บทที่ 185 นักล่าทาส

โกวต้านซ่อนตัวอยู่เหนือต้นไม้อย่างระมัดระวัง และมองผ่านใบไม้ที่หนาแน่น

คนกลุ่มหนึ่งกําลังสนทนากันรอบกองไฟ พวกเขาถืออาวุธแปลก ๆ ทุกชนิด ห่างจากกองไฟออกไปเล็กน้อย มีรถมาจอดอยู่ใกล้ ๆ

บางคันถูกคลุมด้วยผ้ากระสอบและมองไม่เห็นของด้านใน แต่รถม้าอีกคันนั้นมีกรงเปล่าที่เห็นได้ชัดเจน

บ่งบอกว่าคนเหล่านี้เป็นนักล่าทาส

ก็ตามชื่อเลย พวกเขาคือกลุ่มคนที่จับทาส

กลุ่มแปลก ๆ ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นมนุษย์ เพราะนอกจากมนุษย์และออร์ค เผ่าพันธุ์อื่นไม่ได้มีแนวคิดเรื่องทาส

ถึงแม้ว่าออร์คจะมีทาสเช่นกัน แต่พวกมันก็จะเอาเผ่าศัตรูมาเป็นทาส หลังจากที่พวกมันฆ่าศัตรูที่ถือว่าสม ควรได้รับความเคารพในสนามรบแล้ว

แต่ออร์คไม่เหมือนมนุษย์ พวกมันอาศัยอยู่ในดินแดนที่แห้งแล้งและขาดความอุดมสมบูรณ์ เมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมที่ตรงไปตรงมา หยาบคาย และการขาดความละเอียดอ่อนของพวกมัน นั่นหมายความว่าพวกมันศรัท ธาในเทพแห่งสงครามหรือราชาแห่งสัตว์ร้าย และไม่เคยศรัทธาในเทพธิดาแห่งการเก็บเกี่ยว

นั่นเป็นเหตุผลที่พวกมันมักจะขาดแคลนอาหารอยู่เสมอ ทําให้แม้แต่เนื้อของศัตรูที่พวกมันเอาชนะ ก็กลายเป็นแหล่งอาหารสําคัญของพวกมัน

แต่ในช่วงที่ไม่มีการบุกเบิกและการขาดแคลนแรงงาน โดยธรรมชาติแล้ว พวกมันจะไม่พยายามหาทาส เหมือนมนุษย์

เพราะการมีทาสถือเป็นการสิ้นเปลืองอาหารอย่างไร้ความหมายสําหรับเผ่าพันธุ์ของพวกมัน โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ เมื่อเทียบกับต้นทุนที่เสียไป

แต่มนุษย์นั้นแตกต่าง

ภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขาต้องการแรงงานคนในการพัฒนาที่ดินของอาณาจักร ขุนนางส่วนใหญ่จะมองว่าทาสเป็นทรัพย์สินรูปแบบหนึ่งที่คล้ายกับปศุสัตว์

ส่วนการเป็นเจ้าของทาสเผ่าพันธุ์ที่หายากอื่น ๆ เป็นสัญลักษณ์ของอิทธิพลและความมั่งคั่งส่วนตัว

และในบรรดาสิ่งที่หายากที่สุด นั่นก็คือเอลฟ์ป่า

พวกเอลฟ์มีคุณค่าทางด้านความงามของมนุษย์ เอลฟ์ป่าทั้งสองเพศมีรูปลักษณ์ที่สง่าและสวยงาม ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ที่หายากไม่กี่เผ่าที่สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน และให้ความรู้สึกเหนือกว่า

ยิ่งไปกว่านั้นเอลฟ์ส่วนใหญ่มีอายุยืนยาวถึง 3,000 ปี และมีพรสวรรค์ที่มนุษย์ไม่สามารถจินตนาการได้ในหลาย ๆ ด้าน นั่นรวมถึงเวทมนตร์ การยิงธนู และศิลปะ หากใครสามารถจับพวกเขาได้ พวกเขาก็จะถูกส่งต่อไปเป็นทอด ๆ เหมือนมรดก…

แต่มันก็นานแล้วที่มนุษย์สามารถจับเอลฟ์ป่าตัวเป็น ๆ ได้ และมีข่าวลือว่าราคาเอลฟ์ป่าหนึ่งตนในตลาดมืดตอนนี้ เท่ากับคริสตัลส่องสว่างซึ่งมีน้ําหนักมากกว่าเอลฟ์ที่ถูกจับถึง 10 เท่า

และเนื่องจากนักล่าทาสมาปรากฏตัวในป่าทริเนีย เป้าหมายของพวกเขาจะต้องเป็นเอลฟ์ป่าแน่นอน เพราะตํานานอ้างว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในใจกลางป่าทริเนีย

“พวกนั้นบ้าไปแล้วเหรอ” โกวต้านพึมพําเบา ๆ

แม้แต่เด็กในหมู่บ้านอย่างเขาก็รู้เหตุผลว่าทําไมถึงไม่มีเอลฟ์ป่าขายในตลาดทาส มันไม่ใช่เพราะมนุษย์หาเอลฟ์ไม่เจอ แต่เพราะป่าที่เล่าลือกันว่ามีพวกเอลฟ์อาศัยอยู่นั้น เป็นเพียงป่ากว้างใหญ่เท่านั้น หากมนุษย์มีจํานวนเพียงพอจะกวาดล้างป่า ยังไงพวกเขาก็ต้องเจอเอลฟ์

แต่ปัญหาก็คือ มนุษย์ไม่สามารถเอาชนะเอลฟ์ได้ แม้ว่าพวกเขาจะพบที่อยู่อาศัยของพวกเอลฟ์ ด้วยอายุขัยที่ยาวนาน เอลฟป่าสามารถเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ได้อย่างเชี่ยวชาญ และเมื่อถึงวัยผู้ใหญ่ พวกเขาก็จะกลายเป็น นักเวทย์ที่มีความรู้ นักยิงธนูที่ไม่เคยพลาดเป้า หรือศิลปินที่มีรสนิยมที่ดีที่สุดในด้านศิลปะและวัฒนธรรม

ในแง่ของความสามารถในการต่อสู้เพียงอย่างเดียว เอลฟ์วัยผู้ใหญ่ทุกคนสามารถเทียบได้กับอาร์ชบิชอปของโบสถ์หลัก พวกเขาล้วนเป็นนักล่าที่ทรงพลังและมีประสบการณ์มากมาย ในขณะที่อาร์ชบิชอปส่วนใหญ่จะมีศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขาม แต่หากไม่มีการเตรียมการทางจิตใจ พวกเขาอาจไม่สามารถเอาชนะอัศวินที่มีประสบการณ์บางคนได้

ดังนั้นโกวต้านจึงได้แต่งงงวยเมื่อเขาเห็นนักล่าทาสกลุ่มนี้

ใครกล้าให้พวกเขามาที่ป่าทริเนียเพื่อจับเอลฟ์?

ขณะที่เขาเริ่มโพสต์ในฟอรัมเพื่อแจ้งให้เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ ทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน เขาก็เตือนพวกเขาว่าอย่าทําอะไรโดยประมาท

เพราะนักล่าทาสกลุ่มนี้ทําตัวแปลกเกินไป หากความสามารถของพวกเขาตัดสินได้จากลักษณะภายนอกเพียงอย่างเดียว เอลฟ์วัยผู้ใหญ่เพียงตนเดียวก็สามารถกําจัดพวกเขาทั้งหมดลงได้ง่าย ๆ

ปกติแล้วหากต้องการทําอะไรกับเอลฟ์ป่า พวกเขาต้องใช้กองทัพที่มีอาวุธครบมือถึงหนึ่งหมื่นคน ซึ่งได้รับ การสนับสนุนจากนักเวทและนกกวีศักดิ์สิทธิ์ จึงจะมีโอกาสต่อสู้กับเอลฟ์ป่าได้ และนั่นมีเงื่อนไขว่าเอลฟ์ฝ่ายตรงข้ามต้องไม่มีตัวตนชั้นยอดอย่าง ผู้พิทักษ์ป่า ดวงจันทร์โบราณ และมังกรเงินรวมอยู่ด้วย…

ความจริงแม้ว่ามนุษย์จะรวบรวมกองทัพมาได้ แต่พวกเอลฟ์ก็คงจะรู้เกี่ยวกับการโจมตีของพวกเขาล่วงหน้าแล้วผ่านการติดต่อกับป่า และพวกเขาก็คงจะเก็บข้าวของย้ายออกไปเรียบร้อยก่อนที่มนุษย์จะมาถึง

ความจริงนักวิชาการที่ศึกษาวัฒนธรรมของเผ่าพันธุ์อื่น เชื่อเสมอว่าหากไม่ได้เป็นเพราะความสามารถในการสืบพันธุ์ของเอลฟ์ที่ต่ําเกินไป ซึ่งมีอัตราเกิดเพียง 2 ตนในรอบ 100 ปี พร้อมกับที่พวกเขาศรัทธานเทพเจ้า ที่รักสงบ ทวีปนี้คงจะถูกปกครองโดยเอลฟ์แทนที่จะเป็นมนุษย์ไปแล้ว

เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ ได้ตอบกลับโพสต์ของโกวต้าน พวกเขาสัญญาว่าพวกเขาจะไม่ทําอะไรโดยประมาทอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม โกวต้านรู้ดีว่าคนพวกนี้ชอบเสี่ยงอันตรายแค่ไหน หลังจากที่พวกเขากลายมาเป็นผู้เล่นที่จะไม่มีวันตายจริง ๆ พวกเขาก็มักจะชอบวิ่งเข้าไปตายซ้ํา ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ระเบิดออกมา

ถึงเขาจะเตือนก็คงไม่มีประโยชน์

ปกติแล้ว เมื่อคนปกติเห็นปุ่มที่มีคําว่า อย่าแตะ ไม่งั้นคุณตาย” พวกเขาก็จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยับยั้งแรงกระตุ้นในการแตะมัน แต่ผู้เล่นจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแตะปุ่มดังกล่าว และดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นไม่ว่าคนอื่นจะพยายามหยุดเขาแค่ไหนก็ตาม…

และในไม่ช้ โกวต้านก็สามารถเห็นชื่อที่คุ้นเคยหลายชื่อลอยอยู่ในอากาศเหนือพุ่มไม่ใกล้ ๆ

แต่เมื่อโกวต้านกําลังจะไปหาพวกเขา และอธิบายข้อมูลบางอย่างในโพสต์ที่ยังไม่ชัดเจนให้ฟัง ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง

เขาแนบร่างเข้ากับต้นไม้ ก่อนจะเรียกใช้หัวใจมรกตที่เขาได้รับหลังจากกลายเป็นจังเกิ้ลวอล์คเกอร์ และผสานลมหายใจของเขาเข้ากับสภาพแวดล้อมรอบตัว ตอนนี้แม้ว่าจะมีคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา คน ๆ นั้นก็อาจหาเขาไม่เจอ

ไม่นานหลังจากที่เขาพรางตัว ร่างเพรียวบางที่ซ่อนตัวได้แย่กว่าโกวต้านเล็กน้อย ก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นรอบ ๆ นักล่าทาส…