ตอนที่ 91: เด็กคนนี้เปลี่ยนไปแล้ว 2

ในตอนนี้ สีหน้าของเสี่ยวเฉิงกําลังสะกดให้เตเบซร้องขอเช่นนั้นอยู่

“เอ่อ… ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันไม่ได้สนใจเงินที่เสียไปสักหน่อย ฉันแค่กําลังสงสัยว่านายชนะได้เพราะดวงล้วน ๆ จริงหรือเปล่า ก็แค่นั้น…”

“ก็นายแพ้พนันนี่ แน่นอนอยู่แล้วว่านายต้องสงสัยอะไรแบบนั้น” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคําพูดที่คิดว่าเตเบซจะรู้สึกเจ็บที่สุด อีกอย่าง เสี่ยวเฉิงเองก็เอาแต่เน้นย้ําที่คําว่า “แพ้พนัน” ทว่า เตเบซในตอนนี้พลันรู้สึกโกรธไม่น้อย โกรธจนอยากจะลุกขึ้นมาต่อยหน้าเสี่ยวเฉิงเลยก็ว่าได้

“พ่อว่าจะเป็นการหักหน้าหรือเสียมารยาทเกินไปหรือเปล่าถ้าเราออกไปตอนนี้เลยทั้งที่เพิ่งจะได้เงินก้อนใหญ่มา ยังไงก็เถอะ พ่อว่าเราน่าจะลองเล่นต่ออีกสักรอบสองรอบนะ” หลินกุ้ยเหลินพลันตระหนักได้ถึงผลร้ายที่เตเบซต้องเผชิญหลังจากสูญเสียเงินของครอบครัวไปมากขนาดนี้ อีกทั้งตระกูลของเตเบซเองก็ยังเป็นหุ้นส่วนกับตัวเขาเองด้วย ดังนั้น หลินกุ้ยเหลินจึงรู้ดีว่าแต่ละครอบครัวนั้นมีเงินใช้สอยจํากัด เพราะโดยปกติแล้ว ถ้ามีใครจะต้องการใช้เงินจํานวนมาก ส่วน ใหญ่แล้วพวกเขาจะขออนุญาตคนในครอบครัวก่อน แต่ทว่า เตเบซไม่ได้ขออนุญาตใครเลย เขาตัดสินใจอย่างไม่คิดราวกับเงินในหุ้นเป็นเงินส่วนตัว

และในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเฉิงต้องฟังพ่อตาของตัวเอง เพราะแบบนั้น เสี่ยวเฉิง งหันไปกล่าวคําพูดกับหลินเหล่ย “งั้นนายช่วยเทชิปคืนที”

หลินเหล่ยพลันมองไปยังเตเบซพร้อมกับเผยสีหน้าล้อเลียน ”เป็นถึงผู้บริหารคาสิโน แต่กลับกลัวว่าลูกค้าจะชิ่งหนีไปเลยหลังจากได้เงินเนี่ยนะ? ถ้าคุณยังยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาเปิดคาสิโนหรอก!”

เตเบซพลันรู้สึกหน้าแตก แต่เขาในตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากต้องอดทนต่อความอัปยศอดสูของตนเอง เพราะเขายังไม่พร้อมสําหรับผลที่ตามมาจากครอบครัวและคณะบอร์ดบริหาร

“ถ้าจะให้พูด… เราก็ควรอยู่ที่นี่ก่อนเพื่อเฉลิมฉลองและสนับสนุนนายนั้นแหละ อุตส่าห์ได้บริหารคาสิโนใหญ่ขนาดนี้ทั้งที เพราะแบบนั้น มันคงจะเป็นการหักหน้ากันเกินไปหน่อยถ้าเราจะชิงหนีไปเลยหลังจากได้เงินหลายร้อยล้านแบบนั้น ยังไงก็เถอะ นายเองก็ดูจะเป็นคนมีถิ่นดี นายเป็นถึงผู้บริหารคาสิโนยักษ์ใหญ่นี่ นั่นหมายความว่านายก็น่าจะมีของดีอะไรซ่อนอยู่ในตัวบ้างแหละใช่ไหม? สําหรับสถานการณ์ตอนนี้ ฉันจะนําเงินทั้งหมดมาลงทุนอีกครั้ง และบางที ครั้งนี้ นายน่าจะโชว์ทักษะสุดเก่งกาจอะไรสักอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวให้พวกเราเห็นบ้างนะ…” เสี่ยวเฉิงกล่าวกับเตเบซ และนั่นก็คือสิ่งที่เตเบซรอคอบ

“แน่นอน ตราบใดที่นายยังอยากเล่นต่อ ฉันจะโชว์ให้ดูเอง”

“ถ้างั้นก็ดี แต่เรามาทําให้มันเร็วขึ้นหน่อยไหมล่ะ? ไม่งั้นนายคงจะต้องใช้เวลาสักปีสองปีเลยนะกว่าจะได้เงินทั้งหมดคืนไป เอาแบบนี้ดีไหม… เงินต้นจะเริ่มที่หนึ่งล้าน และการเพิ่มเงินพนันก็ห้ามน้อยกว่าหนึ่งล้านด้วยเช่นกัน”

“ก็ได้ ตามนั้น” เตเบซตอบ

หลังจากนั้น เตเบซก็บอกให้นักบัญชีข้างกายถอนเงินออกมาจากหุ้นทั้งหมดห้าสิบล้านหยวนในคราวเดียว

ในตอนนี้ เกมกําลังอยู่ระหว่างเสี่ยวเฉิงและเตเบซเพียงแค่สองคน โดยมีพ่อและแม่ของหลินจี้อซือยืนมองอยู่ข้างกายพร้อมกับไวน์ชั้นเยี่ยม หลินจื้อซือเองก็ยืนอยู่ข้างเสี่ยวเฉิงเช่นกัน

สําหรับตอนนี้ เกมรอบใหม่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว

ทิมยังคงยืนเคียงข้างเตเบซฐานะที่ปรึกษา ทันทีที่เสี่ยวเฉิงได้รับไพ่ เขาก็ก้มมองดูและเห็นว่า ตัวเองมีแจ็คอยู่สองใบ จากนั้นไม่นาน เสี่ยวเฉิงก็พลันหันหน้าไปทางพ่อตาและถามขึ้น “คุณพ่อคิดว่าไงครับ? ผมควรทุ่มเลยดีไหม?”

หลินกุ้ยเหลินพลันขมวดคิ้ว “แบบนี้พ่อว่าก็น่าลองเสี่ยงดูเหมือนกันนะ”

หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันมองผ่านมือของเตเบซ ใบมือของเตเบซมีคิงเพียงแค่ใบเดียวเท่านั้น ทันทีที่เห็นเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันเผยเสียงหัวเราะและทุ่มเงินห้าสิบล้านทันที

“มาจบเกมนี้ภายในรอบเดียวกันเถอะ!”

บัดซบ!

เตเบซพลันตากระตุก นี่มันบ้าอะไรกัน? ไม่เห็นจะมีเหตุผลเลย มันกล้าทุ่มเงินห้าสิบหยวนตรง ๆ เลยเนี่ยนะ?!

ไม่เพียงแค่นั้น หลินกู้ยเหลินเองก็ตกใจเช่นกัน

เตเบซในตอนนี้กลับมารู้สึกหัวเสียอีกครั้ง ไพ่ที่ดีที่สุดบนมือเขาในตอนนี้ก็คือคิงแค่ใบเดียวเท่านั้น และแน่นอน ดูเหมือนว่าเขาอยากจะเลิกเล่นเกมนี้เสียแล้ว

ทันทีที่รอบสองเริ่มขึ้น เตเบซได้ไฟเบอร์แปดสองใบหรือคู่แปด และในมือของเสี่ยวเฉิงก็คือไฟเอซ ไม่นานนัก หลังจากที่เสี่ยวเฉิงโชว์ไฟให้หลินกู้ยเหรินดู หลินกุ้ยเหรินจึงบอกให้เสี่ยวเฉิงคว่ําไพ่ลง

แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าเสี่ยวเฉิงจะกล้าทุ่มเงินตั้งห้าสิบล้านหยวนอีกครั้งตามอําเภอใจแบบนี้?!

เตเบซในตอนนี้แทบพูดอะไรไม่ออกแล้ว หมอนี่กล้าดียังไงถึงมาเล่นแบบนี้?!

อันที่จริง หากเตเบซไม่ได้เครียดเรื่องเงินสด เขาก็คงจะสู้จนกว่าจะหมดตัว แต่ถึงอย่างไร เตเบซในตอนนี้ก็ไม่มั่นใจในไพ่คู่แปดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

เฮ้อ.. ช่างแม่ง! เตเบซครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะคว่ําไพลง

แน่นอน เสี่ยวเฉิงเองพลันกล่าวคําพูดเยาะเย้ยเขาขึ้นมา “สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการพนันคือการถูกฝ่ายตรงข้ามปั่นหัวนะ…” แน่นอน นั่นคือสิ่งที่เสี่ยวเฉิงกําลังทําอยู่ ทันทีที่เห็นว่าไฟบนมือของเตเบซไม่ดีนัก เสี่ยวเฉิงก็จะเริ่มทําลายแนวป้องกันของเตเบซด้วยเงินจํานวนมหาศาล และในตอนนี้ เตเบซก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าเสี่ยวเฉิงจะเสียเงินไปกว่าห้าสิบล้านในรอบนี้ เขาก็ยังได้กําไรอยู่ดี แต่ทว่า เตเบซในตอนนี้ไม่สามารถเสียเงินได้อีกแล้ว ดังนั้น หลังจากที่เห็นเสี่ยวเฉิงทุ่มเงินห้าสิบล้านลงบนโต๊ะ หากไพ่บนมือของเตเบซไม่ดีพอ เสี่ยวเฉิงก็จะรับรู้ได้ทันทีว่าเตเบซจะไม่กล้าเดิมพันต่อแน่

หลินกุ้ยเหลินพลันพยายามเข้าใจถึงกลยุทธ์ที่เสี่ยวเฉิงกําลังใช้ หลังจากที่ได้เห็นไพ่บนมือของเสี่ยวเฉิงสองสามครั้ง และรู้ว่าเขายังใจกล้าเล่นใหญ่ขนาดนี้ได้อยู่ หลินกุ้ยเหลินก็รับรู้ได้ทันทีว่าเสี่ยวเฉิงกําลังเล่นเกมจิตวิทยากับฝ่ายตรงข้ามอยู่

ถึงแม้ว่าตอนแรกหลินกู้ยเหลินจะคิดว่าเสี่ยวเฉิงเป็นมือใหม่ในด้านการพนัน ทว่า ความคิดของเขาพลันเปลี่ยนไปแล้ว

“เราไม่ได้เจอเด็กคนนี้มาตั้งหลายปี หลังจากได้เข้าร่วมกับกองทัพ เขาก็เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ” หลินกุ้ยเหลินพลันกระซิบเบา ๆ ข้างหูภรรยา