ตอนที่ 107 ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือ

เหตุผลที่นิกายปีศาจอสูรจับกิ้งก่าปีกตาแดงได้ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกเขาโลภกับการอยากได้ความสามารถขั้นเทพของกิ้งก่าปีกตาแดงคือ [การจัดการจิตใจ] เป็นอย่างมาก

แม้ว่ามันจะใช้ได้กับเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่ากิ้งก่าปักตาแดง เช่น ผู้ฝึกตนขั้นก่อตั้งรากฐาน หรือต่ํากว่าสัตว์อสูรระดับ [ไม่ธรรมดา] หรือต่ํากว่านั้น

ซึ่งหานิกายปีศาจอสูร สามารถที่จะควบคุมกิ้งก่าปีกตาแดงได้แล้ว ก็จะสามารถใช้ความสามารถขั้นเทพนี้ในการล้างสมองผู้ฝึกตนที่มีระดับต่ํากว่าของนิกายอื่นได้!

จากนั้นนิกายปีศาจอสูรก็อาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการเติบโตขึ้นเป็นนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปวายุสวรรค์ และเริ่มพิชิตทวีปอื่น!

ความฝันอันทะเยอทะยานของพวกเขาช่างสวยงามจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายเนื่องจากกิ้งก่าปีกตาแดงเกลียดมนุษย์ทุกคนมาก มันยอมตายดีกว่าช่วยเหลือพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางอื่นนอกจากจํากัดมันในตอนท้าย และพยายามทุกวิถีทางเพื่อบังคับจากอ่อนไปแข็ง แต่ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาไร้ประโยชน์

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว และคนรุ่นปัจจุบันเกือบลืมเกี่ยวกับความสามารถขั้นเทพของกิ้งก่าปักตาแดงอย่าง [การจัดการจิตใจ] นี้ มีเพียงปของเสี่ยวเฮยเท่านั้นที่ยังคงจําเรื่องนี้ได้ในตอนนี้ แต่ดูเหมือนว่าเขาก็เลิกล้มเรื่องนี้ไปนานแล้ว

อันที่จริงกิ้งก่าปีกตาแดงไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับความสามารถขั้นเทพ [การจัดการจิตใจ] ของมัน และมันไม่เคยใช้มันต่อหน้าใครมาก่อน เพราะมันรู้ว่าความสามารถนี้จะทําให้เกิดภัยพิบัติ และความโลภอย่างแน่นอน ถ้าใครรู้เรื่องนี้รวมถึงเผ่าพันธุ์กิ้งก่าของมันด้วย

จนถึงตอนนี้กิ้งก่าปีกตาแดงก็ยังไม่เข้าใจว่าบรรพบุรุษของนิกายปีศาจอสูรสามารถรู้เกี่ยวกับความสามารถขั้นเทพนี้ได้อย่างไร

หลังจากเวลาผ่านไปนาน กิ้งก่าปีกตาแดงก็ใช้ความสามารถขั้นเทพ [การจัดการจิตใจ] อีกครั้ง และเป็นการปิดผนึกความทรงจําของถังลี่เสวี่ยเกี่ยวกับเสี่ยวเฮยก่อนหน้านี้

และตอนนี้มันทําสิ่งเดียวกันอีกครั้งกับตัวเอง แต่เพื่อปิดผนึกความทรงจําของตัวเองเกี่ยวกับถังลี่เสวี่ยและมันยังลบส่วนที่ถังลี่เสวี่ยบอกเกี่ยวกับวิธีที่เธอสามารถเรียกคืนของขวัญที่เธอได้รับจากบี้ฟางรวมถึงความทรงจําของพวกเขาที่ภูเขาไฟนั้น

กิ้งก่าปีกตาแดงเป็นสัตว์ที่ระมัดระวังตัวมาก มันยังคงสงบเสมอ และรวบรวมสติไว้ในทุกสถานการณ์

มันจะไม่ยอมให้ตัวเองรวมถึงเพื่อนสนิทคนใดของมัน ต้องเข้าไปเสี่ยงในสถานการณ์อันตรายใด ๆ โดยไม่มีแผนที่เหมาะสม

ตัวอย่างเช่น ตอนที่มันเคยช่วยชี้ฟางต่อสู้กับกองทัพมนุษย์ และมันจัดการล้างกองทัพมนุษย์ได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว

แน่นอน เหตุการณ์ เช่น ไข่วิญญาณธาตุ ญาญ่า และการเกิดใหม่ของสมบัติศักดิ์สิทธิ์เป็นข้อยกเว้น เนื่องจากความสามารถของถังลี่เสวี่ยที่เธอใช้นั้น ไม่ได้อยู่ในการคํานวณเลย

มันคงจะดีถ้าผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์กิ้งก่าเพียงแค่ซักถามสิ่งที่เกิดขึ้นกับกิ้งก่าปีกตาแดง แต่กลัวว่าพวกนั้นอาจจะใช้วิธี

อย่างเช่น การใช้เทคนิคกัดเซาะวิญญาณ หรือ การสะกดจิต

นั่นคือเหตุผลที่ทิ้งก่าปีกตาแดงตัดสินใจใช้ความสามารถขั้นเทพ [การจัดการจิตใจ] เพื่อลบทุกส่วนเกี่ยวกับสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์ของถังเสวี่ยพร้อมกับเบาะแส และเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมันในใจอย่างถาวร

กิ้งก่าปีกตาแดงยังผนึกแน่นในความทรงจําเกี่ยวกับถังหลี่เสวี่ย ดังนั้นจากนี้ไปกิ้งก่าปีกตาแดงจะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับถังหลี่เสวี่ย

และแน่นอนว่ามันก็ตั้งเวลาไว้ให้ผนึกได้หลังจากวันนี้นับไปอีกหนึ่งปี และระหว่างนี้ถ้ามีใครใช้คาถา หรือเทคนิคอะไรที่กระทบกับจิตใจของมันผนึกก็จะหยุด และลบความทรงจําเกี่ยวกับถังลี่เสวี่ยอย่างถาวรด้วย

“เฮ้อ… ฉันได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิด” กิ้งก่าปีกตาแดงถอนหายใจในใจ

เผ่าพันธุ์กิ้งก่าต่างจากเผ่าปีศาจอสูร เผ่าพันธุ์กิ้งก่ามีสมาชิกน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับอีกกลุ่ม เช่น เผ่าพันธุ์นกไฟ, เผ่าพันธุ์หมาป่า หรือบ้านจิ้งจอก ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง

น่าเสียดายที่ความโลภเป็นเหมือนโรคติดต่อร้ายแรง และสามารถแพร่เชื้อสู่ทุกคนได้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ร้าย และไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม

นอกจากนี้เผ่าพันธุ์กิ้งก่ามักเรียกตัวเองว่าลูกหลานของเผ่าพันธุ์มังกร แต่พวกเขาไม่มีสิ่งใดที่จะพิสูจน์ได้ ดังนั้นตอนนี้พวกเขากําลังคลั่งไคล้ และเริ่มใช้วิธีการใดๆ เพื่อครอบครองสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์นี้จากตระกูลมังกรที่แท้จริง

…..

…..

ถังลี่เสวี่ยมองดูเงาของมังกรปลอมที่หายไปหลังจากทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

อารมณ์ของถังลี่เสวี่ยตอนนี้มืดมน และหดหูจริงๆ

อันที่จริงเธอเริ่มร้องไห้แล้ว แต่เหตุผลไม่เหมือนกับที่มังกรปลอมคิดไว้ก่อนหน้านี้

20% ของความโศกเศร้า และน้ําตาของเธอเป็นเพราะแยกทางกับมังกรปลอม

40% เป็นเพราะเธอเพิ่งสูญเสียสัตว์ขี่ระดับ [หายาก] ระดับสูง และเธอไม่สามารถหยุดมันได้ เพราะเธออ่อนแอเกินไป

น้ําตา 40% สุดท้ายของเธอเป็นเพราะระยะทางที่เธอต้องเดินทางเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย

เธอต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองวันในการไปถึงโดยขี่มังกรปลอม แต่ตอนนี้เธอต้องใช้เวลาอีกหนึ่งสัปดาห์เนื่องจากเธอจะเดินทางไปที่นั่นโดยใช้เท้าของเธอเอง

“เฮ้อ… ฉันอยู่คนเดียวอีกแล้ว เหมือนได้กลับมาที่ป่าแสงจันทร์อีกครั้ง…. เอาล่ะ หวังว่าฉันจะได้พบกับเพื่อนฝูงมากมายสําหรับเผ่าพันธุ์ของตัวเองเมื่อฉันไปถึงบ้านจิ้งจอก!

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตก ถังลี่เสวี่ยมองไปรอบ ๆ และพบว่าเธออยู่ตาม ลําพังในใจกลางถิ่นทุรกันดารที่ไม่รู้จัก

ความเหงาและความเศร้าท่วมท้นหัวใจ และจิตใจของเธอ เธอเริ่มคิดถึงแม่ช่างพูด มังกรตัวปลอม และ… และ… อุ้ย…. เอ๋?

“อีกครั้ง ฉันรู้สึกเหมือนลืมคนสําคัญไปแล้ว แต่ใครล่ะ? เฮ้อ… ฉันต้องรีบเดินทางต่อไปเพื่อที่จะไปถึงที่นั่นให้เร็วกว่านี้”

ถังลี่เสวี่ยเปิดใช้งาน [ร่างเทพ] ของเธอ และร่างสีเงินเล็กๆ ของเธอก็หายไปในอากาศ

ถังลี่เสวี่ยพยายามใช้ทักษะที่อัพเกรดใหม่ของเธออย่าง [วิ่ง]. [ก้าวพริบตา]

ผลของทักษะนี้เกินความคาดหมายของเธอ

ขณะที่ถังเสวี่ยเปิดใช้งานทักษะ [ก้าวพริบตา] ของเธอ ร่างที่โปร่งใสของเธอก็เคลื่อนไปข้างหน้ามากกว่าสิบเมตรในพริบตา

“ว้าว! ทักษะ [ก้าวพริบตา] นี้ยอดเยี่ยมมาก!”

แน่นอนว่าทักษะ [ก้าวพริบตา] ในปัจจุบันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเมื่อเทียบกับ [วิ่ง] ก่อนหน้านี้

ทักษะ [ก้าวพริบตา] ใช้ความแข็งแกร่งมากกว่า [วิ่ง]

ทักษะ [ก้าวพริบตา] นี้ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับการต่อสู้มากขึ้น ในขณะที่ทักษะ [วิ่ง] ก่อนหน้านี้ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับการเดินทางไกลมากขึ้น

ทักษะ [ก้าวพริบตา] นี้ควบคุมได้ยากขึ้น ดังนั้นถังลี่เสวี่ยต้องฝึกฝนตัวเองให้หนักขึ้นเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเชี่ยวชาญในการต่อสู้ที่ดุเดือด

ลองนึกภาพว่าเธอตั้งใจจะหลบการโจมตีที่รุนแรงโดยใช้ [ก้าวพริบตา] นี้ แต่บังเอิญกลับเข้าไปใกล้มันแทน จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ!

ถังลี่เสวี่ยตัดสินใจใช้ [ก้าวพริบตา] ซ้ําๆ เพื่อเดินทางเพื่อที่เธอจะได้ใช้มันอย่างเชี่ยวชาญมาก

เมื่อความแข็งแกร่งของเธอหมด เธอตัดสินใจที่จะซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้หนาทึบ และยกเลิก [ร่างเทพ] จากนั้นจึงหลับไปสักพักก่อนจะเดินทางต่อไปอีกครั้งหลังจากที่ความแข็งแกร่งของเธอฟื้นตัวเต็มที่

เมื่อก่อนตอนที่มังกรปลอมได้ใช้เล็บแตะหน้าผากของเธอนั้น มันไม่ได้ทําเพียงเพื่อแกล้งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบอกแผนที่ของบริเวณนี้ และที่ที่เธอต้องไปไปยังจิตใจของเธอ เพื่อที่จะได้ไม่หลงระหว่างเดินทางไปถึงที่นั่น

ถังลี่เสวี่ยไม่ได้หยุดการเดินทางของเธอแม้ในตอนกลางคืน และเธอเพียงแค่งีบหลับระหว่างนั้นเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเธอท่ามกลางพุ่มไม้หนาทึบ

เช้าวันรุ่งขึ้น ถังลี่เสวี่ยรู้สึกหิวมากหลังจากวิ่งอยู่ใน [ร่างเทพ] ของเธอตลอดทั้งคืน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจล่าเหยื่อเป็นอาหารเช้า

[สายพันธุ์: กระต่ายที่รวดเร็ว]

[กรด: ไม่ธรรมดา]

[ระดับ: 16]

[HP: 8,500/8,500]

เหยื่อตัวแรกของถังเสวี่ยคือกระต่ายสีขาวตัวใหญ่สวย มีตาสีดําและหูยาว ตอนนี้มันกําลังกินหญ้าสดตอนเช้า

“กระต่ายที่รวดเร็ว? อืม… จากชื่อของมัน มันควรจะค่อนข้างเร็วแต่ขาดความแข็งแกร่งและการป้องกัน ฉันต้องจัดการมันให้เสร็จในการโจมตีครั้งเดียว ไม่อย่างนั้นมันจะหนีไปได้ในภายหลัง!”

ถังลี่เสวี่ยแอบเข้าไปใกล้มันโดยใช้ [ร่างเทพ]

เธอปิดการใช้งาน [ร่างเทพ] ของเธอทันทีเมื่อเธออยู่ใกล้พอและกระโจนไปที่คอของกระต่ายที่รวดเร็ว

ถังลี่เสวี่ยใช้ทักษะ [ฉีก] ของเธอและกัดคอของกระต่ายที่รวดเร็ว เลือดของมันไหลออกมาที่ปากของ ถังลี่เสวี่ย ในขณะที่มันยังคงดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ถังลี่เสวี่ยปฏิเสธที่จะปล่อยมันไปจนกว่ามันจะหมดลมหายใจ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ถังลี่เสวี่ยจะเพลิดเพลินกับเหยื่อของเธอ

ชาาาาาาาาา!!!

งูหลามสีเมทัลลิกขนาดใหญ่กระโดดลงจากต้นไม้ใกล้ๆ เข้าหาเธอโดยอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวที่แหลมคมทั้งหมดของมัน!

[สายพันธุ์: งูหลามหลังเหล็ก]

[เกรด: ไม่ธรรมดา]

[ระดับ: 21]

[HP: 17,800/17,800]

“ห. . หึ. คุณคิดจริงๆ เหรอว่าฉันไม่รู้จริงๆว่าคุณรออยู่ที่นั่นมาก่อน?!”

ถังลี่เสวี่ยใช้ทักษะ [ก้าวพริบตา] ของเธอโดยที่คอของกระต่ายที่รวดเร็วยังคงอยู่ในปาก ร่างเล็กๆ สีเงินของเธอก็หายตัวไปในทันที และปรากฏขึ้นอีกครั้งห่างไป 10 เมตร

งูหลามหลังเหล็กจะไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อมันบิดตัวขนาดยักษ์และยาวของมันไปกลางอากาศ

เนื่องจากมันไม่สามารถกลืนถังลี่เสวี่ยและกระต่ายที่รวดเร็วทั้งตัวได้อีกต่อไป มันจึงตัดสินใจใช้ร่างกายเป็นแส้ยักษ์เพื่อโจมตีถังลี่เสวี่ยแทน!

“เฮ้อ… คุณนี่คือจริงๆ เลยนะ! โอ้ ในเมื่ออยากตายมาก ฉันก็จะทําตามความปรารถนาของคุณเอง!”

ถังลี่เสวี่ยวางกระต่ายที่รวดเร็วลงบนพื้น และเธอต้องการใช้ทักษะ [ก้าวพริบตา] ของเธออีกครั้ง

คราวนี้เธอวางแผนที่จะใช้ทักษะ [ฉีก] และ [กรงเล็บที่แหลมคม] เพื่อฆ่างูหลามหลังเหล็ก แต่ก่อนที่เธอจะทําอย่างนั้นได้

ป้างงงงงงงะ !!!

ภาพเงาเล็กๆ เตะงูหลามหลังเหล็กออกไปกลางอากาศ

ร่างยักษ์ของงูหลามเหล็กหลังนั้นบินออกไปไกลกว่าสิบเมตร และหัวของมันกระแทกเข้ากับต้นไม้อีกต้นหนึ่งอย่างแรง

ถังลี่เสวี่ย,องผู้ที่ช่วยเธอไม่ชัดเจนเท่าไร หลังจากที่เงาเล็กๆ พลิกร่าง และตกลงกับพื้นอย่างสง่างาม ถังลี่เสวี่ยก็เบิกตากว้าง และปากของเธออ้าค้างด้วยความตกใจ และแปลกใจ เมื่อเห็นผู้ที่ช่วยเธอไว้

สัตว์ขนยาวตัวเล็ก สวมผ้าพันคอสีแดง และใส่หมวกฟางยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างกล้าหาญ