เฉินฮวนฮวนรออยู่ตรงโต๊ะอาหารอยู่สักพัก เพราะยังไม่รู้ว่าเฉินนานาจะตื่นตอนไหน
เธอรู้สึกเบื่อนิดหน่อยจึงลุกขึ้นและเดินขึ้นไปบนห้องของเธอ
ผ้าปูที่นอนยังไม่ได้เก็บ เธอจึงรีบไปที่เตียงและจัดเตียง เธอยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยแล้วนั่งลงบนเตียง
พรุ่งนี้ยังเหลืออีกหนึ่งวันให้เธอได้พัก และเธอจะต้องไปเข้าค่ายฝึก เดิมทีระยะเวลาของรายการฝึกคือหนึ่งเดือน แต่เกาเหวินได้เข้าร่วมไปแล้วครึ่งเดือน ถ้าหากเธอผ่านเข้าไปเธอก็จะต้องฝึกต่ออีกเพียงครึ่งเดือน
ครึ่งเดือนที่จะว่านานก็ไม่นานจะว่าสั้นก็ไม่สั้น และเธอเองก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคนในตระกูลเฟิงเลย
“ปังปังปัง…”
ในเขณะเดียวกันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เฉินฮวนฮวนรีบลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตู และเป็นเฉินนานาที่ยืนอยู่ตรงประตู
“ฮวนฮวน เราไปช้อปปิ้งกันเถอะ?”ใบหน้าลูกครึ่งของเฉินนานานั้นดูพิเศษ
“โอเค”เฉินฮวนฮวนพยักหน้า พอดีเลยเพราะเธอเองก็ต้องซื้อเสื้อผ้าเหมือนกัน
เกาเหวินเคยบอกเธอไปแล้วว่า ถ้าเธอไปเข้าร่วมรายการก็คือเธอจะเป็นตัวแทนของบริษัท และต้องวางตัวดีๆ
“งั้นพวกเราไปกันเถอะ”เฉินนานามีความสุขมากและจับมือเฉินฮวนฮวน
ทั้งสองเดินไปที่บันไดด้วยกัน จู่ๆเฉินฮวนฮวนก็นึกอะไรบางอย่างออก เธอหยุดแล้วหันกลับมาถาม: “นานา คุณปู่ตื่นแล้วเหรอ?”
“เหลยถิงไปฟิตเนส เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”เฉินนานาเสยผมของเธอและถามด้วยความสงสัย
“ฉันมีเรื่องบางอย่างต้องคุยกับท่าน แต่ถ้าท่านไม่อยู่ ถ้าอย่างนั้นก็รอพวกเรากลับมาก่อนก็ได้ “เฉินฮวนฮวนตอบกลับ
เฉินนานาเพียงแค่พยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอไม่ได้สนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆของคนอื่นอยู่แล้ว
เมื่อพวกเธอเดินไปที่ประตูก็เห็นว่าผู้ดูแลหวังได้รออยู่แล้ว แต่จู่ๆเฉินฮวนฮวนก็นึกถึงคำพูดของเฟิงหานชวนที่บอกว่าเขาจะไปที่ห้างอวิ๋นตวนเพื่อเข้าร่วมประชุม
“นานา เราจะไปซื้อของกันที่ไหน?”เฉินฮวนฮวนถามอย่างรวดเร็ว
“เหลยถิงให้พวกเราไปห้างอวิ๋นตวน เธออยากไปที่ไหนล่ะ?”เฉินนานาตอบด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่ค่อยพอใจ
“ถ้าเราจะไปที่ห้างอวิ๋นตวน เราไม่ต้องรบกวนผู้ดูแลหวังก็ได้ ฉันจะไปเรียกอาสาม”หลังจากเฉินฮวนฮวนพูดจบก็หันหลังกลับและวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์อีกครั้ง
เธอได้ยินว่าเฟิงหานชวนเรียกเฟิงเฉินเหยี่ยนไปที่ห้องสมุด ดังนั้นเธอจึงรีบตรงไปที่ห้องสมุดบนชั้นสอง จากนั้นก็เคาะประตู
พอดีกับการสนทนาระหว่างผู้ชายทั้งสองในห้องสมุดใกล้จะจบลงแล้ว แต่มันก็ไม่ได้จบจริงๆเพราะมันแค่ไปต่อไม่ได้แล้ว
“ใคร?”เฟิงหานชวนพูดก่อน
“อาสาม นี่ฉันเอง นานากับฉันกำลังจะไปห้างอวิ๋นตวน ฉันมาเพื่อถามคุณว่ายังจะไปอยู่ไหม?”เฉินฮวนฮวนเม้มปากและถามอย่างรีบร้อน
วินาทีถัดมาประตูก็ถูกเปิดออก “กริ๊ก”
สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคือใบหน้าที่เคร่งขรึมของเฟิงหานชวน ซึ่งเผยให้เห็นออร่าอันสูงส่งราวกับพระเจ้าที่ลงมายังโลก
เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนหล่อที่สุดในตระกูลเฟิงอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ฉันไปเอารถก่อน”เฟิงหานชวนตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบาและเดินไปที่บันได
เฟิงเฉินเหยี่ยนเองก็เดินออกมาเช่นกัน เขายิ้มและมองเฉินฮวนฮวน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ให้อาสามไปส่งพวกคุณนะ”
“อืม”เฉินฮวนฮวนยิ้มและพยักหน้า
……
ห้านาทีต่อมา
เฉินฮวนฮวนและเฉินนานานั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ ส่วนเฟิงหานชวนก็นั่งอยู่ในที่นั่งคนขับและกำลังขับรถอยู่
ภายในรถนั้นค่อนข้างเงียบ
เฉินนานาก้มหน้าลงเล่นโทรศัพท์มือถือของเธอและไม่ได้พูดอะไร เฉินฮวนฮวนเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเช่นกัน เธอได้แต่มองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างไปเรื่อยเปื่อย
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเธอเพิ่งนึกได้ว่าเฉินนานาบังเอิญเข้ามาเห็นเธอและเฟิงหานชวนจูบกันในวันนั้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย
เธอหันหน้าและมองไปที่เฉินนานา การแสดงออกของเธอดูสับสน
เฉินนานาสังเกตเห็นการจ้องมองของเฉินฮวนฮวน เธอเงยหน้าขึ้นและหันไปมองเฉินฮวนฮวน จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัย:”มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“เอ่อ……นานา คือฉัน…ฉัน…..”เฉินฮวนฮวนตะกุกตะกักและพูดอะไรไม่ออก
เฉินนานารู้ว่าเฉินฮวนฮวนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง เธอปิดปากและหัวเราะ จากนั้นก็เหลือบมองไปที่เฟิงหานชวนตรงที่นั่งคนขับ แล้วก็หันกลับมามองที่เฉินฮวนฮวน เธอกะพริบตาและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้พูดอะไรหรอกหน่า ~”
เฉินฮวนฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและอธิบายอย่างรวดเร็วว่า: “นานา เหตุการณ์วันนั้นเป็นความเข้าใจผิด อาสามและฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์ในเชิงแบบนั้น”
อันที่จริงพวกเขาเกือบจะได้พัฒนาความสัมพันธ์แล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะการกลับมาอย่างกะทันหันของนายท่าน เฟิงหานชวนและเธอก็ถือว่าเกือบจะเดินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะกำหนดให้เธอและเฟิงหานชวนกลับเข้าสู่ความสัมพันธ์แบบปกติ
“เรื่องของพวกเธอฉันพูดไม่ได้หรอกแล้วก็จะไม่ถามอีกด้วย ฉันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกเธอ ก็เพียงแค่ต้องการใช้เวลาอย่างมีความสุขกับเหลยถิงเท่านั้น”เฉินนานาเสยผมของเธอและยิ้มอย่างอย่างมีเสน่ห์
เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเธอมีเสน่ห์มาก ทั้งใจกล้า ทั้งน่าสนใจ และไม่ได้แคร์ใคร
“ขอบคุณนะ”เฉินฮวนฮวนยิ้มกลับ
เฟิงหานชวนซึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับเองก็ฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองคนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าของเขาดูโกรธเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธจริงๆ
การกระทำของเฉินฮวนฮวนในตอนนี้ไม่ผิด แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่หน่อยแต่เขาก็จะไม่ทำให้เธอโกรธ
ไม่นานรถก็เข้าไปจอดในลานจอดรถใต้ดินของห้างอวิ๋นตวน ทั้งสามคนเข้าไปในลิฟต์และแยกกันที่ชั้นหนึ่ง
เฉินฮวนฮวนและเฉินนานาเข้าไปในห้างที่ชั้นหนึ่ง ในขณะที่เฟิงหานชวนเองก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุดต่อ
พอเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่อยู่แล้ว เฉินนานาไม่ได้ไปช้อปปิ้งก่อนแต่กลับพาเฉินฮวนฮวนไปที่มุมหนึ่งแล้วถามว่า: “ฮวนฮวน เธอบอกว่าเธอสองคนไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ฉันเห็นพวกเธอจูบกันด้วยตาของฉันเอง!”
ในขณะที่พูดเฉินนานาก็ยื่นสองนิ้วออกมาแล้วชี้ไปที่ดวงตาของเธอ
เฉินฮวนฮวนตกตะลึงไปในทันที เธอไม่คิดว่าเฉินนานาจะถามเรื่องนี้ต่อ แค่คิดว่าเธอจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป
“นานา จริงๆแล้ว…เดิมทีฉันคิดว่าฉันจะออกจากบ้านตระกูลเฟิง แต่เขาก็บังเอิญถูกแฟนสาวทิ้งพอดี และต้องการคนปลอบใจ ดังนั้นฉันจึงสัญญากับอาสามไป ฉัน…”เฉินฮวนฮวนอธิบายคำสองสามคำอย่างคลุมเครือ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ
เฉินนานาพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วถามต่อว่า: “ดังนั้นก็พูดได้ว่าเวลาที่เธอและเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้มีความสัมพันธ์กันในเชิงนั้น เธอก็เห็นด้วยกับการที่เฟิงหานชวนจีบเธอใช่ไหม?”
“เอ้ย ไม่ใช่สิ!”เฉินฮวนฮวนรีบโบกมือและอธิบายว่า: “เขาไม่ได้จีบฉัน เขาแค่…แค่ต้องการผู้หญิงปลอบใจ…”
หลังจากพูดจบ ในหัวของเฉินฮวนฮวนก็รู้สึกเซ็งเต็มที เธออายจริงๆที่จะมองไปที่เฉินนานาตรงๆ
เธอรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงใจง่าย ใกล้ชิดกับผู้ชายตามใจชอบ
“ฉันเข้าใจ”เฉินนานายังคงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็เอนตัวไปที่หูของเฉินฮวนฮวนและถามเสียงเบาๆว่า: “นอกเหนือจากการจูบแล้ว พวกเธอได้ทำอย่างอื่นอีกไหม?”
“ไม่ ไม่มี!”เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอดูเขินมาก เธอแทบอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก: “ฉันกับเขากลับมาเป็นปกติแล้วและฉันเองก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเขาเลย ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของอาเหยี่ยน นานาคุณช่วยฉันเก็บความลับนี้ไว้ได้ไหม?”
“ฉันและอาสามจะไม่ทำเรื่องเกินเลยอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”