ตอนที่ 132

Earth’s Best Gamer

ตอนที่ 132 กองทัพพิเศษ : เกราะดําและชุดเงิน

ในวัดแห่งโชคชะตาของภูเขามังกรคู่ แสงสีเหลืองของพลังแห่งโชคชะสว่างขึ้นหลังจากถิ่นฐานได้พัฒนาไปเป็นระดับวิสามัญอันดับ 4

ข้างในมีวัตถุสองแถววางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบตามผนังด้านใดด้านหนึ่งของกําแพง

ทางซ้ายมีเกราะภูเขาทมิฬเหมือนกันเกือบสิบชุดซึ่งมีขนาดเกือบเท่ากันยกเว้นความแตกต่างเพียงเล็กน้อย เครื่องบูชายัญถูกปกคลุมด้วยสัญลักษณ์แห่งสงคราม

ทางขวามีของเหลวสีเงินหลายสิบชิ้นที่มีเป็นลูกบอลซึ่งเป็นเครื่องบูชายัญด้วยเช่นกัน

นอกเหนือจากนั้นวิญญาณแห่งอารยธรรมทั้งสองแถวที่มีแสงสีขาวสว่างได้ถูกแขวนกลางอากาศไว้ตรงกลางของทั้งสองข้าง

แต่แสงทางด้านซ้ายเหนือเกราะภูเขาทมิฬนั้นสว่างน้อยกว่าแสงทางด้านขวาที่อยู่เหนือของเหลวสีเงิน

วิญญาณแห่งอารยธรรมระดับวิสามัญอันดับ 0 สิบชิ้นและระดับวิสามัญอันดับ 1 สิบชิ้นทั้งหมดนั้นมาจากมนุษย์โลหะ!

เครื่องบูชายัญนั้นถูกวางไว้อย่างเรียบร้อยยและจํานวนทั้งหมดนั้นน่าพอใจมากสําหรับผู้ที่มีโรคย้ำคิดย้ำทําบางประเภท และจีเยู่ก็ได้จัดเตรียมไว้ในลักษณะนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง

ทหารกว่าสิบคนเสียชีวิตในการต่อสู้กับมนุษย์โลหะซึ่งทําให้เขารู้สึกว่าเขาละเลยการพัฒนาของทหาร

แม้ว่าวีรบุรุษของภูเขามังกรคู่จะเป็นคนที่โดดเด่นทุกคน แต่ก็ไม่สามารถต่อสู้เพียงลําพังได้ทุกครั้ง ทหารที่เก่งกาจจะสามารถบรรเทาความกดดันบางอย่างเพื่อที่พวกเขาจะได้มีเวลาบ่มเพาะ

ยิ่งไปกว่านั้นหมึกยักษ์ทองอันดับ 5 ที่รวบรวมมนุษย์โลหะไว้ก็ได้ชี้ทางสว่างให้แก่เขาเช่นกัน

มนุษย์สามารถใช้วิธีการที่คล้ายคลึงกันได้ และวิธีที่ง่ายที่สุดในการบรรลุสิ่งนั้นก็คือผ่านรูปขบวนต่อสู้

ย้อนกลับไปในสนามรบแห่งโชคชะตา ทหารภูเขาทมิฬ 30 นายที่ถูกทําให้อ่อนแอลงจนถึงระดับวิสามัญอันดับ 6 ได้สร้างรูปขบวนต่อสู้ที่เขา หลู่จือเซ็น เจ้าอ้วนจูและคาตาร์รีน่าไม่สามารถทําลายได้ซึ่งสามคนมีบัตรทอง และอีกคนมีบัตรเงิน นั่นคือรูปขบวนต่อสู้ที่มีศักยภาพมาก!

“เริ่มได้!”

“นี่เป็นครั้งแรกที่เรามีเครื่องบูชายัญระดับวิสามัญมากแบบนี้!”

“ถิ่นฐานของเราจะแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง เราจะกําจัดมนุษย์อินทรีได้อย่างแน่นอน!”

“ในทางทฤษฎี เราได้ทําลายเผ่ามนุษย์ต่างดาวไปแล้วสี่เผ่า ในขณะที่เผ่ามนุษย์อินทรีทําลายไปแล้วสามเผ่า เรามีข้อได้เปรียบมากในด้านทรัพยากรและจํานวน ฉันคิดว่าเรามีโอกาสอย่างน้อย 70% ที่จะชนะ!”

สําหรับคนส่วนใหญ่ในภูเขามังกรคู่ แม้ว่าคราวนี้จะไม่มีวีรบุรุษเข้ามา แต่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้เห็นสมาชิกระดับวิสามัญมากถึง 20 ที่ถูกอัญเชิญมาพร้อมกัน!

ดังนั้นจํานวนผู้เข้าร่วมนอกวัดแห่งโชคะตาจึงไม่น้อยไปกว่ามาอัญเชิญวีรบุรุษ ทุกคนดูตื่นเต้นและมั่นใจมาก เนื่องจากถิ่นฐานเริ่มแข็งแกร่งขึ้น และพวกเขาก็ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของการแข่งขันสิบสายพันธุ์แล้ว

พลังสีเหลืองแห่งโชคชะตาได้ลอยตัวขึ้น ก่อตัวเป็นมังกรคู่ที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตร พวกเขาพ่นพลังแห่งโชคชะตาไปยังเกราะภูเขาทมิฬทางด้านซ้ายก่อน

แม้ว่าเกราะภูเขาทมิฬจะเป็นเพียงระดับวิสามัญอันดับ 0 แต่เมื่อรวมทั้ง 10 ชุดเข้าด้วยกัน พวกมันก็สร้าง “สนามรบ” ขนาดเล็กขึ้นมา

ทหารภูเขาทมิฬสิบนายที่เป็นเผ่ามนุษย์ในอีกมิติหนึ่งนั่งเงียบๆ บนหลังของสัตว์ร้ายที่แปลกประหลาดและก่อตัวเป็นรูปขบวนต่อสู้ พวกเขาพุ่งเข้าหาทหารม้าเหลียงซานที่มีใบหน้าซีดทั้งสิบนายซึ่งเปลี่ยนมาจากวิญญาณแห่งอารยธรรม

การต่อสู่สิ้นสุดลงหลังจากทหารเกราะภูเขาทมิฬทั้งสิบใช้พลังงานของพวกเขาในการโจมตีและกลายเป็นเถ้าถ่านสีดํา

อย่างไรก็ตามทหารม้าทั้งสิบนายของเหลียงซานที่ถูกอัญเชิญมานั้นก็เหลือเพียงหกนายเท่านั้น

การโจมตีครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตถึงสี่คนซึ่งหมายความว่าการอัญเชิญของพวกเขาล้มเหลว

พวกเขาพ่ายแพ้ในการท้าทายทหารในระดับเดียวกันไม่ใช่เพราะพวกเขาขาดความสามารถ แต่ในญานะผู้พิทักษ์ที่มีประสบการณ์ของภูเขาทมิฬ ความสามารถที่แท้จริงของพวกเขานั้นสูงกว่าระดับวิสามัญอันดับ 5 ไม่ต้องกล่าวถึงประสบการณ์การทําสงครามที่เพียงพอ แม้ว่าผู้พิทักษ์เหล่านั้นจะมีโอกาสโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ก็สามารถสังหารทหารที่ถูกอัญเชิญมาได้เกือบครั้ง

อย่างไรก็ตามมันทําให้ทหารที่ถูกอัญเชิญซึ่งเหลืออีกหกคนจะทหารชั้นยอดที่แท้จริง พวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าทหารภูเขาทมิฬและได้แสดงศักยภาพที่ยอดเยี่ยม!

นอกจากนี้การต่อสู้ดังกล่าวจะไม่ส่งผลให้เครื่องบูชายัญหรือวิญญาณแห่งอารยธรรมสูยหายไป ค่าใช้จ่ายเป็นเพียงสัดส่วนของพลังแห่งโชคชะตาของถิ่นฐานเท่านั้น และจะใช้เวลาสักพักหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะใช้พวกมันได้ในพิธีกรรมต้อนรับครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตามหลังจากขึ้นสู่อันดับ 4 แล้ว ภูเขามังกรคู่ก็มีพลังแห่งโชคชะตามากกว่าที่เสียไปและพวกเขาก็สามารถจ่ายได้อย่างแน่นอน!

“ท่านหัวหน้า โปรดมอบชื่อให้พวกเขา!”

หยางจื้อสวมเกราะสีดําด้วยเช่นกัน และปานสีน้ำเงินบนใบหน้าของเขาก็ดูเหมือนจะเปล่งประกายเมื่อเขาเห็นทหารระดับวิสามัญทั้งหกที่ถูกอัญเชิญมาในชุดเกราะสีดําตามลําดับซึ่งทําให้พวกเขามีบรรยากาศเหมือนกับชั้นยอด

ตามที่จีเย่กล่าว ทหารเกราะระดับวิสามัญเหล่านี้ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้คําสั่งของเขา

“พวกเขาจะเป็น “ทหารเกราะดํา!”

จีเย็ไม่ได้ให้ชื่อว่า “ทหารภูเขาทมิฬ” เพราะพวกเขามาจากมิติที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม เขาไม่เก่งเรื่องการตั้งชื่อ ดังนั้นเขาจึงมองข้ามชื่อแฟนตีอย่าง “เต่าอุดร” “กิเลน” หรือ “พลังอมตะ”

อย่างไรก็ตามเหล่าหทารเกราะทมิฬเหล่านี้จะกลายเป็นไฟลับสําหรับภูเขามังกรคู่อย่างแน่นอน

ทหารเกราะทมิฬในสนามรบแห่งโชคชะตานั้นไม่ถึงระดับสามัญอันดับ 6 แต่วิญญาณแห่งอารยธรรมของเครื่องบูชายัญเหล่านี้ทั้งหมดคือระดับวิสามัญอันดับ 0 และนําทีมโดยอสูรหน้านิลหยางจื้อผู้ที่มีระดับวิสามัญอันดับ 5!

กล่าวได้ว่าเมที่อพวกเขาถูกนําเข้าสนามรบ ทหารเกราะดําจะกลายเป็นคมมีดที่สามารถตัดผ่านทุกสิ่งได้

อย่างไรก็ตามหากกล่าวตามตรง กองกําลังพิเศษ” แรกนี้ควรจะเป็น “ทหารหมาป่าเกราะดํา” หากทุกอย่างเป็นไปตามที่จีเย่วางแผนไว้

“บรูววว!”

นอกวัดแห่งโชคชะตา “ฮัสกี้” ที่โตขึ้นกว่าเดิมนั้นพยายามเอาหัวเข้ามาข้างใน

ข้างหลังมีลูกหมาป่าสองสามตัวที่ยาวประมาณ 30 ซม. กําลังเลียนแบบท่าทางของมันและกระดิกหางไปมา

แน่นอนว่าพวกมันไม่ใช่ลูกของมัน พวกมันเป็นหมาป่าน้ำเงินหลังโลหะวัยหนุ่ม!

ย้อนกลับไปตอนนั้น หัวหน้าหมาป่าน้ำเงินหลังโลหะนั้นฉลาดมากอย่างแท้จริง ก่อนการต่อสู้เริ่มขึ้น มันแอบส่งลูกหมาป่าบางส่วนหนีไป

จีเย่เพิ่งรู้เรื่องนี้ภายหลังเมื่อหัวหน้าหมาป่าถูกสัญลักษณ์หัวหน้าหมาป่าปราบปราม

ดังนั้นฝูงหมาป่าน้ำเงินหลังโลหะจึงยังคงมีอยู่ และมีเกือบยี่สิบตัว ภูเขามังกรคู่ให้อาหารพวกมันด้วยน้ำเมล็ดสีชาด นมศิลา และทรัพยากรอื่นอย่างไวน์มอนเตอร์พงไพร ทําให้พวกมันเติบโตอย่างรวดเร็ว

ถึงตอนนี้บางคนมาถึงระดับวิสามัญอันดับ 4 และพวกเขาเกือบจะพร้อมที่จะฝึกเป็นสัตว์ขี่แล้ว

สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือหมาป่าที่โตเต็มวัยที่เหลืออยู่คือตัวเมีย ดังนั้นด้วยการแทรกแซงบางอย่าง “ฮัสกี้” จึงกลายเป็นหัวหน้าฝูงหมาป่าน้ำเงินหลังโลหะตัวใหม่ และได้รับการปฏิบัติราวเป็นอย่างดี

หลังจากการอัญเชิญทหารเกราะดําทั้งสิบคน พลังแห่งโชคชะตาก็ยังคงเพียงพอสําหรับภูเขามังกรคู่ ดังนั้นจีเย่จึงไม่ต้องรอจนพลังแห่งโชคชะตาฟื้นฟู

เขาปล่อยให้มังกรโชคชะตาคู่เปิดใช้งานของเหลวสีเงินทางขวา มนุษย์โลหะรูปร่างต่างๆ ที่เรืองแสงสีน้ำเงินปรากฏตัวขึ้นในแสงสีทอง

ไม่เหมือนกับความท้าทายของเกราะภูเขาทมิฬ ของเหลวสีเงินซึ่งมีระดับสูงกว่า แต่มันก็สามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย

เกราะภูเขาทมิฬมาจากเผ่ามนุษย์ในมิติอื่น และมังกรคู่ของภูเขามังกรคู่จึงไม่ใช้พลังพิเศษแห่งโชคชะตาในการปราบปรามมัน

อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ใช้พลังแห่งโชคชะตามากขึ้นกับของเหลวสีเงิน ปราบปรามการต้านทานของมันให้อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ดังนั้นบททดสอบที่สร้างขึ้นจึงง่ายมาก ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถทนต่อกระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินบนตัวมนุษย์โลหะ พวกเขาก็จะผ่าน พูดอย่างเรียบง่ายก็คือบททดสอบความแข็งแกร่งและความอดทนเพียงสองอย่าง!

ทหารที่ถูกอัญเชิญมาทั้งหมดดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องนั้น พวกเขาทุกคนเป็นชายร่างสูงที่แข็งแกร่งและมีกล้ามโต

ด้วยความช่วยเหลือจากพลังภายในของระดับวิสามัญอันดับ 1 จึงมีมากถึงเก้าคนที่ผ่านบททดสอบ มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ล้มเหลว

เนื่องงจากร่างกายมนุษย์ไม่สามารถหลอมรวม “เลือด” ของเหลวโลหะได้โดยตรง ทหารที่ถูกอัญเชิญทุกคนจึงเปลี่ยนมันเป็นชุดต่อสู้ในท้ายที่สุด

ของเหลวสีเงินสาดส่องมาที่พวกเขา เมื่อนวมกับรูปร่างที่สูงและแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว พวกเขาจึงดูน่าประทัยใจไม่น้อยกว่าทหารเกราะดํา

ความสามารถที่พวกเขาครอบครองนั้นคล้ายคลึงกับของถังหลง ด้วยความช่วยเหลือของของเหลวสีเงิน พวกเขาจึงสามารถเปลี่ยนแปลงโลหะได้ในระดับหนึ่ง

พวกเขาสามารถทําลายอาวุธของศัตรูได้ด้วยมือเปล่า เช่นเดยวกับการหลอมโลหะจํานวนมากชั่วคราวเพื่อสร้างเกราะ นอกเหนือจากนั้นหลังจากที่เปิดใช้งานพลังแม่เหล็กไฟฟ้า พวกเขาจะสามารถขว้างโลหะหนักได้ไกลมาก!

“ฉันจะตั้งชื่อพวกเขาว่า “ผู้พิทักษ์ชุดเงิน” ผู้นําหลู่ พวกเขาจะฝึกฝนทักษะรูปขบวนต่อสู้กับนาย” จีเย่กล่าวออกมา

ทหารเกราะดําเป็นทหารม้าในแผนของเขา และผู้พิทักษ์ชุดเงินก็เป็นทหารราบอย่างเห็นได้ชัด

ภูเขามังกรคู่มีผู้นําหทารราบที่ติดสองอันดับแรกในบรรดาวีรบุรุษเหลียงซาน ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพและร่างกายที่แข็งแกร่งของทหารผู้พิทักษ์ชุดเงิน หลู่จือเซินจึงเป็นผู้นําและผู้ฝึกสอนพวกเขาที่เหมาะสมอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อพวกเขาพบกลยุทธ์ต่อสู้ที่เหมาะสม กองทัพนี้จะทําสิ่งที่ยอดเยี่ยมในสนามรบเช่นกัน!