ตอนที่ 435 นางกลับมาแล้ว ตอนที่ 436 ไม่กลัวเสียหาย

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 435 นางกลับมาแล้ว!

ผู้ดูแลร้านหยวนหัวเราะเจื่อน “หนูน้อย ต่อให้มีที่นาเพียงสามสิบห้า สามสิบหกหมู่ นั่นก็…ทุกปีก็เก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยเหมือนกันนี่ สูตรสบู่หอมนี่หากอยู่ในมือแม่นางฮั่ว ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเป็นสิบปีก็ยังไม่แน่ว่าจะทำเงินได้มากขนาดนี้ด้วยซ้ำ!”

ดวงหน้าเล็กๆ ของฮั่วหลินหงิกงอ

มั่นใจได้แล้ว คนผู้นี้ก็คือจอมหลอกลวง

มารดาเขาพูดไว้ว่า สบู่หอมนี้คือเครื่องมือพิฆาตอันยิ่งใหญ่ของนาง และดูเหมือนยังเอ่ยไว้ด้วยว่าเป็นหนึ่งในอาวุธพิเศษสำหรับการปฏิวัติเพื่อความก้าวหน้า เมื่อทำสำเร็จแล้ว ชั่วชีวิตนี้ก็จะไม่อดอยากปากแห้ง มีทองคำและเงินเต็มบ้าน ดังนั้นไม่ใช่ของที่มีมูลค่าเพียงห้าร้อยตำลึงเงินแน่!

“ปู่ทวดอย่าเชื่อเขานะขอรับ เขามาหลอกเอาวิธีการทำต่างหากเล่าขอรับ” ฮั่วหลินเผยสีหน้าจริงจัง จากนั้นก็ใช้ความสามารถของความเป็นภูตในตัวเองมองดูคุณธรรมของผู้ดูแลร้านหยวนคนนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกรังเกียจยิ่งขึ้น “คนผู้นี้เนื้อตัวดำทะมึน มองแวบเดียวก็รู้ว่ากระทำเรื่องไร้คุณธรรมมาแล้วไม่น้อย ท่านรีบๆ ไปเลย เลิกตอแยท่านปู่ทวดข้าได้แล้ว!”

คนที่ทำเรื่องเลวๆ ไม่ช้าก็เร็วต้องรับผลกรรมคืนสนอง

หลักแห่งสวรรค์ ผลจากการกระทำย่อมหวนกลับคืนสนอง

แน่นอนละ จะกล่าวว่าคนยากจนล้วนเป็นคนที่ก่อกรรมทำชั่วนับไม่ถ้วนกลับมาเกิดก็ไม่ได้เช่นกัน เรื่องการกลับมาเกิดอะไรพวกนี้เขาเองก็บอกไม่ได้ชัดเจน แต่ทว่ามีคนบางส่วนกระทำชั่วมากมาย จากนั้นไม่ว่าญาติพี่น้อง อายุขัย หรือถึงขั้นสภาวะอารมณ์ในแต่ละด้านของตัวเองล้วนรับได้ผลกระทบทั้งสิ้น หากอยู่ใต้พื้นพิภพไม่ได้รับโทษชำระล้างบาปให้สะอาด ก็น่าจะต้องเกิดมาเป็นสัตว์เดรัจฉานกระมัง

ฮั่วหลินก็เพิ่งเป็นภูตครั้งแรกเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ก็แค่เคยได้ยินผ่านหูมาเท่านั้น หาได้เข้าใจไม่

แต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ เขาก็รู้เช่นกันว่าต้องอยู่ให้ห่างจากคนที่คุณธรรมความดีต่ำประเภทนี้เข้าไว้หน่อย เกิดวันใดวันหนึ่งสวรรค์พลันส่งสายฟ้าฟาดลงมาจัดการคนเลว แล้วพานฟาดถูกเขาไปด้วยจะทำอย่างไรเล่า

ผู้ดูแลหยวนสีหน้าอับอายในชั่วพริบตา “หนูน้อยอย่าพูดจาเหลวไหลสิ ข้าเป็นคนค้าขายด้วยความซื่อสัตย์จริงใจ…”

“ท่านผู้เฒ่าซ่ง ห้าร้อยตำลึงเงินท่านยังดูถูกว่าน้อยไปอีกหรือ เงินสามสิบ ห้าสิบตำลึงเงินก็ซ่อมแซมเรือนของท่านหลังนี้จากข้างในถึงข้างนอกได้เต็มที่แล้ว เงินห้าร้อยตำลึงเงิน…ยังเพียงพอให้ท่านซื้อบ่าวไพร่มาจำนวนหนึ่งคอยปรนนิบัติพัดวี และถึงขั้นไปซื้อบ้านหลังโตๆ ในอำเภอหลี่สักหลังก็ยังได้!” ผู้ดูแลหยวนรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ค่อยเข้าใจในตัวเงินสักเท่าไร

“ผู้ดูแลร้านหยวน ห้าร้อยตำลึงเงิน…สำหรับหลานสาวคนรองของข้าถือว่าน้อยไปจริงๆ เอาแบบนี้แล้วกัน ข้าก็ไม่รั้งให้ท่านอยู่นานแล้วเช่นกัน และอยู่ไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร อีกเดี๋ยวเมื่อเอ้อร์ยากลับมาแล้ว ยังจะต้องเชิญให้ท่านกลับไปเสียอีกด้วยซ้ำ ดังนั้น…” ผู้เฒ่าหัวเราะแห้ง

ผู้ดูแลร้านหยวนชักสีหน้าบึ้งตึง

“ท่านผู้เฒ่าซ่งไม่กลัวว่าจะทำให้แม่นางฮั่วชวดเงินที่มากขนาดนี้ แล้วนางจะโมโหเอาได้หรือ” ผู้ดูแลร้านหยวนกล่าวพลางสะกดกลั้นโทสะ

“ไม่มีทาง ด้วยความสามารถของท่านแม่ข้า นางไม่เหลียวมองสิ่งเหล่านี้หรอก!” ฮั่วหลินตะคอก

ผู้ดูแลร้านหยวนเพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเด็กน้อยที่เอาแต่เรียกท่านแม่ผู้นี้เป็นใคร

แท้จริงแล้วเป็นลูกของแม่นางฮั่ว!?

มิน่าล่ะ จึงได้ไม่มีมารยาทเพียงนี้

ก่อนหน้านี้ผู้ดูแลหยวนเคยเห็นซ่งอิงแค่ครั้งเดียว และมีความทรงจำที่ไม่ดีกับซ่งอิงเอาเสียเลย ครั้งนี้หากไม่ใช่เพื่อสบู่หอมก็ไม่อยากลดตัวลงมาเลยจริงๆ

แต่เพื่อสบู่หอม…

“หนูน้อย เจ้าอยากไปอาศัยอยู่ในตัวอำเภอหรือไม่ หากแม่เจ้ามีเงินแล้ว ทั้งยังช่วยทำงานในร้านข้าด้วย เช่นนั้นเจ้าก็จะได้อยู่ในตัวอำเภอไปตลอดแล้วนะ ถึงเวลาเจ้าอยากกินอะไร ออกพ้นประตูเรือนไปก็หาซื้อได้แล้ว ทางด้านตัวอำเภอนั่นมีของเล่นดีๆ มากมายเป็นพิเศษ และทุกเทศกาลประจำปีวนมาบรรจบก็จะครึกครื้นอย่างยิ่งเช่นกัน…”

“ท่านคิดจะหลอกเด็ก คิดว่าข้าเป็นคนโง่เง่าหรือไร” ฮั่วหลินมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าไม่สนใจตัวอำเภอที่ว่านั่นหรอก และก็มิใช่ว่าข้าไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย!”

หากเขาอยากไป แค่มุดลงไปในดินใช้เวลาไม่นานก็ถึงแล้ว ใช่เรื่องที่เปลืองแรงมากมายที่ไหนกัน

“…” ผู้ดูแลร้านหยวนพลันรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย

แต่เขาจะไปทั้งเช่นนี้ไม่ได้ จึงดื้อดึงอยู่อีกพักหนึ่ง

ในที่สุด! ซ่งอิงก็กลับมาแล้ว

ครั้งนี้ซ่งอิงไม่ได้ซื้อสิ่งของอะไรติดไม้ติดมือมานอกจากเนื้อหมูสามจินและปลาสองตัว ขนมยังมีเหลืออยู่ที่บ้าน นอกจากนั้นระหว่างทางขากลับ มองเห็นในตะกร้าชาวบ้านคนหนึ่งมีหนังกระต่ายป่าที่ขายไม่ออกวางอยู่จำนวนหนึ่ง นางจึงมาด้วยเช่นกัน

ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือนแล้ว ฉะนั้นฤดูหนาวก็ใกล้มาถึงแล้วเช่นกัน

บัดนี้ซื้อพวกหนังสัตว์ที่มีขนติดอยู่ด้วยเอาไว้ เมื่อถึงฤดูหนาวค่อยทำเสื้อผ้าขนปกปุยให้บุตรชายนางสักชุด แค่คิดขึ้นมาก็รู้สึกสุขใจแล้ว

ตอนที่ 436 ไม่กลัวเสียหาย

หนังสัตว์ที่มีขนติดอยู่เหล่านี้ ที่ตัวอำเภอก็มีขายเช่นกัน ก่อนหน้านี้ซ่งอิงไม่ทันได้นึกถึง มิเช่นนั้นก็คงได้เริ่มกักตุนเอาไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว

ยามนี้หนังกระต่ายสี่ห้าผืนก็ถือว่าไม่เลวเช่นกัน มิหนำซ้ำยังราคาถูกอีกด้วย

“โอ๊ะ มีแขกหรอกหรือ” ซ่งอิงมองเห็นรถม้าคันนั้น ตบๆ มือลงบนตัวต้าไป๋บ้านนางเบาๆ “ต้าไป๋ เจ้ากินให้มากๆ หน่อยจะได้ตัวใหญ่กำยำ เอาให้เทียบชั้นกับม้าตัวนี้ได้เลย!”

จะเทียบความสูงนั่นคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อลาตัวเตี้ยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

แต่กลิ่นอายแห่งจิตวิญญาณเราไม่เหมือนกันนี่!

มองดูลาของนางสิ ดวงตาโตขนตางอนยาว กีบดูทรงพลังกว่าเป็นเท่าตัว เมื่อหัวเราะขึ้นมาก็ชวนให้ผู้คนจิตวิญญาณกระเจิงได้

“ท่านแม่ วันนี้เราอยู่กินข้าวกันทางด้านท่านปู่ทวดนี้ได้หรือไม่” ฮั่วหลินมองเนื้อหมูเหล่านี้แล้วเอ่ยถาม

“อืม จะได้ถามไถ่บรรดายายเจ้าด้วยว่าเหลียงผีนั่นขายเป็นเช่นไรบ้าง” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย

ครั้นนางปรากฏตัวออกมา พี่น้องสะใภ้ทั้งสามคนที่เดิมทีอยู่แต่ในเรือนของตัวเองก็พากันเร่งรีบออกมาหลังได้ยินเสียง ครั้นมองเห็นซ่งอิง ย่อมต้องเผยรอยยิ้มไว้บนใบหน้ากันทั้งนั้น และรีบร้อนเข้าไปรับเนื้อหมูพร้อมผักเหล่านั้นเอาไว้

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวอย่างสั้นง่ายได้ใจความ “เอ้อร์ยาอยากกินอะไรหรือ เนื้อหมูนี่เอาไปผัดพริกหรือตุ๋นผักกาดขาวดีล่ะ”

“ตุ๋นผักกาดขาวแล้วกันเจ้าค่ะ วันนี้ที่ข้าซื้อมาเป็นเนื้อหมูสามชั้น เอามาตุ๋นจะอร่อยกว่า แต่หากพวกท่านยังทำงานไม่เสร็จ ข้าเป็นคนทำกับข้าวเองก็ได้ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก” ซ่งอิงกล่าว

“ถึงเวลาต้องทำกับข้าวกินแล้วเช่นกัน ข้าและอา…อาสะใภ้สี่เจ้าช่วยกันทำก็แล้วกัน” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่มองเจียวซื่อแวบหนึ่ง

เจียวซื่อทำงานเอาเป็นเอาตายทุกวัน ไม่กล้ารบกวนเวลาของนางจริงๆ

เจียวซื่อถูมือ พอเห็นเนื้อหมูนั่นก็เผยแววตาตะกละตะกลามขึ้นมาเช่นกัน “วันนี้บ้านเราได้กินเนื้อหมูกันอีกแล้ว”

“อาสะใภ้สามบัดนี้มีทักษะนี้อยู่กับมือ สามถึงห้าวันจะกินเนื้อหมูสักมื้อก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกันเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว

“นั่นมันสิ้นเปลืองจะตาย มีเงินก็ต้องเก็บหอมรอมริบไว้สู่ขอภรรยาให้บรรดาน้องชายเจ้า ข้าอายุปูนนี้แล้ว กินหรือไม่กินเนื้อหมูก็เหมือนๆ กัน” เจียวซื่อกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ซ่งอิงเลิกคิ้ว ยังคงตระหนี่ถี่เหนียวเพียงนี้อยู่ดี

ซ่งอิงมองซ่งต๋าและซ่งอู่แวบหนึ่ง

คิดว่าลงมือจัดการปัญหาโดยเริ่มจากพวกเขาได้

ผู้ดูแลร้านหยวนมองเห็นในบ้านนี้พลันปรากฏผู้คนขึ้นมาเยอะแยะเพียงนี้ก็ตระหนกตกใจเช่นกัน โดยเฉพาะมองเห็นพวกนางให้ความเกรงอกเกรงใจซ่งอิงเช่นนี้ ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาด

นี่เป็นญาติผู้ใหญ่กันทั้งนั้นมิใช่หรือ ไฉนดูพวกนางเมื่อเห็นซ่งอิงแล้วกลับเหมือนมองเห็นแม่สามีที่ใจร้ายอย่างไรอย่างนั้น…

หรือว่าซ่งอิงอาศัยความที่หาเงินได้ รังแกคนตระกูลมารดา?

ดูเหมือนก็ไม่น่าใช่อีกนั่นละ เพราะแววตาที่ทั้งสามคนนี้มองซ่งอิง…ไม่เห็นความเกลียดชังหรือเคียดแค้นใดๆ เลยสักนิด…

ผู้ดูแลร้านหยวนงุนงงคิดไม่ตก

และก็ไม่ได้คิดว่าที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะซ่งอิงช่วยจุนเจือตระกูลฝั่งมารดา เพราะ…บรรดาพี่น้องสะใภ้เหล่านี้แออัดกันอยู่ในพื้นที่ลานบ้านกว้างขวางและตัวเรือนเก่าโทรมถึงเพียงนี้ จะเห็นได้ว่าพวกนางใช้ชีวิตเช่นเดียวกับชาวชนบทธรรมดาทั่วไป เหน็ดเหนื่อยและยากลำบากมาก อีกทั้งแต่ละคนใบหน้าก็ดูเต็มไปด้วยความอ่อนล้า ใช่ลักษณะอย่างผู้ที่ได้รับการจุนเจือให้สุขสบายเสียที่ไหนกัน

“แม่นางฮั่ว เจ้ากลับมาเสียที ข้ารอเจ้าอยู่ตั้งนานเชียวละ!” ผู้ดูแลร้านหยวนเดินปรี่เข้ามารับหน้า

ซ่งอิงกวาดตามองผู้ดูแลหยวนแวบหนึ่ง “อ้อ ที่แท้เป็น…เจ้านี่เอง ครั้งนี้เป็นการมาเพื่อซื้อยาสระผมของข้าอีกแล้วหรือ”

“…” ผู้ดูแลร้านหยวนมุมปากแข็งทื่อไป เขาไม่เชื่อหรอกว่า แม่นางฮั่วผู้นี้ไม่รู้ว่าร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเขาคิดค้นวิธีการทำยาสระผมออกมาได้แล้ว

“น่าจะมิใช่ เมื่อครู่ตอนที่เข้าตัวอำเภอไปเพิ่งได้ยินว่าร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเจ้าขายยาสระผมกดราคากัน” ซ่งอิงหัวเราะเล็กน้อย “ผู้ดูแลร้านหยวน ร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเจ้าช่างเป็นกิจการใหญ่โตที่ไม่กลัวเสียหายเลยจริงๆ”

ยาสระผมของร้านชุ่ยเหยียนไจที่ราคาห้าร้อยอีแปะนั่นจะต้องขายได้น้อยนิดเป็นแน่ ที่จะขายได้มากก็เป็นสินค้าราคาถูกที่สามสี่สิบอีแปะนั่น

ร้านชุ่ยเหยียนไจจ้างคนงานจำนวนมาก ร้านค้าใหญ่โตก็ค่าเช่าแพงตามไปด้วย ต้นทุนแอบแฝงเหล่านี้ย่อมมีมากมาย ขายออกไปในราคานี้จึงน่าจะทำเงินไม่ได้

ผู้ดูแลร้านหยวนสีหน้าประดักประเดิดเล็กน้อย เขาลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท!

ร้านค้าทางด้านนั้นยังคงขายกดราคายาสระผมของคนเขาอยู่เลย แล้วจะมาพูดคุยเจรจากิจการสบู่หอมกับเขาได้อย่างไรกันเล่า?!