ตอนที่ 266 จับคนตามคำสั่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 266 จับคนตามคำสั่ง

หนังตาของเยียนอวิ๋นฉวนกระตุก เขารู้สึกกังวลใจเล็กน้อยเพราะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างมาก

เขาบ่นพึมพำ “ย่อมต้องมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

เขารีบออกจากสำนักหยาเหมินกลับจวน

เพื่อเล่าลางสังหรณ์ที่ไม่ดีของตนเองให้หวังกุนซือฟัง

เมื่อหวังกุนซือได้ยินจึงตกใจ เขารีบพูด “ข้าเพิ่งได้รับข่าวบอกว่ากองกำลังซีหยงบุกรุกลงใต้จากทางด่านเฟิงโข่ว”

อย่างไรเยียนอวิ๋นฉวนก็เคยอยู่ในค่ายทหารหลายปี เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็สามารถตัดสินความร้ายแรงของเรื่องนี้ได้

“ด่านเฟิงโข่ว? ดูจากสถานการณ์ในเวลานี้ พวกเขาคงจะบุกรุกเป็นทางตรงมาตลอดทาง ไม่พบการต่อต้านที่แข็งแกร่งแม้แต่น้อย”

“ได้ยินว่ากวาดล้างคูเมืองไปหลายแห่ง”

ปัง!

เยียนอวิ๋นฉวนทุบหมัดลงบนโต๊ะ

หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาก็สงบลง ก่อนจะกระจ่างขึ้นมา “ซินแสหมายความว่าราชสำนักต้องการให้ท่านพ่อออกกองกำลังควบคุมกองกำลังซีหยง?”

หวังกุนซือพยักหน้า “ทหารโยวโจวของท่านโหวเป็นกองกำลังที่ใกล้กับกองกำลังซีหยงที่สุด หากต้องการขับไล่กองกำลังซีหยง ย่อมขาดกองกำลังโยวโจวของท่านโหวไม่ได้”

“เป็นไปไม่ได้! ท่านพ่อไม่มีทางทำเช่นนี้”

เยียนอวิ๋นฉวนรู้นิสัยของบิดา เยียนโส่วจ้านอย่างมาก

“กองกำลังซีหยงบุกรุกเข้ามาอย่างดุเดือด แม้จะเคลื่อนไหวกองกำลังโยวโจว ถึงจะควบคุมกองกำลังซีหยงได้ แต่ย่อมต้องเสียหายอย่างมาก ความเสียหายนี้ ท่านพ่อแบกรับไม่ไหว อย่างน้อยเวลานี้ยังแบกรับไม่ไหว ท่านพ่อย่อมต้องปฏิเสธคำขอของราชสำนัก…”

เขาเข้าใจทันทีว่าเหตุใดหนังตาของเขาจึงกระตุกไม่หยุด เหตุใดจึงมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

“ข้าอันตรายแล้ว!”

หวังกุนซือรีบพูด “นายน้อยรีบออกจากเมืองหลวง ล่าช้าไม่ได้”

เยียนอวิ๋นฉวนก็คิดว่าตนเองจำเป็นต้องออกจากเมืองหลวง

เพียงแต่…

“ข้าออกจากเมืองหลวงเวลานี้จะทันหรือ”

หรือว่าชีวิตของตนเองจะต้องจบสิ้นในเมืองหลวง

หวังกุนซือรีบเสนอ “หากนายน้อยกังวลว่าจะออกจากเมืองหลวงไม่ได้ สู้เดินทางไปหลบที่จวนท่านหญิงชั่วคราวก่อนดีกว่า”

เยียนอวิ๋นฉวนลังเล “เจ้าลองเดาดู หากในวังบีบบังคับ ฮูหยินจะส่งข้าออกไปเพื่อแลกกับความปลอดภัยของพวกนางแม่ลูกหรือไม่”

หวังกุนซือขมวดคิ้ว “นายน้อยหมายความว่าไม่ไปจวนท่านหญิง? แล้วจะไปที่ใด”

“ไปหาหลิงฉางจื้อ เวลานี้ หลิงฉางจื้อสามารถปกป้องข้าได้มากกว่าจวนท่านหญิง”

“นายน้อยแน่ใจว่าหลิงฉางจื้อจะไม่ทรยศนายน้อย?”

“เขาไม่ทำ! เพราะ…”

ข้ากับเขาเป็นมดบนเชือกเส้นเดียวกัน

เยียนอวิ๋นฉวนไม่ทันที่จะเก็บสัมภาระ เขาปลอมตัวเล็กน้อยพลันแอบเดินทางไปยังจวนตระกูลหลิง

“พี่ฉางจื้อช่วยข้าด้วย!”

ทันทีที่ทั้งสองคนพบหน้ากัน เยียนอวิ๋นฉวนก็พูดถึงสถานการณ์อันยากลำบากของตนเองออกมา

“หากพี่ฉางจื้อไม่ช่วยข้า ข้าคงตายอย่างไร้ที่ฝังแล้วจริงๆ ขอให้พี่ฉางจื้อเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ช่วยข้าด้วยเถิด”

หลิงฉางจื้อเงียบ

เยียนอวิ๋นฉวนใจหายวาบ เขาก้าวถอยหลังช้าๆ

เพียงชั่วพริบตา หลิงฉางจื้อก็หัวเราะขึ้นมา

เขาพูดอย่างจริงจัง “ขอบคุณพี่อวิ๋นฉวนที่เชื่อใจข้า เวลานี้ ท่านมาขอให้ข้าช่วยเหลือ มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าข้าหลิงฉางจื้อเป็นคนที่รักษาสัจจะในสายตาของท่าน พี่อวิ๋นฉวนปักหลักลงในจวนข้าได้อย่างสบายใจ ท่านวางใจ ร่องรอยของท่าน ข้าจะเก็บเป็นความลับ ด้านนอกมีการเคลื่อนไหวอย่างไร ข้าก็จะบอกพี่อวิ๋นฉวนทันที”

เยียนอวิ๋นฉวนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขาไว้ใจไม่ผิดคน หลิงฉางจื้อยอมช่วยเขาจริงๆ

เขาจึงแอบปักหลักอยู่ในจวนตระกูลหลิงอย่างเงียบๆ เช่นนี้

องครักษ์จินอู่เดินทางไปจับเยียนอวิ๋นฉวนที่จวน สุดท้ายพบแต่ความว่างเปล่า

พวกเขารีบตัดสินใจเดินทางไปจับคนที่จวนท่านหญิง

ท่านหญิงจู้หยาง เซียวฮูหยินตวาดตำหนิองครักษ์จินอู่ “บังอาจ! จับคนจับมาถึงจวนของข้า พวกเจ้าเบิกตาดู จวนท่านหญิงมีคนที่พวกเจ้าต้องการหรือไม่”

หัวหน้าองครักษ์จินอู่หัวเราะ “มีคนที่องครักษ์จินอู่ต้องการหรือไม่ ท่านหญิงให้ข้าค้นเองดีกว่า”

เซียวฮูหยินหัวเราะเยาะ “เจ้าบอกค้นก็ค้น ข้าไม่มีศักดิศรีหรือ นอกจากเจ้าไปขอพระราชโองการมา มิฉะนั้นอย่าคิดจะค้น”

องครักษ์แต่ละคนในจวนท่านหญิงล้วนประดับไปด้วยมีดคาดเอว พวกเขาทำท่าเหมือนเผชิญศึกหนัก

ราวกับหากเจรจาไม่ลงตัวก็พร้อมที่จะปะทะ

หัวหน้าองครักษ์จินอู่กวาดตามองรอบด้านพลันหัวเราะเสียงเย็น “ข้าปฏิบัติตามพระราชโองการ ท่านหญิงไม่ให้ความร่วมมือ ต้องการที่จะก่อกบกฎหรือ”

“เจ้าไม่ต้องใช้ไม้นี้ เมื่อยี่สิบปีก่อนก็มีคนใช้วิธีนี้ใส่ร้ายทั้งตำหนักบูรพา เวลานั้นข้ายังเด็ก ไร้ปัญญา เวลานี้หากมีคนกล้าใช้วิธีนี้อีก บังอาจใส่ร้ายข้าอีก อย่าโทษดาบในมือข้าไร้ตา”

แสงสะท้อนแสบตาแล่นผ่านเข้าดวงตาของหัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกัง ทำให้เขามองไม่ชัด

เขายกมือบดบังแสงนั้นเอาไว้ พลันมองไป

มันคือแสงสะท้อนจากโลหะ

ทันใดนั้น เขาเหมือนมีหนามทิ่มหลัง หัวใจเต้นรัว

มีคนกำลังถือคันธนูเพ่งเล็งมาทางเขาจากที่สูง

เพียงแค่เขากล้าขยับ ลูกธนูก็จะทะลุลำคอของเขา

เขานึกขึ้นมาได้ทันที คุณหนูสี่ตระกูลเยียนชำนาญในการยิงธนู มีความสามารถในการยิงธนูอย่างแม่นยำ

คุณหนูสี่ที่ไม่เคยเห็นหน้า คิดว่าเวลานี้อีกฝ่ายคงยืนอยู่ที่สูงสักแห่ง ในมือถือคันธนู ดึงสายธนูตึงพร้อมที่จะเอาชีวิตของเขาทุกเมื่อ

ภายในใจของเขาหวาดกลัว อีกทั้งยังโกรธเคืองอย่างมาก บังอาจพยายามยิงสังหารเขา หาที่ตายหรือ

“ฮาๆ …”

เขาปล่อยเสียงหัวเราะดัง “เหตุใดวันนี้จึงไม่พบคุณหนูสี่ ท่านหญิงสู้เชิญคุณหนูสี่ออกมาเสียดีกว่า นางเป็นหญิงสาว นิสัยตรงไปตรงมา คิดว่าคงจะไม่พูดโกหก”

เซียวฮูหยินหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าสี่ของข้าอยู่ในช่วงวัยหาคู่หมั้นพอดี จะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้อย่างง่ายดายได้อย่างไร ใต้เท้าเจิ้ง เจ้าฟังให้ดี เยียนอวิ๋นฉวนไม่อยู่ในจวนท่านหญิง เจ้ายังสามารถเดินทางมาจับคนในจวนท่านหญิงทันที เขาจะโง่คิดไม่ถึงเรื่องนี้หรือ เจ้ามาเสียเวลาอยู่กับข้าสู้เจ้ารีบส่งคนไปตรวจสอบเสียดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจสืบพบร่องรอยของเขาก็เป็นได้”

หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังหัวเราะเสียดสี “ท่านหญิงอย่าได้หลอกข้าเลย ข้ามั่นใจว่าเขาไม่ได้ออกจากเมือง นอกจากมาจวนท่านหญิงแล้ว เขาจะไปที่ใดได้ เหมือนดังคำโบราณที่ว่าภายใต้แสงไฟย่อมมืดสลัว สถานที่ที่อันตรายที่สุดอาจเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ขอให้ท่านหญิงให้ความร่วมมือส่งคนออกมา หรือไม่ก็ให้องครักษ์จินอู่ค้นหา”

เซียวฮูหยินทำหน้าไม่พอใจ “ข้าพูดอีกครั้ง นอกจากเจ้าขอพระราชโองการมา มิฉะนั้นอย่าหวังที่จะค้นจวนท่านหญิง หากไม่มีพระราชโองการ เจ้าออกไปเสีย! ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งเหยือกชา เมื่อเวลาถึง หากเจ้ายังไม่จากไป อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

ทันทีที่สิ้นเสียง…

ฉึบ…

เสียงลูกธนูวาดผ่านกลางอากาศ เฉียดใบหูของหัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังไปปักลงบนเสาข้างกำแพง

มันเป็นการตักเตือน

หัวหน้าองครักษ์เจิ้งกังเหงื่อตก สีหน้าซีดเผือด

หากมือของเยียนอวิ๋นเกอเอียงอีกเล็กน้อย เขาคงไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกลูกธนูยิงทะลุ

เขามองลูกธนูที่ปักเข้ากำแพง เหลือแต่เพียงหางธนูโผล่อยู่ด้านนอก

มันต้องเป็นพละกำลังแบบใดกัน

มิน่าผู้คนถึงบอกว่าคุณหนูสี่ตระกูลเยียนมีกำลังมาก คนทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง

เขากำหมัดแน่น ภายในใจโกรธแค้นอย่างมาก

“ท่านหญิง ท่านจะฆ่าขุนนางหรือ”

เซียวฮูหยินหัวเราะเสียงเย็น “หากมีคนบังอาจดูหมิ่นข้าก็ฆ่าทิ้งเสีย! ตอนนั้นข้าก็ฆ่าขุนนางไปไม่น้อย คนที่ถูกฆ่าก็คือพวกเจ้าองครักษ์จินอู่”

หัวหน้าองครักษ์จินอู่เจิ้งกังอกสั่นขวัญแขวน คิ้วขมวดมุ่น

คดีก่อกบฏ ‘องค์รัชทายาทจางอี้’ เมื่อยี่สิบปีก่อน ทั้งตำหนักวังบูรพาไม่มีทางยอมจำนนอย่างง่ายดายแน่นอน

ระหว่างนั้นย่อมมีการปะทะอย่างดุเดือด

ถึงแม้ตำหนักบูรพาจะบาดเจ็บเสียหายอย่างสาหัส

แต่สำนักหยาเหมินที่รับคำสั่งตรวจสอบตำหนักบูรพาก็ไม่ได้ผลประโยชน์มากนัก

ได้ยินว่าคดีก่อกบฏนั้น คนทั้งตำหนักวังบูรพาตายหมด องครักษ์จินอู่ องครักษ์ซิ่วอี และองครักษ์อารักขาพระราชวัง…ก็บาดเจ็บสาหัส

สุดท้ายกองทัพเหนือออกหน้าจึงสยบการต่อต้านของตำหนักบูรพาเอาไว้ได้

องครักษ์จินอู่เจิ้งกังจำเป็นต้องพิจารณาความเหมาะสมว่าจะเสี่ยงบีบบังคับเซียวฮูหยินหรือไม่

เขาครุ่นคิดพลันพูดด้วยเสียงเย็นชา “ท่านหญิงวางใจ ข้าไม่ทำเรื่องเหลวไหล ข้าจะเข้าวังไปขอพระราชโองการบัดนี้ พวกเราไป!”

เขานำองครักษ์จินอู่ถอยออกจากจวนท่านหญิง แต่ก็ออกคำสั่งให้องครักษ์จินอู่ปิดล้อมจวนท่านหญิงเอาไว้

เพียงแค่ไม่ก้าวเข้าไปในจวนท่านหญิง เขาไม่เชื่อว่าเซียวฮูหยินจะกล้าสังหารขุนนางก่อกบฏ

ผู้ใต้บังคับบัญชาถามเขา “ใต้เท้า เยียนอวิ๋นฉวนหลบซ่อนตัวอยู่ในจวนท่านหญิงจริงหรือ เขาไม่ได้กำเนิดจากท่านหญิงจู้หยาง ท่านหญิงจู้หยางจะปกป้องเขาด้วยชีวิต?”

องครักษ์จินอู่เจิ้งกังหัวเราะเสียงเย็น “เยียนอวิ๋นฉวนอยู่ในจวนท่านหญิงหรือไม่ สำคัญหรือ”

ไม่สำคัญหรือ

ผู้ใต้บังคับบัญชาทำหน้าฉงน

หัวหน้าองครักษ์จินอู่ยิ้มเสียดสี “อย่าลืมว่าสามีของท่านหญิงจู้หยางคือเยียนโส่วจ้าน บุตรสาวของนางซาเยียน ข้าจะเข้าวังไปขอพระราชโองการบัดนี้ พวกเจ้าจับตาดูจวนท่านหญิงเอาไว้ให้ดี อย่าปล่อยผ่านแม้แต่แมลงวันตัวเดียว แต่ก็อย่าลงมือเป็นอันขาด จวนท่านหญิงมีคันธนู ระวังจะตายคาลูกธนู”

“ขอรับ!”

เยียนอวิ๋นเกอยืนอยู่บนหลังคา มือถือคันธนู มององครักษ์จินอู่ที่อยู่ด้านนอกจวน

เขาดึงสายคันธนูเพ่งเล็งไปยังองครักษ์จินอู่คนหนึ่ง

“อันตราย! หมอบลง!”

คนมักจะมีประสาทสัมผัสอันรุนแรงจากแรงอาฆาตที่มาจากด้านหลัง

เพี๊ยะ…

ลูกธนูไม่ได้ถูกปล่อยออกมา

เยียนอวิ๋นเกอเพียงแค่ทำท่าทางหลอกลวง ทดสอบสายตา

องครักษ์จินอู่สัมผัสได้ว่าแรงอาฆาตหายไป จึงได้ลุกขึ้นมาจากพื้น

เมื่อเงยหน้ามอง ก็บังเอิญสบกับดวงตาเยาะเย้ยของเยียนอวิ๋นเกอ

ไร้เหตุผลสิ้นดี

องครักษ์จินอู่ไม่เคยเผชิญกับอุปสรรคถูกหญิงสาวตัวน้อยหลอกในวันนี้

“อย่าได้วู่วาม! คุณหนูสี่ไม่ใช่หญิงสาวทั่วไป คันธนุในมือของนาง เจ้ากับข้าก็อาจจะจับไม่ไหว”

“ล้อเล่นหรือ”

“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คุณหนูนสี่ตระกูลเยียนมีกำลังวังชาแต่กำเนิดไม่ใช่เรื่องโกหก หากแต่เป็นความจริง ก่อนหน้านี้ภายในจวนท่านหญิง ใต้เท้าก็ถูกคุณหนูสี่ยิงธนูใส่เพื่อเป็นการตักเตือน”

ช่างเป็นเรื่องตลกที่สุดบนแผ่นดินนี้ องครักษ์จินอู่ไม่เคยขี้ขลาดเช่นนี้มาก่อน

“รอใต้เท้าได้พระราชโองการมา ข้าย่อมต้องให้ทั้งจวนท่านหญิงเห็นดี”

——————-