บทที่ 252 ชอบข้ามากกว่านี้สักหน่อย

แต่ว่านางตายแล้ว

พวกเขาบอกว่าตอนที่นางตายอนาถอย่างยิ่ง เซี่ยหยางใช้การลงโทษที่โหดร้ายทั้งหมดที่สามารถใช้กับผู้หญิงได้กับนาง

ตอนที่เขาทราบข่าวนี้ เขากำลังขอยันต์ปลอดภัยชิ้นที่เก้าสิบเก้าให้นางอยู่ หลายปีที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะผ่านวัดหรืออาราม เขาก็มักจะเข้าไปโดยไม่รู้ตัว โดยหวังว่านางจะยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่านางอาจจะจำเขาไม่ได้ก็ตาม

“พวกเขาบอกว่าเมื่อขอยันต์ปลอดภัยชิ้นที่หนึ่งร้อยได้ ชาติหน้าคนคนนั้นจะต้องร่มเย็นเป็นสุขและยินดีปรีดาอย่างแน่นอน”

แต่ว่านางตายไปแล้ว

เฮอะ ตอนนางตายคาดว่าคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้นางแม้แต่หยดเดียวเป็นแน่ นางมารร้ายที่น่ารังเกียจตายแล้ว เขาควรจะมีความสุข แต่เหตุใดถึงร้องไห้กันเล่า

เพราะนางไม่มีพ่อไม่มีแม่และไม่มีญาติพี่น้อง บนโลกนี้คนที่จะคิดถึงนาง ดูเหมือนว่าจะมีแค่เขา เซียวเซวียนจิ่นเพียงผู้เดียวเท่านั้น

เช่นนั้นเขาจะลืมนางได้อย่างไร?

ความรู้สึกราวกับขาดอากาศหายใจล้อมรอบเซียวเซวียนจิ่นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เขาจะหายใจไม่ออก แม้แต่ลำคอก็ยังรู้สึกฝืดขม ขมจนขอบตาของเขาร้อนผ่าว ทำให้เขากระสับกระส่ายยากจะเป็นสุขได้

เขาจะพานางกลับมา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ครอบครัวของนาง แต่อย่างน้อยนางก็ยังสามารถสัมผัสผืนดินของที่นี่ สัมผัสสายลมของที่นี่ได้

เป็นสายลมแห่งอิสระ เป็นดวงจันทร์ที่อ่อนโยน และ…เขาที่คอยอยู่ด้านหลัง

ไม่สำคัญว่านางจะเป็นนางมารร้ายหรือไม่ สำหรับเขานางจะเป็นน้องอาอินที่เขาเคยอุ้มและกล่อมอยู่ในอ้อมแขน เวลาที่นางหัวเราะจะมีดวงดาวเปล่งประกายอยู่ในแววตาของนาง และเขาต้องการคืนดวงดาวเหล่านั้นให้กับนาง

มีคนเคยบอกว่าเขามีใบหน้าที่ไร้หัวใจ แต่ลายมือกลับบ่งบอกว่าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักอย่างยิ่ง

“ไม่รู้ว่าภายหน้าซื่อจื่อจะชอบพอสตรีตระกูลใด”

เขาคิดว่าเขามีคำตอบแล้ว

เขาทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะพานางกลับมา เขาทนดูนางถูกเซี่ยหยางเหยียบย่ำเช่นนั้นไม่ได้

“ซื่อจื่อ ว่ากันว่าเซี่ยหยางเป็นฮ่องเต้ที่ฟ้าลิขิต เขาคือผู้ที่ฟ้ากำหนด เหตุใดพวกเราต้องไปปะทะกับเขาด้วยเล่าขอรับ?”

เขาไม่รู้ว่าอะไรคือการปะทะ เขาแค่อยากพาน้องอาอินกลับบ้าน

ภาพของภูเขาซากศพและทะเลเลือดถาโถมเข้ามาอีกครั้ง เขาค้นหาแล้วค้นหาเล่า และในที่สุดก็พบศีรษะของนางและพัดที่มีชื่อของนางสลักอยู่ในกระโจมของเซี่ยหยาง

และยังมีโกศเถ้ากระดูกของนางอยู่ที่มุมหนึ่งของกระโจม

เขาออกจากกระโจมพร้อมกับของสามอย่าง มีทหารไล่ตามมาทางด้านหลัง ลูกธนูนับไม่ถ้วนพุ่งมาที่เขา และเขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเขาเองก็คงจะกลับไปไม่ได้แล้วเช่นกัน

เขาไม่มีแม้แต่เครื่องมือที่จะขุดหลุมฝังศพให้นาง แต่เขายังมีมืออีกหนึ่งคู่ เลือดบนกายค่อย ๆ หยดลงมา เขาแยกไม่ออกแล้วว่านั่นเป็นเลือดของเขา หรือว่าเลือดของผู้ใดกันแน่

หลังจากฝังทั้งสามสิ่งนั้นเรียบร้อยแล้ว เขาจึงได้คุกเข่าอยู่ตรงนั้นและหลับตาลงช้า ๆ

เจ้าไม่อยากฟังข้าพูด เช่นนั้นข้าก็จะไม่พูดอีก ข้าขออยู่กับเจ้าเงียบ ๆ เช่นนี้ได้หรือไม่

แม่นางที่ข้าหลงรัก

ข้าใช้ยันต์ปลอดภัยชิ้นที่หนึ่งร้อย เพื่อแลกกับการเกิดใหม่ ถึงเวลานั้นเจ้าช่วยชอบข้ามากกว่านี้สักหน่อยจะได้หรือไม่?

เหมือนมีเสียงลมกรรโชกดังอยู่ข้างหู ผสมกับเสียงร้องไห้แหบแห้งของตัวเขาเอง และกระดิ่งบนยันต์ปลอดภัย…

เซียวเซวียนจิ่นลืมตาโพลง ใบหน้าที่ยังดูเด็กเต็มไปด้วยคราบน้ำตา นี่เป็นความฝันอย่างนั้นหรือ? หรือเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกันแน่?

“เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก~” เสียงไก่ขันดังขึ้น อาอินเปิดผ้าห่มออก มัดผมเป็นเปียสองข้าง สวมรองเท้าเรียบร้อย ตั้งใจจะไปซาวข้าว

ทว่าทันทีที่เปิดประตู ก็พบว่ามีคนมายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของนาง

นางถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ หลังจากที่มองชัด ๆ ก็พบว่าเป็นเซียวเซวียนจิ่น จึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “เหตุใดเจ้าถึงมาแต่เช้าเช่นนี้?”

มีเสียงในครัว ดูท่าท่านแม่คงตื่นมาทำอาหารเช้าแล้ว ส่วนลานด้านหน้ามีเสียงอาชิงให้อาหารเป็ดอยู่

เซียวเซวียนจิ่นจ้องมองนาง ทันใดนั้นก็ก้มลงและบีบแก้มของนางเล็กน้อย “ข้ามาดูเจ้า”

เห็นหน้าเจ้าแล้วข้าถึงจะสบายใจ

“ข้าสบายดี ข้ามีอะไรให้ดูกัน”

เซียวเซวียนจิ่นยกยิ้มขึ้น และก็ยังคงเป็นรอยยิ้มที่เจิดจ้าและมีเสน่ห์นั่น “มาปรึกษากันหน่อย ต่อไปพี่ชายสามารถเขียนจดหมายหาเจ้าได้หรือไม่?”

อาอินเกาหัว “ข้ายังรู้ตัวหนังสือไม่มาก”

“ไม่เป็นไร วาดภาพให้ข้าก็ได้”

อาอินใช้ปลายเท้าเตะก้อนหินแก้อาการประหม่า เซียวเซวียนจิ่นจึงถอยหลังไปสองก้าว เขาตัดสินใจแล้ว ในความฝันเขาไม่เคยมาที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน ในเวลานั้นท่านอาเผยก็หายสาบสูญ กองทัพทหารเกราะเหล็กก็กระจัดกระจายไปนานแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงานเลย

สิ่งเดียวที่ยังคงเหมือนเดิมคือเขายังคงต้องไปเมืองหลวงในฐานะตัวประกัน แต่คราวนี้เขาจะไม่ปล่อยให้เซี่ยหยางมีโอกาสปีนขึ้นสูงเช่นนั้นอีกแล้ว และไม่ต้องการให้ตระกูลเผยเผชิญกับหายนะอีก

ชีวิตนี้นางต้องเป็นสาวน้อยที่มีความสุข คนทั้งโลกเกลียดนาง ชิงชังนาง เคียดแค้นนาง แต่เขารักนาง หวงแหนนาง ชื่นชมนาง

เขาถึงขนาดอิจฉาคนที่นางทุ่มสุดตัวและยอมเสี่ยงอันตราย เพื่อปกป้องคนที่นางรักและให้ความสำคัญ แต่ไม่มีเขารวมอยู่ในนั้นด้วย

หากนางรักเขาเช่นนั้นบ้าง เขาก็จะได้รับการปกป้องอย่างสุดหัวใจจากนางด้วยใช่หรือไม่?

ไม่ว่าความฝันนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ ท่านพ่อย่อมเห็นด้วยกับการที่เขายืนอยู่ข้างเดียวกับตระกูลเผย และเชื่อว่าพวกเขาก็ต้องการคนเป็นหูเป็นตาในวังให้เช่นกัน

เซียวเซวียนจิ่นมาอย่างรีบร้อน และหายไปอย่างรวดเร็ว

อาอินเพียงแค่กลับเข้าห้องไปหยิบของเล่นที่เพิ่งได้มา เขาก็หายไปเสียแล้ว

ท่านพ่อบอกว่าข้างกายเขามียอดฝีมืออยู่ด้วย เดิมนางยังไม่เชื่อแต่ตอนนี้นางเชื่อแล้ว เพียงแต่นางรู้สึกว่าสายตาที่เขามองนางเมื่อวานกับวันนี้ไม่เหมือนกัน

ภายในเรือน

เผยยวนยังไม่ค่อยได้สติเท่าไรนัก เด็กคนนั้นพูดว่าอย่างไรนะ? เป็นหูเป็นตาให้เขาอย่างนั้นหรือ?

เขาเพิ่งจะอายุเท่าใดกัน กลับคิดมากถึงเพียงนั้นแล้ว มีชีวิตอยู่ในวังได้อย่างปลอดภัยก็ดีมากแล้ว ยังต้องคิดมากเพียงนั้นอีก

เผยยวนส่ายหน้าไปมา ช่างเหลวไหลสิ้นดี อยู่ในวังหลวงสิ่งแรกที่เขาต้องทำก็คือการปกป้องตัวเอง ยิ่งอยู่ห่างจากพวกเขามากเท่าไรก็ยิ่งดี คนอย่างฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่แน่ว่าวันใดอาจจะอยากจัดการอ๋องเจิ้นเป่ยก็เป็นได้ แต่ว่าตอนนี้ทางเขายังมีชีวิตอยู่ คิดว่าก้าวต่อไปของฮ่องเต้เซี่ยเจิน คาดว่าคงจะแยกอำนาจของเขากับอ๋องเจิ้นเป่ยเป็นแน่

นี่เป็นวิธีการที่ฮ่องเต้เซี่ยเจินใช้เป็นประจำ เพื่อถ่วงดุลของอีกฝ่าย

หากเป็นเช่นนั้นคิดว่าชีวิตของเซียวเซวียนจิ่นในเมืองหลวงก็คงจะไม่ดีนัก

จี้จือฮวนยกน้ำเต้าหู้เข้ามา ก็เห็นเผยยวนนั่งส่ายหน้าไปมาอยู่ “เป็นอะไรไป? ส่ายหน้าอย่างกับป๋องแป๋งแต่เช้า”

เผยยวนเข้ามาช่วย ตอนที่พูดกับเซียวเซวียนจิ่นเขารู้สึกว่ามันเหลวไหลสิ้นดี จึงเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้นางฟัง “คงไม่ใช่ว่าเมื่อวานข้าพูดอะไรไปแล้วทำให้เด็กคนนั้นเป็นกังวลเกินไปหรอกกระมัง”

จี้จือฮวนเข้าใจแล้ว ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างครุ่นคิด “บางทีเขาอาจจะอยากเป็นลูกเขยเจ้าก็ได้ เป็นครอบครัวเดียวกันย่อมต้องใส่ใจกันเป็นธรรมดา และคงกลัวว่าพวกเราจะเสียเปรียบกระมัง”

เผยยวน “???”

ลูกเขย? ลูกสาวเขายังไม่โตเลยก็ถูกคนเล็งเอาไว้แล้วอย่างนั้นหรือ? อาอินเพิ่งจะกี่ขวบกัน!?

จี้จือฮวนบอกไม่ได้จริง ๆ ว่านางเห็นอดีตและอนาคตของตัวละครในนิยายอย่างพวกเจ้าหมดแล้ว ดังนั้นจึงใช้วิธีปลอบโยนเขาอย่างอ้อม ๆ “ไม่เป็นไร ยังอีกสิบกว่าปี เลี้ยงดูกันไปก่อน”

เผยยวนกลายเป็นหินไปทันที

แต่เมื่อจี้จือฮวนเดินไปถึงหน้าประตูก็นึกสงสัยขึ้นมา เซียวเซวียนจิ่น…ควรจะพบกันตอนที่อาอินลอบสังหารเซี่ยหยางไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เส้นเวลาเดินเร็วเกินไปหรือไม่?

หรือเป็นเพราะนางปรากฏตัวจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป ตัวประกอบก็เปลี่ยนไปด้วย?

ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็มีแขนข้างหนึ่งยื่นมาดึงนางกลับเข้าไปในเรือน จี้จือฮวนถูกเผยยวนแบกขึ้นบ่า และเดินตรงเข้าไปในห้องของเขา หลังจากปิดประตูก็มีเสียงคนเดินอยู่ด้านนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชิงที่เป็นเหมือนระเบิดเวลา เขามักจะมุดเข้ามาเรียกหาท่านพ่อกับท่านแม่พร้อมรอยยิ้มได้ทุกที่ทุกเวลา

ร่างกายของจี้จือฮวนเกร็งขึ้นมาทันที เผยยวนจ้องริมฝีปากของนางเขม็ง “ปลอบข้าที”

สิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ทำให้เขาตกใจจนอยากจะย้ายบ้านหนี ต่อให้อาอินจะไม่ใช่ลูกสาวที่ชอบเอาอกเอาใจแต่นั่นก็เป็นลูกสาวของเขา ดังนั้นเขาต้องตักตวงเอากำไรคืนมาบ้าง

เสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความสนิทสนม ทว่าในแววตานั้นบ่งบอกชัดเจนอยู่แล้ว

ปลายนิ้วของจี้จือฮวนไล้ไปตามแก้มของเขา ก่อนจะวางลงบนกรามอย่างช้า ๆ จากนั้นก็ปัดผ่านบริเวณสันกรามเบา ๆ

เผยยวนเลิกคิ้วขึ้น “ยั่วข้าอย่างนั้นหรือ?”

.

.

.