ตอนที่ 43 เป็นเทพแล้วไงถ้าใจจะบวก!

Game of the World Tree

“หลอดเลือดโผล่มาแล้วเว้ย!”

“อูลร์ว่ะพวก! บอสเกิด! บอสเกิด–!”

บรรดาผู้เล่นต่างตื่นเต้นเมื่อเห็นการแจ้งเตือนจากระบบ ความกังวลใด ๆ ล้วนมลายหายไปสิ้นเมื่อได้เห็นรางวัลภารกิจและแถบสถานะ [อยู่ในระหว่างการคืนชีพสมบูรณ์ไม่จำกัดจำนวนครั้ง]

เหล่าผู้เล่นมองไปทางอสูรกายร่างแสงอีกครั้ง ทว่าในเวลานี้กลับไม่มีใครหวาดกลัวมันอีกต่อไปแล้ว

ในมุมมองของเหล่าเอลฟ์ อสูรร่างยักษ์ไม่ใช่ภัยคุกคามอีกต่อไป มันกลายเป็นเพียงตัวแจกค่าประสบการณ์และแต้มผลงานเท่านั้น!

รางวัลภารกิจนี้ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าผลตอบแทนจากเวิลด์บอสก็อบลินที่ผ่านมา!

นอกจากนี้ พวกเขาล้วนไม่ต้องกังวลว่าเลเวลจะลดลง!

ผู้เล่นต่างฮึดสู้ขึ้นมาโดยพลัน

อูลร์ลอบวิตกขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของเหล่าเอลฟ์ที่จ้องมองตนราวกับฝูงหมาป่าหิวโหย

โอ–-—!!!

มันคำรามลั่นด้วยความขุ่นเคืองพร้อมฟาดมือเข้าใส่กลุ่มเอลฟ์อีกหนหนึ่ง ผู้เล่นโชคร้ายสองคนถูกตบจนกลายเป็นเนื้อบดภายใต้ฝ่ามือของมัน

ทว่าครั้งนี้ ไม่มีเอลฟ์ตนใดคิดจะหลบหนี …

เดมาเซียชำเลืองมองแถบสเตตัสพร้อมกับตะโกนด้วยความตื่นเต้น

“รอไรกันอยู่?! ตามพี่มาโลด! ไปเตะตูดมันกัน!”

อูลร์ชำเลืองมองเดมาเซียด้วยสายตาเย็นชาสุดขั้ว มันยกเท้าขึ้นเหยียบร่างเอลฟ์หนุ่มแบนติดพื้น …

“พรืด …”

เดมาเซียถูกขยี้เป็นเศษเนื้อคาฝ่าเท้าอสูรยักษ์ แม้แต่อาวุธและอุปกรณ์ก็เละตามเจ้าของไปในการโจมตีเพียงครั้งเดียว …

หลี่มู่: “…”

ข้าวกล่อง: “…”

ลูกเมี้ยวเค็ม: “…”

ผู้เล่นทุกคนต่างพากันสงบเสงี่ยมเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

พวกเขาหันมามองกันและกัน พยักหน้าในความเงียบงัน และพร้อมใจกันวิ่งออกมาจากวิหาร …

“พวกเจ้าคิดจะหนี?”

ร่างจุติของอูลร์ยักไหล่พลางเคลื่อนย้ายร่างอันเทอะทะไล่ตามกลุ่มผู้เล่นไป

ทว่า มันกลับชะงักอยู่ครู่หนึ่งเมื่อก้าวโผล่เขตพ้นวิหาร

น่าประหลาดที่ไม่มีใครหนีไปอย่างที่มันคิด แถมเอลฟ์ทั้งหลายต่างพากันย่างสามขุมเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ

สิ่งเดียวที่ต่างไปจากช่วงก่อนหน้า คือการที่แทบไม่มีใครพกพาอาวุธอะไรเข้ามา นอกจากไม้เท้าและมีดที่ทำจากไม้เท่านั้น เอลฟ์ที่ต่อสู้ระยะประชิดดูจะเน้นการใช้เพียงมีดไม้มากกว่าเอลฟ์อีกกลุ่ม

ไกลออกไปจากจุดที่มันอยู่ มีผู้เล่นกลุ่มหนึ่งกำลังส่งต่ออาวุธและชุดเกราะให้กับบรรดาผู้เล่นเลเวลน้อย ซึ่งจะคอยเฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลในฐานะผู้รับฝากอุปกรณ์

เมืองฟลอเรนซ์ในเวลานี้ มีละอองแสงศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมไปทั่วบริเวณ

ทว่าแสงนั้นกลับต่างจากสิ่งที่ผู้เล่นเคยประสบ มันมีความขมุกขมัว เจือไปด้วยอารมณ์หมองหม่น และมีกลิ่นอายอ่อน ๆ ของความตายแฝงอยู่

อีฟสร้างสิ่งนี้ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเฮลา อีกทั้งยังปรับความเข้มข้นของลมหายใจมรณะให้ทวีความรุนแรงขึ้น เพื่อใช้กลบร่องรอยพลังแห่งธรรมชาติของตัวเอง

อูลร์หยุดชะงักเมื่อเห็นร่างของเหล่าเอลฟ์ที่เรืองแสงขึ้นมาด้วยไอยะเยือกแห่งความตาย

ใบหน้าที่ไม่ชัดเจนของมันดูแฝงไปด้วยความฉงน

“เฮลา?”

มันลอบอุทานด้วยความประหลาดใจ

มีเพียงเทพโบราณสององค์ที่เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งวิญญาณ

หนึ่งคืออึกก์ดราซิลล์ มหาพฤกษาโลกา ผู้ครองพันธกิจศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง มีอำนาจเหนือชีวิต ธรรมชาติ และปวงเอลฟ์ แต่ยุคสมัยของเทพองค์นี้ได้สิ้นไปแล้ว

สองคือเทพแห่งความตาย เฮลา ผู้ครองโลกใต้พิภพที่มีพลังอยู่ในระดับมัชฌิมเทพ!

อูลร์ไม่สามารถสัมผัสถึงพลังแห่งธรรมชาติใน ‘เอลฟ์’ เหล่านี้ ทว่ามันกลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตาย!

คำตอบของคำถามในใจมันพลันแจ่มชัด

ในเวลานี้ อูลร์มั่นใจไปเก้าส่วนว่า ‘เอลฟ์’ ประหลาดพวกนี้คงจะถูกสร้างขึ้นมาโดยฝีมือของเฮลา

แต่มันกลับทวีความสับสนยิ่งขึ้นไปอีก มันไม่เข้าใจว่าทำไมสาวกของเฮลาถึงมาปรากฏอยู่บนผืนโลก

ทว่าในวินาทีที่มันขบคิดสาเหตุที่เฮลาส่งสาวกของเธอขึ้นมาสู่ซากัส …ความอดทนของเหล่าผู้เล่นพลันสิ้นสุด

เหล่าเอลฟ์เบื้องหน้าร่างจุติต่างตะโกนด้วยความตื่นเต้น

“มาเร็วสหาย!”

“เพื่อเหล่าเอลฟ์! เพื่อเทพธิดา! สังหารมัน!”

“ฆ่าอูลร์!”

“ลุย!”

สิ้นเสียงดังกล่าว เหล่าเอลฟ์จำนวนนับสิบต่างพากันกรูเข้าไปหาอวาตาร์ร่างยักษ์ ทั่วทั้งร่างกายของพวกเขาต่างเปล่งแสงสว่างวาบจากทักษะจำนวนมาก

ในบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกล พลันปรากฏเอลฟ์อีกหลายสิบที่ดาหน้าเข้ามาพร้อมกับบริกรรมคาถา เวทมนตร์จำนวนมหาศาลต่างปะทุเข้ามาหาอูลร์อย่างต่อเนื่อง

พวกมันไม่มีความยำเกรงต่อเทพ!

พวกมันไม่กลัวตาย!

ร่างจุติของอูลร์ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่เมื่อมันเผชิญกับการคุกคามและหยามเกียรติโดยเอลฟ์เหล่านี้ ความอดทนของมันได้มาถึงจุดสิ้นสุด!

แม้มันจะหวาดกลัวพลังของเฮลาเพียงใด แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะยอมให้สิ่งมีชีวิตพวกนี้มาลบหลู่ตัวมันที่เป็นถึงเทพ!

มันไม่สนใจว่าใครหน้าไหนจะเป็นสาวกของเฮลาอีกต่อไป ใครบังอาจดูถูกเกียรติยศและศักดิ์ศรีของเทพ ย่อมต้องรับโทษมหันต์ ซึ่งคือความตาย!

โอ—!!!

อูลร์คำรามลั่นพร้อมเหวี่ยงขวานยักษ์ของตนขึ้นมา มันตั้งใจจะต่อสู้เต็มกำลัง เหล่าสิ่งมีชีวิตที่กล้าต่อกรกับร่างจุติของเทพ จะต้องได้รับสิ่งที่สมน้ำสมเนื้อกับการกระทำนี้!

ตูมมมมม!

มันเหวี่ยงขวานยักษ์ที่อัดแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ลงมาเต็มแรง รอยแยกขนาดยักษ์พลันปรากฏบนพื้นดิน มันลึกจนมองไม่เห็นพื้นเบื้องล่าง …

ร่างของผู้เล่นที่ถูกโจมตีต่างแตกกระจายกลายเป็นเศษเนื้อ

“บ้าจริง! โคตรโหดเลยเว้ย!”

“อ้อมหลังเอา! เข้าข้างหลังมัน! ไอ้ยักษ์นี่มันช้า!”

“ล่อมันกันเหอะ!”

ผู้เล่นต่างตะโกนด้วยความตกใจ แต่ไม่มีผู้ใดล่าถอย แถมพวกเขาต่างพากันจู่โจมราวกับฝูงผึ้ง

ร่างจุติของอูลร์ยิ่งทวีความหงุดหงิด

แม้เหล่าเอลฟ์จะอ่อนแอเพียงใด แต่อูลร์รู้ว่าสภาพของตนก็ไม่ได้ดีพร้อม…

มันไม่สามารถรับศึกที่ยืดเยื้อได้ ทางเลือกเดียวคือการกวาดล้างพวกเอลฟ์ให้เร็วที่สุด!

ดวงตาของมันฉายแสงวูปหนึ่ง มันคำรามอีกครั้งพร้อมกับระดมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ปริมาณเอลฟ์ที่ถูกสังหารพลันเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทว่าในวินาทีที่มันลอบกระหยิ่มยิ้มย่องว่าตนจะกวาดล้างเหล่าหนอนแมลงพวกนี้ได้ในเวลาอันสั้น พลันปรากฏร่างที่เรืองแสงอ่อน ๆ ด้วยไอมรณะของเอลฟ์อีกนับสิบ พวกมันพากันถาโถมใส่อูลร์พร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวก

ร่างจุติของเทพถึงกับหยุดชะงักพลางมองเหล่าเอลฟ์โดยไม่รู้ตัว …

เพราะอูลร์พบว่าหนึ่งในฝูงเอลฟ์ที่กำลังดาหน้ากันเข้ามา คือเอลฟ์ที่มันเพิ่งสังหารไป!

“อมตะ?!”

เสียงของอูลร์แฝงไปด้วยความเคร่งขรึม มันตระหนักถึงบางสิ่งขึ้นมาทันควัน

พวกเอลฟ์สูญเสียเทพประจำเผ่า วิญญาณของเอลฟ์ที่ตายย่อมถูกส่งไปที่ใต้พิภพ … ทว่าเอลฟ์เหล่านี้ดูราวกับไร้วิญญาณ … พวกมันอมตะเหมือนกับผีดิบ ทว่าปราศจากวิญญาณ!

หรือว่า …

“กองพันวีรชนของเฮลา?”

น้ำเสียงของมันแฝงไปด้วยความสุดจะเชื่อ

แต่กองพันวีรชนของเฮลาจะมาปรากฏบนโลกได้อย่างไร?

พวกมันคือกองทัพที่รับหน้าที่อันสำคัญยิ่ง คือการปกป้องแดนใต้โลกและอาณาจักรแห่งความตาย!

ที่สำคัญ … ทำไมมันถึงอ่อนแอยิ่งนัก?

มันได้แต่ทวีสงสัยมากขึ้นในทุก ๆ ขณะ

เหล่าผู้เล่นต่างตื่นเต้นเมื่อเห็นร่างจุติของอูลร์หยุดชะงัก

“มันนิ่งแล้ว! บอสนิ่งแล้ว–!”

“เร็วเข้า! รีบตีมันเข้าไป ตอนนี้ล่ะ!”

“ยิงมันด้วยเวทระยะไกล! ยำมันให้หนัก!”

ทักษะดาบและเวทมนตร์จำนวนมากต่างพากันถาโถมเข้าใส่อวาตาร์ของอูลร์

อารมณ์ของอสูรกายร่างยักษ์พลันเปลี่ยนเล็กน้อย มันพบว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างจุติของตนเริ่มปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง

มันคำรามด้วยความโกรธ

โอ—–!!!

ความคิดที่จะล่าถอยพลันผุดขึ้นมาในใจของมัน

อูลร์ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่นานกว่านี้แม้แต่วินาทีเดียว หากเอลฟ์เหล่านี้คือกองพันวีรชนของเฮลาจริง ๆ ก็คงต้องใช้ร่างจุติของตนเข้าปะทะ หรือเรียกพวกผู้พิทักษ์มาเป็นกำลังรบ

เฮลาคงจะมีแผนที่จะดำเนินการบางอย่างในป่าเอลฟ์ … แต่เหมือนว่าแผนนี้จะไม่สำคัญเท่าไร เมื่อดูจากการที่เฮลาไม่ได้ติดตามสถานการณ์ทางฝั่งนี้ด้วยตัวเอง …

ข้าไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนี้อีกต่อไป แค่สาวกของข้าก็เพียงพอต่อการสำรวจป่าแห่งนี้แล้ว

สิ่งสำคัญที่สุดคือการส่งคริสตัลจากร่างนี้กลับไปต่างหาก!

คิดได้ดังนั้น อูลร์จึงเหวี่ยงขวานของตนอีกครั้งเพื่อบังคับให้เหล่าเอลฟ์ถอยร่น มันเตรียมช่องทางหลบหนีให้กับตัวเองอย่างลับ ๆ

“ฮึฮึ จะหนีเหรอคะ?”

อีฟใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ทันทีเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของกระแสพลังในร่างจุติของอูลร์ผ่านทางมุมมองของผู้เล่น

ในวินาทีนั้น หลอดสีส้มพลันปรากฏใต้แถบเลือดสีแดงของอูลร์ พร้อม ๆ กับการแจ้งเตือนจากระบบที่ตามมาติด ๆ—

[ร่างจุติของอูลร์กำลังจะหนีไป มันจะล่าถอยสำเร็จเมื่อแถบสีส้มลดลงจนเป็นศูนย์!]

เมื่อเห็นข้อความดังกล่าว บรรดาผู้เล่นต่างพากันคลุ้มคลั่ง

“ไม่ได้การแล้ว! มันจะหนีแล้ว!”

“อย่าปล่อยให้มันหนีไป! เราลดเลือดมันได้ถึงหนึ่งในสี่แล้วนะ!”

“รางวัลล่ะ! สู้กันมาตั้งนานนะเว้ย!”

“ก่อนที่หลอดส้มจะหมด ช่วยกันยำมันให้ตายเร็ว !”

“โอ—-!”

พวกเขาต่างพากันโห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนพากันหยุดการวิ่งล่อบอส และเลือกที่จะพุ่งเข้าปะทะอย่างไม่หยุดยั้ง

ผู้เล่นสายเวทมนตร์พากันใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนมีโดยไม่สนพลังเวทที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หากใครใช้พลังเวทจนหมดก็จะระเบิดตัวเองทิ้งและคืนชีพเพื่อรีบกลับสู่สนามรบ …

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

T/N: เดมาเซีย!

วันนี้มีสองตอนนะคะ (ตอนนี้คือ 2/2)

เจอกันพรุ่งนี้ค่า

ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ

Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _