บทที่ 245 การโน้มน้าวที่จริงจัง

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

ตอนที่ 245 การโน้มน้าวที่จริงจัง
ตอนที่ 245 การโน้มน้าวที่จริงจัง

“ไม่สามารถพูดได้ว่าเขาถูกแม่สาวน้อยชักจูง” หมี่เฉินอี้เอนตัวพิงกรอบประตู “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเจ้าเจ็ดใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก หากความคิดของเขาขัดกับความตั้งใจของเจ้าก็อย่าได้โทษเขาเลย”

เมื่อเห็นว่าหมี่อี้เหิงไม่ตอบ หมี่เฉินอี้ก็พูดต่อ “เขารู้ว่าเจ้าต้องการทำอะไรกับตัวเอง บางทีเขาอาจรู้สึกว่าตัวเองอยู่ภายใต้อิทธิพลของเจ้ามาครึ่งชีวิตแล้ว และเขาก็ไม่ต้องการที่จะ…”

“หากข้าสามารถทำให้แม่สาวน้อยเป็นของเจ้าได้ เจ้าคิดว่าโม่หรู่จะยังออกจากที่นี่ไปหรือไม่” หมี่อี้เหิงขัดจังหวะเขาแล้วแสยะยิ้มร้ายกาจยิ่งนัก

หมี่เฉินอี้มองเขาอย่างว่างเปล่า “เจ้า เจ้ามันบ้า… หยุด…”

เมื่อพูดเช่นนี้เขาก็อดคิดถึงรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ของแม่สาวน้อยไม่ได้ ก่อนที่จะแตกหักกันตอนนั้น เขาค่อนข้างมีความสุขเมื่อได้อยู่กับแม่สาวน้อย หากมีโอกาสเขาก็จะค่อย ๆ เข้าไปแทนที่เจ้าเจ็ดและเป็นคนที่อยู่เคียงข้างนางแทน

“เจ้าไม่ต้องการหรือ?” ดูเหมือนว่าชัยชนะจะอยู่ในกำมือของหมี่อี้เหิง “วิธีนี้จะทำให้เจ้าได้ครอบครองสตรีที่เจ้ากำลังคิดถึง และยังสามารถกระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของโม่หรู่ และในขณะเดียวกันก็ยังสามารถสนองความต้องการก่อกบฏของข้าได้ด้วย ปาหินก้อนเดียวฆ่านกได้สามตัว นับว่าดีทีเดียว”

“ไม่!” ภาพสายตาที่ผิดหวังของฉินปู้เข่อในคืนนั้นปรากฏขึ้นในใจของหมี่เฉินอี้อีกครั้ง เมื่อก่อนนางวางตัวปฏิบัติต่อเขาในฐานะผู้อาวุโส แม้ว่านางจะไม่ได้ใช้คำพูดแสดงความเคารพเป็นพิเศษ แต่อย่างน้อยก็ยังมีวิธีผูกสัมพันธ์ได้

แต่หากเขายอมทำตามวิธีการนั้นจริง ๆ ก็คาดว่านางคงจะผิดหวังมากจนปฏิเสธเขา

“เจ้าไม่มีความสุขหรือเจ้ากลัวว่าเจ้าจะไม่สามารถจัดการแม่สาวน้อยคนนั้นได้?” หมี่อี้เหิงเชี่ยวชาญด้านการใช้จิตวิทยาโน้มน้าวคนที่ดื้อรั้นและปรารถนาที่จะชนะ

โดยเฉพาะหมี่เฉินอี้ที่โตมาในสายตาของเขาตั้งแต่ยังเด็ก การจัดการจึงง่ายดายสำหรับเขายิ่งนัก

“อาเฉิน อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่นตอนนี้ เจ้าปฏิบัติกับข้าเหมือนพี่ชายของเจ้าสิ แล้วบอกข้าทีว่าในใจเจ้าชอบนางหรือไม่” หมี่อี้เหิงหัวเราะ

เขาเป็นคนหน้าตาดีและดูไม่แก่เลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อยกยิ้ม เขาก็ยังคงดูเหมือนคนที่อยู่ในความทรงจำส่วนลึกของหมี่เฉินอี้

หมี่เฉินอี้รู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มนี้ มันเหมือนกับตอนที่เขาสร้างปัญหาหรือเรียกร้องความสนใจจากพระเชษฐาในตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่น ซึ่งพระเชษฐานั้นมักใจร้อนอยู่เสมอ และอาเหิงก็มักจะปลอบโยนเขาด้วยรอยยิ้มและอดทนกับเขาเสมอ

หากพิจารณาเรื่องความรู้สึกอย่างแท้จริง หมี่เฉินอี้ทั้งอยากอยู่ใกล้เขาและไม่อยากอยู่ใกล้เขา แต่เขาก็รู้อยู่ในส่วนลึกของจิตใจว่าอาเหิงอดทนกับเขามากเพียงใด

“หืม? เจ้าชอบนางใช่หรือไม่” หมี่อี้เหิงยังคงทำเป็นสงสัย “ลองคิดดูว่าอายุของเจ้ากับนางห่างกันกี่ปี ซึ่งอายุห่างกันประมาณนี้ดีที่สุด บางทีนางอาจชอบโม่หรู่เพียงเพราะว่าโม่หรู่ปรากฏตัวต่อหน้านางเร็วกว่าก็ได้ ใช่หรือไม่”

“ข้าจำได้ว่าตอนแรกโม่หรู่ไม่ได้ปฏิบัติต่อนางอย่างดี และเพียงไม่กี่วันหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน เจ้าก็ตกอยู่ในอันตรายและนางก็ช่วยชีวิตเจ้าไว้ในตอนนั้นใช่หรือไม่”

“ดูสิ เจ้าปรากฏตัวช้ากว่าโม่หรู่เพียงแค่สามหรือห้าวันเท่านั้น ซึ่งมันสามารถชดเชยทั้งหมดได้ทีหลัง”

“ความจริงแล้วข้าเข้าใจเจ้าเป็นอย่างดี แม่สาวน้อยทั้งงดงามและน่ารัก อีกทั้งยังเผยให้เห็นถึงความฉลาดเฉลียวที่สตรีอื่นไม่มี เจ้าไม่อาจนึกภาพออกได้ว่าวินาทีถัดไปนางจะทำอะไรที่คาดไม่ถึง ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่มักจะชอบผู้หญิงเช่นนี้ เจ้าโตแล้วก็ควรจะรู้ตัวว่าเจ้าพึงใจนาง”

ใช่แล้ว นี่แหละคือเหตุผล อาเหิงพูดถูก เขาเป็นผู้ชายธรรมดาจึงไม่ผิดเลยที่จะตกหลุมรักหญิงสาวที่น่ารักเช่นนี้

หมี่เฉินอี้อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ท่าทางของเขาค่อนข้างเขินอายเล็กน้อย “ข้าพึงใจนาง”

……………………………………………………………………………….