ตอนที่ 240 คาดเดา

ตอนที่ 240 คาดเดา

ซูเถาจ้องไปที่หลิวพ่านพ่าน และตะโกนออกมาทันที “แม่?!”

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันตกตะลึง ทำไมเถ้าแก่ซูถึงเรียกหลิวพ่านพ่านว่าแม่?

หลิวพ่านพ่านค้างไปอยู่สองวินาที จากนั้นก็หัวเราะออกมา “เถ้าแก่ซู เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”

ผู้อาวุโสเหม่ยมองไปที่ซูเถาด้วยความกังวล โดยคิดว่าเธอคงคิดถึงพ่อแม่ของตนเอง แต่ถ้าเกิดเธอคิดถึงคนในครอบครัวซู…เธอก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ

ซูเถาจับมือหลิวพ่านพ่านด้วยสีหน้าจริงจัง เธอต้องการ ‘ดู’ ภาพเมื่อครู่นี้อีกครั้ง

แต่คราวนี้ความสามารถของเธอไม่ได้ตอบสนองอะไร จึงไม่สามารถเห็นภาพนี้ได้อีก

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิวพ่านพ่านก็กลั้นยิ้มไว้ เธอกระวนกระวายใจที่จะถามอะไรบางอย่าง แต่แล้วซูเถาก็ถามเธอออกมาด้วยความประหลาดใจ

“คุณ…เคยเจอโบนวิงส์ไหม?”

หลิวพ่านพ่านไม่เข้าใจ เธอจึงถามว่า “อะไรนะ”

ซูเถาเงียบไปครู่หนึ่งและเริ่มคิด

เธอ ‘เห็น’ โบนวิงส์

ดูเหมือนว่าจะโตขึ้นมาก และรูปลักษณ์ของมันไม่ใช่เด็กอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นเด็กหนุ่ม แต่สิ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงคือปีกสีแดงเลือดคู่หนึ่ง และดวงตาที่แปลกประหลาด

เธอ ‘เห็น’ มันสอดเดือยกระดูกเข้าไปในหน้าอกของหลิวพ่านพ่าน

หลิวพ่านพ่านจ้องมองมัน จากนั้นก็ค่อย ๆ ล้มลง ริมฝีปากของเธอขยับ พยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงได้

โบนวิงส์มองเธออย่างเย็นชา รอให้เธอตายก่อนที่จะกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน และพูดประโยคที่สะเทือนใจออกมาช้า ๆ

“แม่ แบบนี้แม่จะทิ้งผมไม่ได้อีกแล้ว”

ซูเถาหลับตาลง จากนั้นก็ลืมตาขึ้นเพื่อมองหลิวพ่านพ่านที่ยังมีชีวิตต่อหน้าเธอ และคาดเดาอย่างน่ากลัวในใจ

เธอหลุบตาลง ขนตาสั่นไหวพร้อมกับหายใจถี่

เมื่อเห็นเธอเช่นนี้ หลิวพ่านพ่านยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น และยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยความตื่นกลัว

ผู้อาวุโสเหม่ยไม่เคยเห็นซูเถาเป็นแบบนี้มาก่อน เขานั่งตัวตรงและพูดอย่างจริงจัง

“หนูเถา เกิดอะไรขึ้น”

ซูเถาเงยหน้าขึ้นเม้มปากและส่ายหัว จากนั้นหันสายตาไปที่หลิวพ่านพ่านอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงปกติและผ่อนคลาย

“พี่พ่าน จู่ ๆ ฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้ น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องขอความช่วยเหลือจากพี่”

หลิวพ่านพ่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่แท้เธอก็มีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ จึงยิ้มและพูดว่า

“มีเรื่องอะไรเหรอ ฉันตกใจกลัวแทบตาย คุณอยากให้ฉันช่วยอะไรเหรอเถ้าแก่ซู บอกฉันได้เลย”

ซูเถากล่าวว่า “ตอนนี้ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าขาดแคลนบุคลากร ฉันอยากจะขอให้พี่ทำมันสักพัก พี่มีความระมัดระวังและรอบคอบ เด็กเหล่านี้ไม่มีพ่อหรือแม่ ฉันเลยวางใจที่จะมอบหมายหน้าที่นี้ให้พี่ อาจจะประมาณสองเดือนค่ะ”

หลิวพ่านพ่านเหลือบมองไปที่ผู้อาวุโสเหม่ย “แล้วผู้อาวุโสเหม่ยล่ะ…. ใครจะดูแลเขา?”

อีกอย่างสิ้นเดือนนี้เราจะไปซินตูกัน

ผู้อาวุโสแก่ชราแล้ว จำเป็นต้องมีคนคอยดูแลเขา

ซูเถาปลอบโยนเธอ “ฉันจะหาคนที่เหมาะสมที่จะไปกับเราแทน ฉันคงต้องรบกวนพี่ช่วยดูศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าสักพัก”

เธอต้องการให้หลิวพ่านพ่านอยู่ในเถาหยางเป็นหลัก

ภาพที่เธอ ‘เห็น’ เห็นได้ชัดว่าอยู่ข้างนอก และกำลังเดินทางไปซินตู

เห็นได้ชัดว่าโบนวิงส์มาจากทางด้านหลังของหลิวพ่านพ่าน

ให้เธออยู่ในเถาหยาง จะปลอดภัยต่อชีวิตอีกฝ่ายที่สุด

หลิวพ่านพ่านไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสเหม่ยเห็นด้วยเธอตอบตกลงทันที

เธอยังคงมีความยินดีและมีความสุขมากที่ได้ช่วยเหลือเถ้าแก่ซู

“พี่พ่าน ฟังก์ชันการค้นหาผู้หายสาบสูญของเว็บไซต์อย่างเป็นทางการเถาหยางของเราเปิดตัวแล้ว พี่สามารถโพสต์ข้อมูลของเยี่ยนเยี่ยนบนนั้น บางทีพี่อาจจะได้รับข้อมูลอะไรบางอย่าง”

หลิวพ่านพ่านกล่าวอย่างซาบซึ้งใจว่า “คุณกานมาหาฉันแล้วในวันที่เปิดใช้งาน และมันถูกโพสต์ไปแล้ว”

แม้ว่าเธอจะรู้สึกอยู่ในใจว่าลูกชายของเธออาจจะจากไปแล้ว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…คนเราก็อยู่ได้ด้วยความหวัง

ซูเถาพยักหน้าและคิดว่าจะตรวจสอบเว็บไซต์ในภายหลัง

หลังจากนั้นเธอยังหารือเกี่ยวกับแผนของเถาฉือกับผู้อาวุโสเหม่ยและลูกศิษย์ของเขา

เมื่อการสนทนาสิ้นสุดลง เธอก็ตั้งใจว่าจะกลับออกไป แต่ผู้อาวุโสเหม่ยก็หาข้ออ้างเพื่อไล่หลิวพ่านพ่านออกไป เพื่อจะถามซูเถาอย่างตรงประเด็น

“เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวพ่าน?”

ซูเถาทำได้เพียงส่ายหัว “ฉันยังต้องตรวจสอบบางอย่าง ตอนนี้ฉันยังพูดอะไรมากไม่ได้”

ผู้อาวุโสเหม่ยไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก เขาเพียงแค่ถอนหายใจแล้วพูดว่า

“เสี่ยวพ่านเป็นคนเรียบง่ายและดูแลฉันเป็นอย่างดี ฉันดูแลเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเธอต้องทนทุกข์ทรมานมาก ฉันหวังว่าในอนาคตเธอจะมีชีวิตที่สงบสุขและราบรื่นมากขึ้น”

ซูเถาพยักหน้า “ตราบใดที่เธอไม่ออกไปนอกเถาหยาง เธอก็จะปลอดภัยตลอดไป”

ผู้อาวุโสเองก็เห็นด้วย

หลังจากออกจากห้องของผู้อาวุโสเหม่ย เจียงอวี่ก็ออกมาจากด้านหลังของเธอและพูดอยู่ข้าง ๆ เธอ

“ผู้อาวุโสเหม่ยคงเดาได้ว่าหลิวพ่านพ่านจะตายบนท้องถนน คุณเลยตัดสินใจไม่ให้เธอไป แล้วนี่ความสามารถของคุณจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า”

ซูเถากล่าวว่า “ผู้อาวุโสผ่านอะไรมามาก เขาคงจะมองออกและสามารถคาดเดาได้อย่างแน่นอน แต่ไม่ต้องกังวล ผู้อาวุโสเหม่ยเป็นคนที่ไว้ใจได้ แม้ว่าเขาจะสงสัยจริง ๆ ว่าฉันสามารถทำนายบางสิ่งได้ในอนาคต เขาก็จะกลืนมันลงท้อง และไม่พูดออกมาแม้แต่คำเดียว”

เจียงอวี่พยักหน้าและไม่พูดอะไรต่อ

ซูเถาก้มศีรษะลงเพื่อมองดูสตรอว์เบอร์รีในมือ ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างออก และไปที่ไร่เพื่อตามหาอู๋เจิ้น

อู๋เจิ้นจ้องมองสตรอว์เบอร์รีที่กำลังสุกและจดบันทึกลงไป เมื่อเขาเห็นเธอมา เขาก็ยืดตัวขึ้นพร้อมกับยิ้มและถามว่า

“วันนี้ว่างเข้ามาที่นี่เหรอ”

เมื่อเห็นว่าเธอถือสตรอว์เบอร์รีอยู่ในมือ เขาจึงถามอีกครั้งว่า “รสชาติเป็นยังไงบ้าง”

ซูเถาพูดอย่างตรงไปตรงมา “มันหวานกว่าของเจียงจิ่นเวยและใหญ่กว่า”

หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบออกมาอีกสองลูก แล้วก็ยื่นให้เธอกับเจียงอวี่คนละลูก

เจียงอวี่กัดไปหนึ่งครั้ง

อู๋เจิ้นมองไปที่เขาอย่างคาดหวัง

เจียงอวี่พยักหน้าอย่างไร้ความรู้สึกและพูดอย่างจริงใจ “มันอร่อย”

ซูเถาพูดด้วยรอยยิ้ม “เจียงอวี่ของเราซื่อสัตย์ที่สุด ถ้าเขาบอกว่าอร่อย ก็แปลว่าอร่อยจริง ๆ”

อู๋เจิ้นมีความรู้สึกถึงความสำเร็จอย่างมาก การดูไร่ดูสวนก็เหมือนกับการดูประเทศของเขา และเขาพูดด้วยความทะเยอทะยาน

“ผมต้องการให้ผลไม้และผักในเถาหยางของเราขายไปทั่วโลก”

ซูเถามองดูแสงในดวงตาของเขา และทันใดนั้นก็นึกถึงเขาที่จากโส่วอันมาเมื่อครึ่งปีก่อน เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจและให้กำลังใจเขา

“ถ้าคุณต้องการอะไร ก็แค่บอกฉัน”

ด้วยความกลัวว่าเขาจะโลภไม่รู้จบรู้สิ้นเหมือนครั้งที่แล้ว ซูเถาจึงหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “ยกเว้นที่ดิน”

อู๋เจิ้น “…” ดูเหมือนว่าเขาจะขาดสิ่งนี้

ซูเถายิ้มและพูดว่า “ถ้างั้นคุณเก็บสตรอว์เบอร์รีอีกสองตะกร้าให้ฉัน จากนั้นขอให้ ชีอวิ๋นหลันหาคนไปส่งที่บ้านครอบครัวซู เพื่อเป็นการไถ่โทษดีไหม?”

อู๋เจิ้นผงะไปครู่หนึ่ง และหลังจากรู้ตัวก็ยิ้มและพูดว่า “เถ้าแก่ คุณกำลังตบหน้าใครบางคนอย่างเงียบ ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่ามันเจ็บแค่ไหน”

เมื่อเจียงจิ่นเวยได้รับตะกร้าใบใหญ่สองใบ และมองไปที่ผลพายเบอร์รีสดที่อวบและฉ่ำราวกับว่ามีใครตบเธออย่างแรงที่ใบหน้า จนหน้าของเธอร้อนผ่าว

ถังโต้วร้องออกมาด้วยความประหลาดใจเมื่อเธอเห็นมัน และรีบวิ่งไปรับทันที

เจียงจิ่นเวยตบมือของเธอด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ “กิน กิน กินอยู่นั่น รู้เหรอว่ามันกินยังไง!”

ถังโต้วตกตะลึง เธอเริ่มเบะปาก และร้องไห้ออกมา

หลี่หรงเหลียนรีบเข้ามากอดเธอ

“ทำไมเธอถึงตีลูก? มันถูกส่งมาให้พวกเราทุกคนกินไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงไม่ให้ลูกกิน?”

เจียงจิ่นเวยอ้าปากค้าง “ให้เรากินเหรอ? เห็นได้ชัดว่าส่งมาตบหน้าฉัน!”