ตอนที่ 257 เฉินเจียวั่งอาการกำเริบ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 257 เฉินเจียวั่งอาการกำเริบ

ตอนที่ 257 เฉินเจียวั่งอาการกำเริบ

“คุณกล้าตบฉันเหรอ?” เสิ่นเสี่ยวเหมยที่ถูกตบสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง คำรามอย่างบ้าคลั่ง “ฉันพูดอะไรผิดตรงไหน? เขาไม่ใช่สัตว์ประหลาดหรือไง? กี่ครั้งแล้วที่เขาทำให้ฉันกลัวตั้งแต่ฉันแต่งงานเข้าบ้านคุณ? แต่ฉันก็ฝืนทนมาได้จนถึงตอนนี้เพราะเห็นแก่คุณ แต่คุณก็ยังกล้าที่จะหย่ากับฉันงั้นเหรอ? ตราบใดที่บ้านคุณยังมีเจ้าตัวประหลาดนี่ คิดเหรอว่าชาตินี้คนอย่างคุณจะหาเมียใหม่ได้?!”

ครั้งนี้เสิ่นเสี่ยวเหมยหยาบคายยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ถึงกับพ่นคำผรุสวาทอันไม่พึงประสงค์ทุกประเภทออกมา

เฉินเจียซิ่งที่ต้านฝีปากหล่อนไม่ได้ทำได้เพียงพุ่งตัวเข้าไปปิดปากผู้หญิงคนนั้นโดยด่วน “เจ้าสาม กลับไปที่ห้องของตัวเองก่อน”

ทันทีที่เขาพูดจบก็มีเสียงดังโครมใหญ่ พร้อมกับร่างของเฉินเจียวั่งที่ล้มตึงลงกับพื้น

เฉินเจียซิ่งรีบปล่อยมือจากเสิ่นเสี่ยวเหมยทันทีด้วยความแตกตื่น จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่น้องชายเพื่อประเมินอาการอย่างรวดเร็ว “เจียวั่ง เจียวั่ง…”

โจวลี่หรงและคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดังลั่นจากชั้นบน เมื่อพวกเขาวิ่งขึ้นมาถึงบันไดก็เห็นเฉินเจียวั่งนอนชักกระตุกอยู่บนพื้นแล้ว

เฉินเจียซิ่งกำลังจับตัวเขาเอาไว้

โจวลี่หรงร้องด้วยความตกใจ “เจียวั่งเป็นอะไรไป?”

“อาการชักของเจียวั่งกำเริบอีกแล้ว แม่ ไปเรียกปู่เร็วเข้า”

โจวลี่หรงได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสก ๆ แทบจะทรุดลงตรงนั้น

หล่อนรีบลงไปเรียกพ่อแม่สามีที่ชั้นล่างด้วยเสียงสั่นเครือ จากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปหาเฉินเจียวั่งอีกครั้ง

ผู้คนชั้นล่างต่างตกใจมากเมื่อได้ยินโจวลี่หรงเรียกเจียวั่งเสียงดัง ผู้เฒ่าทั้งสองคนของตระกูลเฉินก็ทำหน้าตาตื่นรีบขึ้นไปชั้นบนทันที

ผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นอวี้อิ๋งที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายในตอนแรกกังวลเพียงว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยแค่โวยวายตามประสา แต่เมื่อได้ยินว่าอาการป่วยของเฉินเจียวั่งกำเริบอย่างรุนแรง พวกเขาก็ตกใจมาก รีบเดินตามพวกเขาขึ้นไปเช่นกันเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ กลัวว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยจะเห็นภาพนั้นแล้วหวาดกลัว

เมื่อเห็นเฉินเจียวั่งนอนชักอยู่บนพื้น ผู้เฒ่าเฉินก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นเพราะเสียงกระทบกระทั่งที่ดังมาจากชั้นบนในตอนแรกแน่ เขาจึงตะคอกไปทางเสิ่นเสี่ยวเหมยและคนอื่น ๆ อย่างโกรธจัด “ออกไป พวกคุณทุกคนออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”

จากนั้นผู้เฒ่าเฉินก็นั่งยอง ๆ แล้วช่วยปฐมพยาบาลให้กับหลานชาย

ครอบครัวนี้มีความชำนาญมากในการจัดการกับเหตุฉุกเฉินดังกล่าว ผู้เฒ่าเฉินรีบใช้มือจับยึดศีรษะของหลานชายไว้ จากนั้นปลดกระดุมคอเสื้อเพื่อให้เขาหายใจได้สะดวก

เฉินเจียวั่งชักรุนแรงมาก มือและเท้าสั่นกระตุกทั้งยังหงิกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ถึงอย่างนั้นชายชราก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะจับเขาไว้…

เหตุการณ์ทั้งวุ่นวายและเต็มไปด้วยความหดหู่

ผู้เฒ่าเฉินตะโกนบอกโจวลี่หรงด้วยมืออันสั่นเทา “โทรเชิญหมอเย่มาที่นี่เดี๋ยวนี้ บอกเจียเหอและคนอื่น ๆ ให้รีบกลับมาเร็วเข้า”

“ค่ะ”

เสิ่นอวี้อิ๋งยืนอยู่ที่มุมบันได มองดูเด็กหนุ่มผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างไปจากลูกแกะบ้าคลั่งแล้วก็ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความหวาดหวั่น ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย

เขามีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี หน้าตาหรือก็ดี น่าเสียดายที่ป่วยเป็นโรคประหลาด

ถึงอย่างนั้น ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าเฉินจะเรียกหมอแผนจีนเย่ให้มารักษาแล้ว

หมอแผนจีนเย่คนนั้นยินดีรักษาให้กับเขาด้วยเหรอ?

ตราบใดที่หมอเย่ลงมือ เขาต้องหายขาดอย่างแน่นอน

เสิ่นอวี้อิ๋งมองไปที่ชายหนุ่มรูปงามซึ่งนอนชักอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าแสดงความเห็นอกเห็นใจ

ในที่สุดเฉินเจียวั่งก็กลับมาสู่ภาวะปกติอีกครั้ง แต่ร่างกายของเขากลายเป็นเฉื่อยชาไร้เรี่ยวแรง ไม่มีชีวิตชีวาเช่นคนปกติอีกต่อไป

เฉินเจียซิ่งและโจวลี่หรงช่วยกันอุ้มเขาขึ้นไปนอนบนเตียง

หลังจากนั้น

เฉินเจียซิ่งก็เดินอาด ๆ ไปคว้ากระเป๋าเดินทางของเสิ่นเสี่ยวเหมยขึ้นมา ก่อนจะถือมันเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับลากคอเสื้อหล่อนตามไปด้วย

ดวงตาของเฉินเจียซิ่งแดงก่ำ เขามองหล่อนอย่างสุดแสนจะรังเกียจเดียดฉันท์ แค่นเสียงพูดเน้นทีละคำ “ออกไปจากที่นี่ซะ พรุ่งนี้เราไปหย่ากันที่สำนักกิจการพลเรือน ถ้าคุณไม่ยอมไป ผมจะขึ้นศาลแล้วฟ้องหย่า และจะประจานทุกเรื่องเลวทรามทั้งหมดที่คุณทำลงไปพิมพ์เป็นหนังสือประกาศติดไว้ที่หน้าประตูโรงงานเครื่องจักร ให้ทุกคนได้เห็นว่าคุณมันเป็นผู้หญิงจิตใจสกปรกโสมมขนาดไหน ผมจะทำลายชื่อเสียงของคุณไม่ให้เหลือซาก ทำให้ชีวิตนี้คุณไม่มีวันหาสามีใหม่ได้อีก”

เดิมทีผู้เฒ่าเสิ่นมีอารมณ์ก้าวร้าวพร้อมโต้กลับ แต่เมื่อครู่หลานสาวตัวเองเป็นคนกระตุ้นอาการของเฉินเจียวั่ง จึงไม่สามารถหาเหตุผลอะไรมาแก้ตัว ทำได้แค่ถอยทัพไปก่อน

“เสี่ยวเหมย เรากลับกันก่อนเถอะ”

เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้สึกหวาดกลัวในความดุร้ายอำมหิตของเฉินเจียซิ่งขึ้นมาแล้ว

ก่อนหน้านี้หล่อนถูกเฉินเจียซิ่งตบหน้าจริง ๆ เหรอ?

หล่อนมองเฉินเจียซิ่งอย่างว่างเปล่า รู้สึกเหมือนกับตัวเองไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้เลยสักนิด

เสิ่นอวี้อิ๋งดึงแขนหล่อนแล้วพูดว่า “อาคะ พวกเรากลับก่อนดีกว่านะ”

เสิ่นเสี่ยวเหมยปฏิเสธที่จะถอยกลับ หล่อนรู้ดีว่าถ้าวันนี้ตัวเองเดินออกจากประตูนี้ไป จะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก

หล่อนไม่ยอมหย่าร้างด้วยสถานการณ์แบบนี้

ต่อให้ต้องหย่าจริง ๆ ก็ควรหย่าเพราะตนเป็นฝ่ายทิ้งเฉินเจียซิ่งเสียเอง

หล่อนจะยอมให้ผู้ชายอ่อนแอขี้ขลาดคนนี้ขับไล่หล่อนออกไปได้อย่างไร?

เสิ่นเสี่ยวเหมยเอาแต่ยืนนิ่ง

“ตอนแรกผมอุตส่าห์เสนอหนทางให้เราสองคนแยกทางกันแต่โดยดี คุณกลับเปิดเผยธาตุแท้อันชั่วช้าออกมา เหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของน้องชายผม คุณละเมิดขีดจำกัดขั้นสุดท้ายของผมแล้ว ผมไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าคุณอีก ออกไปให้พ้น ถ้ายังพูดจาไม่รู้เรื่อง พรุ่งนี้เก้าโมงเช้าเราไปเจอกันที่หน้าศาล!”

เฉินเจียซิ่งพูดเสียงเข้ม โยนกระเป๋าเดินทางทั้งหมดของหล่อนออกไปนอกประตูบ้าน

จากนั้นก็ขับไล่พวกเขาออกไป

ตามด้วยปิดประตูใส่หน้า

ผู้เฒ่าเสิ่นไม่เคยตกอยู่ในสภาพขลาดเขลาขนาดนี้มาก่อน เมื่อมองไปที่ประตูบานใหญ่ของบ้านตระกูลเฉิน เขาก็พ่นลมหายใจด้วยความโกรธ โบกมือให้เสิ่นเสี่ยวเหมยและเสิ่นอวี้อิ๋งออกไป

คนขับรถของผู้เฒ่าเฉินทำงานรวดเร็วมาก ขับรถด้วยความเร็วเต็มพิกัดสุดทางเพื่อไปรับหมอแผนจีนเย่ เชิญให้เขามารักษาอาการของเฉินเจียวั่งโดยด่วน

เฉินเจียวั่งไม่มีอาการชักอีกเลยตั้งแต่ช่วงปีใหม่ ทว่าวันนี้จิตใจของเขาได้รับการกระทบกระเทือนหนักมาก ทั้งครอบครัวตกอยู่ในความกังวลอย่างที่สุด ขณะนี้เขานอนอยู่บนเตียง ร่างกายอ่อนแอกระทั่งยกเปลือกตาขึ้นไม่ไหว ใบหน้าซีดเซียว

โจวลี่หรงและคุณย่าเฉินนั่งอยู่ข้างกันและร้องไห้ออกมาอย่างเงียบ ๆ ขณะที่ผู้เฒ่าเฉินและเฉินเจียซิ่งก็มีสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน

ใบหน้าของเฉินเจียซิ่งปกคลุมไปด้วยความห่อเหี่ยว มองไปที่สมาชิกในครอบครัว และขอโทษอย่างรู้สึกผิด “ผมขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง”

ตั้งแต่เขาแต่งภรรยาอย่างเสิ่นเสี่ยวเหมยเข้าบ้าน น้อยครั้งที่บ้านหลังนี้จะสงบสุข

ผู้หญิงบ้าคนนั้นไม่ใช่แค่เย่อหยิ่งและทำตัวสูงส่งจนไม่เห็นหัวใคร

หล่อนใจร้ายแม้กระทั่งกับคนป่วย

ผู้เฒ่าเฉินไม่ต้องการพูดถึงผู้หญิงแซ่เสิ่นคนนั้นอีกต่อไป เขาแค่โบกมือด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ช่างเถอะ จากนี้รีบหย่ากับหล่อนให้เร็วที่สุดเป็นพอ”

ทันทีที่หมอแผ่นจีนเย่เดินเข้ามา เฉินเจียซิ่งก็เชิญเขาขึ้นไปที่ห้องชั้นบน

โจวลี่หรงร้องไห้จนดวงตาบวมเป่ง ขณะรีบเชิญให้หมอเย่นั่งลง “หมอเย่ ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว ลูกชายฉันอาการชักกำเริบอีกแล้วค่ะ รบกวนคุณช่วยตรวจดูให้เขาด้วย”

หมอแผ่นจีนเย่เดินเข้ามาใกล้เตียงแล้วนั่งลง “ขอฉันดูหน่อย”

เขาทำการจับชีพจรของเฉินเจียวั่ง จากนั้นก็เบิกตาขึ้นและกวาดตามองทุกคน

“ก่อนหน้านี้อาการของเขายังคงที่อยู่เลย เขาถูกกระตุ้นทางอารมณ์หรือเปล่า?” เขาถามสมาชิกครอบครัวเฉิน

ผู้เฒ่าเฉินสารภาพ “เขาถูกทำให้สะเทือนใจจริงครับ”

เฉินเจียซิ่งก้มหน้าลงด้วยความอับอายและเป็นทุกข์

คำพูดที่เสิ่นเสี่ยวเหมยใช้ดูถูกน้องสามของเขาเป็นอะไรที่ไม่ว่าใครก็ยอมรับไม่ได้ อย่าว่าแต่คนที่มีสุขภาพแข็งแรงปกติดีเลย ผู้ป่วยที่มีสภาพร่างกายและจิตใจเปราะบางยิ่งไม่ต้องพูดถึงใหญ่

“ผมเคยกำชับกับพวกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าเด็กคนนี้ต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและเอื้อเฟื้อต่อการรักษาตัว คนในครอบครัวจะต้องดูแลเขาอย่างดีที่สุด ไม่ปล่อยให้เขาถูกกระตุ้นไม่ว่าทางใดก็ตาม พวกคุณไม่ได้ใส่ใจคำแนะนำของผมเลยสินะ”

หมอแผนจีนเย่โกรธจนหนวดเครากระตุก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด “ผมรักษาผู้ป่วยโรคลมชักได้จริง แต่ปัจจัยเพียงอย่างเดียวคือครอบครัวของผู้ป่วยต้องให้ความร่วมมือกับผม ถ้าคุณไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอ ผลการรักษาจะย่ำแย่ ท้ายที่สุดพอคนไข้อาการทรุด คนที่ชื่อเสียงเสียหายก็คือผม”

เขามีสีหน้าเคร่งเครียด โมโหเกินกว่าจะรักษาผู้ป่วยรายนี้ต่อไป

ผู้เฒ่าเฉินรีบเกลี้ยกล่อมเขาและให้สัญญาว่า

“หมอเย่ อย่าโกรธไปเลยครับ วันนี้มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นในบ้านเรา แต่หลังจากนี้เป็นต้นไปมันจะไม่เกิดขึ้นอีก”

หมอเย่มองดูใบหน้าอันหล่อเหลาที่ดูอ่อนระโหยโรยแรงของคนบนเตียง จากนั้นก็ถอนหายใจ เขาเพิกเฉยต่ออีกฝ่ายไม่ได้จริง ๆ

“ผมจะฝังเข็มให้เขา”

เฉินเจียเหอกำลังประชุมอยู่ที่โรงงาน หลังจากได้รับโทรศัพท์แล้วก็รีบโทรหาเซี่ยไห่เพื่อขอให้อีกฝ่ายช่วยมารับกลับบ้าน ส่วนหลินเซี่ยที่ได้ยินว่าเฉินเจียวั่งชักก็เป็นกังวลมาก จึงออกจากร้านมารวมตัวกับทุกคน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน การรักษาก็เสร็จสิ้นลงพอดี หมอเย่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบน

“หมอแผนจีนเย่”

เฉินเจียเหอถามอย่างเร่งรีบ “เจียวั่งเป็นยังไงบ้างครับ?”

หมอแย่ตอบกลับสั้น ๆ “เขาหลับไปแล้ว”

“ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้ชักขึ้นมาอีก? ที่ผ่านมาอาการป่วยของเขาก็มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นไม่ใช่เหรอคะ” หลินเซี่ยมองไปที่โจวลี่หรงและถามด้วยความสับสน

โจวลี่หรงพูดเสียงเศร้า “ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แง เจียวั่งอาการหนักเลยอะ ทำท่าจะหายแล้วเชียว แต่ก็ต้องมาทรุดหนักเพราะปากเน่าหนอนของแกเนี่ยนังเหมยเน่า กลับหลุมตัวเองไปเลยไป ไม่งั้นจะทำพิธีจับลงหม้อถ่วงน้ำสะกดวิญญาณไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดแล้วนะ

ไหหม่า(海馬)