

 

มีลิงเก้าตัว

มีหมีสี่ตัว

 

ตัวที่มีสองหัวท่าทางเหมือนกับบอสซึ่งมีรอยแผลเป็นนับไม่ถ้วนทั่วร่างกายยืนพิงต้นไม้ใหญ่ ส่วนลิงและหมีตัวอื่นก็โอบล้อมพวกเรา

 

อ๊าาาาา โลกช่างกว้างใหญ่

 

จากเส้นทางนี้ คนเหล่านี้เข้าใจวิถีศิลปะการต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด

ลิงบางตัวถืออาวุธ หมีจะยืนด้วยสองขาหลังเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว

 

และเหนือสิ่งอื่นใด――ฉันรู้สึกได้เลยถึง「คิ」อันดิบเถื่อนจากพวกเขา

 

“คูๆๆๆๆ、โฮกกกกกก――”

 

“คะ คุณหนูคะ……!?”

 

ไม่รู้สึกอยากหัวเราะเหรอ

เดิมทีศิลปะการต่อสู้ อาวุธ และ「คิ」ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยให้มนุษย์ใช้ต่อสู้กับศัตรูที่ไม่ใช่มนุษย์ 

 

วิธีการใช้กำลังที่เหมาะสมที่สุด

วิธีทำลายล้างที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

เทคนิคที่พัฒนาจนถึงขีดสุดเพื่อฆ่าสิ่งมีชีวิต

 

นั่นคือศิลปะการต่อสู้ที่มนุษย์สร้างและประสบความสำเร็จ

 

――แล้ว ลิงกับหมีพวกนี้ล่ะ?

 

ฉันแน่ใจว่ามันเหมือนกัน

สัตว์เหล่านี้ได้ใช้ร่างกายของพวกเขาในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการฆ่าศัตรูจากต่างถิ่น เพื่อต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามาอย่างยาวนาน

 

พวกเขาบรรลุเป้าหมายในการแข็งแกร่งขึ้นด้วยเหตุผลนั้น

เข้าสู่วิถีแห่งศิลปะการต่อสู้

 

“ศิลปะการต่อสู้เป็นสิ่งที่คุณสามารถแสวงหาได้หลังจากรู้จุดอ่อนของตัวเองแล้วเท่านั้น น่าหัวเราะดีใช่ไหม? พวกเราต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อต่อสู้กับสิ่งเหล่านั้น แต่พวกเขาก็ต้องการสิ่งเดียวกันกับมนุษย์ ผลลัพธ์จึงเป็นเช่นนั้น”

 

เป็นเรื่องราวที่น่าขันและน่ากลัว

ผู้ที่แข็งแกร่งตามธรรมชาติได้พบวิธีการที่จะแข็งแกร่งขึ้นซึ่งถูกคิดค้นโดยคนอ่อนแอที่ต้องการจะแข็งแกร่งขึ้น

 

“คนพวกนี้ไม่ต่างจากนักรบ ส่วนข้อพิสูจน์ก็――พวกเขาไม่บุกเข้ามาหาพวกเรา”

 

ถ้าพวกเขาโจมตีพร้อมกันด้วยจำนวนขนาดนี้ก็ทำได้ทันที แต่พวกเขาก็ไม่ขยับ

ถึงแม้ว่าจะแสดงท่าทีคุกคาม แต่ก็ยังไม่โจมตี

 

พวกเขากำลังแสดงเจตจำนงว่าหากพวกเราหันหลังกลับตอนนี้พวกเขาจะยอมปล่อยไป

ฉันรู้สึกเคารพพวกเขา แม้ว่าจะเป็นเพียงสัตว์ร้ายก็ตาม

 

แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเขารู้จุดอ่อนของตัวเอง

ยิ่งคุณเข้าใจตัวเองมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีความสุภาพมากขึ้นเท่านั้น และคุณจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้มากขึ้นตามไปด้วย 

 

และฉันแน่ใจว่ามันจะเป็นแบบตัวต่อตัว

อย่างน้อยที่สุด ถ้าเกิดมีแค่หนึ่งคน หนึ่งสัตว์ หนึ่งหัว มุ่งหน้ามาหาพวกเรา

 

น่าจะเป็นนักรบมากกว่าที่คิดไม่ใช่หรือไง

ฉันแน่ใจว่าพวกเขาไม่เข้าใจคำศัพท์ แต่――ฉันรู้สึกว่าตรรกะของศิลปะการต่อสู้นั้นสมเหตุสมผล

 

“มาลองดูกันสักหน่อยไหม?”

 

“ค่ะ……คุณหนูคะ ไม่ดูสนุกเกินไปหน่อยเหรอคะ……?”

 

ฉันก็มาเพื่อที่จะได้สนุกตลอดทางให้เต็มที่ไง ดังนั้นแล้วทำไม่จะไม่สนุกล่ะ

 

“คะ คุณหนู! ไม่ได้นะคะ!”

 

ฉันก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจริโนกิส ลิงนักรบที่สุดขอบนั้น ……แม้ว่ามันจะตัวใหญ่สำหรับลิง แต่มันก็มีขนาดประมาณกลาง ๆ ในบรรดาพวกนี้เท่านั้น ฉันชี้ไปที่ลิงตัวนั้น

 

“เคี๊ยก? กี้กี๊!!”

 

เมื่อฉันกวักมือเรียก ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร และร้องเสียงแหลมอย่างมีความสุข――ทว่าเขาก็เดินตรงเข้ามาด้วยรอยยิ้มไม่เกรงกลัว

 

ตามที่คาดไว้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ออกมา

คนอื่น ๆ ส่งเสียงร้องและคำราม แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครออกมาอีก

 

“――ริโนกิส นั่นน่ะ แข็งแกร่งพอ ๆ กับเธอเลย พยายามเอาชนะให้ได้ล่ะ”

 

“เอ๋っ!? ดิฉัน!?”

 

“เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมเลยล่ะ ดังนั้นจงลุยซะ ――ถ้าหากแพ้ ฉันจะให้เธอมุ่งความสนใจไปที่การฝึกฝนอย่างเดียวสักพักหนึ่ง”

 

“เอ๋っ!? ฉันต้องทำขนมนะคะ!?”

 

“ฉันจะฝากเรื่องขนมไว้กับซาคุมะ”

 

“จ๊า แล้วการบ้านของคุณหนูล่ะคะ!? การดูแลพวกเด็ก ๆ ล่ะคะ!? การซื้อของอีก!?”

 

“ฉันจะฝากทุกอย่างไว้กับซาคุมะ”

 

“ถะ ถึงดิฉันจะพูดเอง แต่พึ่งพาซาคุมะซังได้มากขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันค๊า!?”

 

“ช่างมันเถอะน๊า รีบไปเร็วเข้า! อย่าชักช้าสิ!”

 

ฉันตั้งตาคอยที่จะได้ต่อสู้กับบอสลิงบอสหมีแสนพิเศษอยู่นะ! จัดการให้เร็วเลย!

 

 

 

 

「กริ๊ด! กริ๊ด!」ริโนกิสยืนอยู่ต่อหน้าลิงนักรบซึ่งกำลังแสดงท่าทางที่คล้ายกันบางอย่าง และเริ่มเคลื่อนไหวเหมือนนักรบมากขึ้นเรื่อย ๆ 

 

“……”

 

“……”

 

การเคลื่อนไหวของลิงนักรบมาหยุดลงในตำแหน่งเดียวกันกับริโนกิสซึ่งจากที่ไม่เต็มใจ ในที่สุดก็ดูเหมือนจะมีแรงจูงใจ

 

ทุกอย่างเงียบสงัด

มีเพียงเสียงของผึ้งที่บินหึ่ง ๆ และเสียงใบไม้ที่ไหวไปตามกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่เท่านั้น

 

“――โก๊กกกกกก!!!!」

 

บอสหมีคำรามด้วยเสียงอันก้องกังวานจากในท้องของเขา

 

มันคือสัญญาณให้เริ่ม

คุณมีแนวคิดแบบนี้ด้วยหรือ ทำให้ฉันประหลาดใจได้เสมอเลย

 

ริโนกิสเข้าใจได้โดยสัญชาตญาณว่านั่นคือ สัญญาณ ทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณ――เธอปล่อย「คิเคน・เสียงอัศนี」ที่เป็นดังแสงวาบจากร่างกายที่ส่งเสียงราวกับสายฟ้าที่เกิดจากการก้าวเท้าที่เร็วสุด ๆ

 

นั่นเป็นความเร็วที่สมบูรณ์แบบ

 

แม้ว่าตอนที่อยู่ที่อาณาจักรอาร์ตัวร์ มันจะยังไม่มั่นคง แต่การฝึกฝนที่เธอทำอย่างต่อเนื่องหลังจากมาที่มาเวเลียนั้นไม่ได้สูญเปล่า เป็นการโจมตีที่ดีมากในช่วงเริ่มต้นของการเผชิญหน้า

 

 

 

กลีบดอกไม้เริงระบำไปตามแรงเตะที่พุ่งไปข้างหน้า

 

“นะっ……!?”

 

พร้อมกันกับลิงนักรบ

 

――นี่มันช่างน่ารื่นรมย์เหลือเกิน หลบได้ ลิงตัวนั้น

 

 

 

 

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

 

คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ 

{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}

 

ขอบคุณ คุณCHA***AI KIMN SCB X-2478 มาก ๆ ครับ

ขอบคุณ คุณนิรนาม กสิกรไทย X-2186 มาก ๆ ครับ

ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ

ขอบคุณงับ

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

ไร้สาระ

หลังจากที่ไว้ผมฟูหนามานาน วันนี้พอไปตัดผมมาเท่านั้นแหละ ปวดหัวเลย ฮา สงสัยไว้ยาวบังลมบังแดดมานาน พอเปิดโล่งหน่อยเลยไม่ชิน