ตอนที่ 70-4 ท่านพี่ที่ชั่วช้า

เมื่อกล่าวเช่นนี้จบแล้ว เขาได้โยกตัวไปมาบนเก้าอี้ของตนเองและโยนลูกพีชที่กินเหลือครึ่งหนึ่งของตนเองออกไป

และความไกลของมันสามารถไปถึงหัวของหลี่หมินเอ และตกลงบนร่างของเด็กน้อย จากนั้นลูกพีชได้กลิ้งลงมาและตกลงบนพื้น

“เฮ้..เจ้า..!”

ขณะนี้ใบหน้าขาวใสของหลี่หมินเอมีร่องรอยเปรอะเปื้อนที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

เขาหันศีรษะเบา ๆ แล้วจ้องมองไปยังผู้คนในศาลา

“เฮ้..หยิบลูกพีชลูกนั้นสิ…”

เกาจินโยกตัวอยู่บนเก้าอี้

“นี่เป็นสิ่งที่หายาก ข้าให้รางวัลเจ้า…ลอง … “

แม่นมและสาวใช้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็ก้มศีรษะลงขณะที่ซ่อนรอยยิ้มที่แสดงถึงความขบขันที่เกิดจากการเห็นผู้อื่นถูกเหยียดหยาม

หลี่หมินเต๋อเหลือบมองไปที่ลูกท้อและย่อตัวลง ขณะที่มีแสงวาบผ่านดวงตาของเขา แต่มินานนักแสงนั้นได้จางหายไปในภายหลัง

เป็นเพราะเขาได้สัญญากับท่านแม่ของเขาว่า ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น เขาจะต้องอดทนเอาไว้ มิเช่นนั้นเขาจะอยู่ในตระกูลหลี่ต่อไปมิได้

เขาเอื้อมมือไปหยิบลูกท้อที่แตกและสกปรก จากนั้นริมฝีปากของหลี่หมินเฟิงเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชา

ดูเหมือนว่า เขาจะสังเกตเห็นว่าลูกท้อนั้นสกปรก หลี่หมินเต๋อใช้มือเช็ดมันแล้วอ้าปากเพื่อกัดลูกท้อลูกนั้น

เมื่อเห็นภาพนั้นทุกคนจึงอยู่ในอาการตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่องค์ชายสาม ทัวเป่าเจิ้นเองก็ยังอยู่ในอาการงุนงง

อาจจะเป็นเพราะเด็กผู้นี้ยังเด็กเกินไป เขาจึงมเข้าใจการล้อเลียนเช่นนี้?

หรือเป็นเพราะเขามีความอดทนต่อสิ่งที่หลายคนมิสามารถอดทนได้?

“รสชาติดีหรือไม่?”

“มันรสชาติดีมาก ขอบคุณท่านพี่”

ผมยาวบนหน้าผากของหลี่หมินเต๋อปิดดวงตาที่ส่องแสงคล้ายกับคริสตัลของเขา เด็กชายเงยหน้าขึ้นและเผยให้เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่น

ขณะที่แสงแดดส่องมา ทําให้เห็นโครงร่างของเขาซึ่งบอบบางและเล็กอย่างชัดเจน

บางคนถอนหายใจออกมาด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่หลายคนส่งเสียงอื้ออึงด้วยความตกใจและมีเสียงกระซิบกระซาบบริเวณนั้น

“คุณชายสามกล้าที่จะกินมันจริง ๆ ด้วย! มันน่าขยะแขยงมาก!”

”เขาตะกละมาก เขากินมันได้อย่างไร!”

“เขาเป็นเพียงแค่สุนัขจรจัด และเจ้านายของเขาได้จากไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงกระดิกหางใส่ผู้อื่น ซึ่งถือว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามาก!”

ไป๋จือเฝ้าดูภาพนี้ด้วยความกังวลใจ นางมิอยากเชื่อเลยว่า ผู้คนเหล่านี้รังแกเด็กชายเช่นนี้ได้อย่างไร?

คุณชายสามเป็นผู้ที่รักศักดิ์ศรีของตัวเองยิ่งนัก เช่นนั้นเขาจะสามารถอดทนต่อการดูหมิ่นเช่นนี้ได้อย่างไร?

“คุณหนู…”

หลี่เว่ยหยางมองจากระยะไกลและขมวดคิ้วขึ้นด้วยความขุ่นเคืองใจ

ในตอนแรกเมื่อนางเห็นพฤติกรรมของหลี่หมินเต๋อแล้ว นางก็มีความรู้สึกตกตะลึงเช่นเดียวกันและในมิช้านางก็รู้สึกสงสารเขาขึ้นมาจับใจ

เด็กชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นยังคงมีความหล่อเหลา แต่กลับผ่ายผอมลงและซูบซีดจนมิสามารถหวนกลับไปสู่ความเย่อหยิ่งในอดีตได้อีกต่อไป

หมินเต๋อ…

การสูญเสียผู้พิทักษ์คนเดียวของเขาไปอย่างกระทันหัน ทําให้เขาต้องสูญเสียตําแหน่งในตระกูลหลี่

เขามิมีที่จะไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องอดทนต่อความอัปยศอดสูและความโง่เขลาเหล่านี้ให้ได้

ดวงตาที่ส่องแสงคู่หนึ่งเต็มไปด้วยความโหดร้ายต่อเพื่อนมนุษย์กําลังจ้องมองมาที่เขา

เกาหมินผิวปากอย่างอารมณ์ดีและกล่าวว่า:

“เจ้าเติบโตมาในตระกูลหลี่และได้รับการสั่งสอนเรื่องมารยาทที่เหมาะสม…เหตุใดเจ้าจึงทําตัวไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ มันทําให้เสียชื่อเสียงลูกหลานบ้านตระกูลหลี่ทั้งหมด

ฮ่า….ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงแค่สุนัขเท่านั้น”

เกาจินหัวเราะออกมาเสียงดัง และกระโดดลงมา จากนั้นภายในหนึ่งหรือสองก้าวก็เดินมาถึงตัวหลี่หมินเต๋อ

เขาจ้องมองลงมาที่เด็กชายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจและท้าทาย

ขณะนั้นการแสดงออกของหลี่หมินเต๋อเงียบสงบมากจนน่าแปลกใจ

เกาจินจงใจที่จะยั่วยุให้เขาโกรธโดยการกล่าวอย่างเย็นชาว่า:

“ว่าอย่างไร? เจ้ามิได้ยินสิ่งที่ข้ากล่าวหรือ?”

เกาหมินอดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา

ทัวเป่าเจิ้นยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะที่มีความคิดว่า เจ้าหนูผู้นี้ช่างน่าสนใจ

หลี่เว่ยหยางจ้องมองจากระยะไกลขณะที่ดวงตาของนางมีร่องรอยของความสงสัย

นางอดคิดมิได้ว่า ตอนนี้

หมินเต๋อกําลังคิดอันใดอยู่?

เมื่อเขาตัดสินใจที่จะใช้ทัศนคตินี้เพื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่รังแกเขาโดยการทําให้เขาอับอายและทรมานเขา เด็กชายผู้นี้จะยับยั้งตนเองจากเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?

นางมิรู้ว่าด้วยเหตุใด แต่นางมีความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เด็กชายผู้นี้ต้องประสบ

โอสวรรค์! เหตุใดเจ้าหนูจึงต้องมาทนกับความอัปยศอดสูเช่นนี้?

เหตุใดต้องทําลายความภาคภูมิใจของเขาให้สูญสิ้นไป?

ความเจ็บปวดที่เต็มไปด้วยความอดสูเช่นนี้ แม้ว่านางเองก็คงจะมิสามารถทนได้แล้วเด็กอย่างเขาจะสามารถทนมันได้อย่างไร?

ทันใดนั้นหลี่หมินเมื่อได้ยิ้มกว้าง ขณะที่ดวงตาสีเข้มของเขาดูเหมือนแอ่งน้ำที่เดือดแห้งแล้ว

และตอนนี้รอยยิ้มของเขาทําให้ผู้อื่นมิสามารถละสายตาไปได้ เขาเลิกคิ้วและกล่าวอย่างสบายๆ ว่า

“ข้าเห็นด้วย”

เกาจนรู้สึกประหลาดใจที่เด็กชายผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอบสนองเขาด้วยอาการเช่นนี้

“เจ้ากล่าวอันใด?”

หลี่หมินเต็อกล่าวด้วยความเคารพ:

“สิ่งที่ท่านพี่กล่าวมานั้นถูกต้องทุกอย่าง ดังนั้นข้าจึงมิมีอันใดที่จะกล่าว”

เกาจินใช้นิ้วแตะที่จมูกของเขา และทันใดนั้นก็มีความโกรธเกิดขี้สขณะที่จ้องมองไปที่เด็กชาย

“ตอนนี้เจ้าจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอันใดกับข้าอีก?”

หลี่หมินเต๋ออดมิได้ที่จะกํามือของตนเองเอาไว้ในแขนเสื้อ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงอยู่มิเปลี่ยนแปลง

“ท่านพี่ ข้าเป็นผู้ที่มีฐานะต่ำต้อยและข้ามิมีทางเทียบกับท่านได้ ข้าจะกล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมกับท่านได้อย่างไร?”

เมื่อเห็นเขาทําตัวเช่นนี้ เกาจินจึงหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นได้คว้าเหล้าจากมือของสาวใช้ แล้วเทลงบนหัวของหลี่หมินเต๋อทันที

เหล้านั้นทําให้ผมของเด็กชายเปียกชุ่ม และดวงตาของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหล้า ขณะที่สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

ภายในมีกี่นาทีการแสดงออกของเขาก็กลับมาเป็นปกติและเกาจินยกเหยือกสูงขึ้นเพื่อทุบลงบนหัวของหลี่หมินเต๋อ