บทที่ 219 ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วหนุ่มน้อย!

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

รอยยิ้มของฉู่ฮวนเจาเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง นางอาจจะไม่ชอบการบ่มเพาะ แต่นางเองก็มีความรู้พื้นฐานเรื่องพวกนี้เหมือนกัน “ฮึ่ม! พี่เขยของข้าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน! ใช่ไหมท่านพี่?”

น้ำเสียงของนางดูไม่ค่อยมั่นใจ นางจึงต้องหันไปหาพี่สาวเพื่อยืนยันความเชื่อของนาง

“อาจจะ” ฉู่ชูเหยียนตอบกลับอย่างไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ พลางจ้องไปที่ ซูอันซึ่งกำลังอยู่บนลานประลองอย่างครุ่นคิด

ในตอนนี้เองบนลานประลอง หยวนเหวินตงกำลังถูกห้อมล้อมด้วยดาบและกระบี่หลายสิบเล่ม และนี่ทำให้ความมั่นใจของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก “ซูอัน ข้าขอยอมรับว่าทักษะการเคลื่อนไหวของเจ้าทำให้ข้าประหลาดใจ หากเจ้าใช้มันโจมตีข้าอย่างรุนแรงตั้งแต่ครั้งแรกเจ้าคงอาจจะล้มข้าได้ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว ต้องโทษที่ตัวเจ้าเองมันไร้ประสบการณ์และโง่เง่าแถมยังอวดดีใช้โอกาสไปอย่างเปล่าประโยชน์ดังนั้นตอนนี้เจ้าจงรอรับการลงทัณฑ์ของข้าแต่โดยดีซะ”

ตอนนี้เขามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมากแล้ว หยวนเหวินตงจึงไม่มีความคิดที่จะจบการประลองให้เร็วมากเกินไป เขาต้องการเล่นเกมแมวจับหนูโดยหวังว่าจะได้เห็นซูอันคุกเข่าขอร้องให้เขาให้อภัยอย่างสิ้นหวังต่อหน้าฝูงชน

ซูอันมองดูหยวนเหวินตงด้วยสีหน้าขบขันก่อนที่จะพูดว่า “ที่ข้าไม่จัดการเจ้าในทันทีเพราะมันจะเป็นการปราณีกับเจ้ามากไปหน่อย ถ้าข้าเอาชนะเจ้าเร็วเกินไป ข้าจำเป็นต้องเอาคืนในสิ่งที่เจ้าทำกับฮวนเจา ก่อนหน้านี้ ข้าต้องคิดบัญชีให้สาสมก่อนไม่งั้นวันนี้ข้าคงนอนไม่หลับ!”

ที่ด้านล่างของลานประลอง ฉู่ฮวนเจาเผยรอยยิ้มออกมาในทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ของซูอัน นางดึงชายเสื้อของพ่อแม่นางและพูดว่า “ดูซิ ๆ ท่านพ่อท่านแม่! พวกท่านเห็นไหมว่าพี่เขยมีเหตุผลของตัวเขาเองที่ทำเช่นนั้น”

แต่ฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูขมวดคิ้ว พวกเขารู้สึกว่าซูอัน กำลังประมาทศัตรูของเขามากเกินไป แต่ความตั้งใจที่ซูอันต้องการทวงความยุติธรรมให้ลูกสาวของพวกเขาทำให้พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้

“เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน!” หงซิงอิงคิดว่าซูอันกำลังพยายามมัดหัวใจคุณหนูรองอีกคน ก่อนหน้านี้เขาก็แต่งงานกับคุณหนูใหญ่ไปแล้วและตอนนี้เขาอยากจะได้คุณหนูรองไปอีกคนงั้นเหรอ เมื่อคิดได้เช่นนี้ หงซิงอิงก็ควบคุมความอิจฉาของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ “ถ้าเขาสามารถเอาชนะผู้บ่มเพาะระดับ 5 ได้ ข้าจะยอมกินเก้าอี้ที่นี่ทั้งตัว!”

ฉู่ฮวนเจาไม่ได้สนใจกับอาการหงุดหงิดของ หงซิงอิง

กลับไปบนลานประลอง หยวนเหวินตงโกรธจัดกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน “ฮ่า ๆๆ! เจ้าจะบอกว่าเจ้ายอมอ่อนข้อให้ข้าเพราะต้องการล้างแค้นให้กับน้องภรรยาของเจ้างั้นเหรอ? ฮ่า ๆๆๆ! นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่ข้าได้ยินในรอบหลายปีที่ผ่านมาเลย!”

ท่านยั่วยุหยวนเหวินตงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +666!

“มุกตลกพื้น ๆ แบบนี้เจ้ากลับถือว่ามันตลกที่สุดสำหรับเจ้าแล้ว?” ซูอัน เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ดูเหมือนว่าประสบการณ์ทางโลกของนายน้อยหยวนจะตื้นเขินจริงๆ”

“…” หยวนเหวินตง

ท่านยั่วยุหยวนเหวินตงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +250!

หยวนเหวินตงอยากจะรู้จริง ๆ ว่าในหัวของซูอันมีอะไรซ่อนอยู่ข้างในนั้นบ้างทำไมทุกคำที่ชายคนนี้พูดมันถึงสามารถทำให้ประสาทของเขาเสียได้ตลอด ตอนนี้เขาเริ่มกังวลแล้วว่าถ้าขืนเขาพูดอะไรยืดยาวต่อไปอีกเขาอาจจะโกรธจนเลือดไหลออกจากทวารทั้ง7ก็ได้ ดังนั้นเขาจึงพูดตัดบททันที

“ข้าพอแล้วกับการพูดไร้สาระกับเจ้า นับจากนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้บ่มเพาะระดับ 5 เจ้าจะได้รู้ซึ้งว่าเจ้ากับข้าแตกต่างกันแค่ไหน!”

หลังจากพูดจบหยวนเหวินตงโบกมือทันทีและจากนั้นดาบและกระบี่ที่ลอยวนอยู่รอบตัวเขาก็บินตรงไปหาซูอันอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ว่าทักษะการเคลื่อนไหวของซูอันนั้นจะทรงพลังเป็นอย่างมากจนเขาไล่ตามไม่ทัน แต่ด้วยจำนวนของดาบและกระบี่มากมายที่เขาบังคับอยู่และด้วยความกว้างของลานประลองที่มีจำกัด ท้ายที่สุดต่อให้ซูอัน จะหลบเก่งแค่ไหนเขาก็ต้องพลาดโดนอาวุธบ้างอยู่ดี

“พี่เขย…ระวัง!” ฉู่ฮวนเจาตื่นตกใจกับภาพที่เห็น นางอยากจะลุกขึ้นตะโกนแต่ความเจ็บปวดทำให้นางทำได้แต่นอนให้กำลังใจอยู่บนเปลหาม

ฉู่จงเทียนและฉู่ชูเหยียนต่างก็มีสีหน้าหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาพร้อมที่จะกระโดดเข้าไปช่วยซูอันได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตามซือคุนขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งนี้ หยวนเหวินตงรีบร้อนเกินไปหรือเปล่า? เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ฉู่จงเทียนเตรียมพร้อมที่จะกระโดดเข้าไปช่วยอยู่ทุกเวลาซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นท้ายที่สุดพวกเขาคงไม่สามารถทำให้ซูอันบาดเจ็บถึงขนาดพิการได้แน่ๆ

ในทางกลับกันบนลานประลอง ซูอันตะโกนอย่างไม่รีบร้อนว่า “ผิงผิงน้อย~”

เฉิงโซวผิงซึ่งกำลังรออยู่ข้าง ๆ ลานประลองอยู่แล้วเมื่อได้ยินเสียงเรียก เขารีบโยนโล่ที่มีรูปร่างประหลาดขึ้นไปให้ซูอันทันที

เมื่อเห็นซูอันคว้าโล่มาบังตัวไว้ หยวนเหวินตงก็ยิ้มอย่างเย้ยหยัน โธ่ ๆ นึกว่าจะมีไพ่ตายอะไรที่แท้สิ่งที่เจ้าเตรียมไว้ก็มีแค่โล่โง่ ๆ อันนั้นก็แค่นั้นงั้นเหรอ? เจ้าลืมไปแล้วรึไงว่าข้าสามารถบังคับอาวุธของข้าโจมตีเจ้าได้รอบทิศทาง โล่ของเจ้าไม่มีทางป้องกันมันได้หมดแน่นอน!

ไม่สิ…แบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน แบบนี้ตระกูลฉู่น่าจะคลายใจลงได้นิดหน่อยและนั่นจะเป็นโอกาสที่ข้าจะได้จัดการกับเจ้า!

หลังจาดคิดเยาะเย้ยเสร็จสรรพ หยวนเหวินตงก็บังคับให้กระบี่ที่กำลังพุ่งเข้าไปหาซูอันแยกออกเป็น4สาย 2สายเข้าโจมตีซ้ายและขวา ส่วนอีก2โจมตีด้านหลังและด้านบน

แต่แล้วในขณะนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นว่าซูอัน ดึงชิ้นส่วนบางอย่างออกจากด้านในของโล่ส่งผลให้จู่ ๆ รูปทรงของโล่แปลงเปลี่ยนเป็นรูปตัว U

โล่เวรนั่นมันบ้าอะไรกัน! หรือว่านี่เจ้ากำลังส่งสัญญาณอะไรอยู่ใช่ไหม?

หยวนเหวินตงคิดว่าซูอันกำลังส่งสัญญาณพวกคนตระกูลฉู่ เข้ามาแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงรีบเร่งความเร็วของดาบและกระบี่บินให้เร็วยิ่งกว่าเดิม

เอ๊ะ? เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอาวุธทั้งหลายไม่ฟังคำสั่งของข้า?

หยวนเหวินตงตกใจ เขาพยายามจะควบคุมบรรดาอาวุธให้บินไปตามเส้นทางที่ต้องการ แต่จู่ ๆ พวกมันกลับสั่นสะท้านอย่างแปลกประหลาดและจากนั้นอาวุธทั้งหมดก็บินไปยังทิศทางเดียวกัน พวกมันตรงไปยังโล่ของ ซูอัน และติดหนึบอยู่ที่โล่ของซูอันแน่นราวกับถูกตอกตะปูเอาไว้!

หยวนเหวินตงพยายามอย่างสุดฤทธิ์ในการควบคุมพวกมันให้หลุดจากโล่ของซูอัน แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าเขาจะใช้พลังออกไปมากแค่ไหนอาวุธพวกนั้นมันก็ไม่ขยับเลย!

น…นี่…มันเป็นไปได้ยังไง?

ทางด้านของฝูงชนต่างก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่พลิกผัน

หยวนเหวินตงจ้องไปที่ซูอัน ซึ่งตอนนี้เพิ่งโผล่หัวออกมาดูผลงานของตัวเอง เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “นี่เจ้าทำมันได้ยังไง! เจ้าทำมันได้ยังไง!!!”

ซูอันส่ายหัวและถอนหายใจยาว “ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว หนุ่มน้อย!”

นับตั้งแต่เขาเห็นความสามารถในการควบอาวุธของหยวนเหวินตง ที่สถาบันจันทร์กระจ่าง เขาก็ได้คิดหาวิธีจัดการกับทักษะการควบคุมนี้มาโดยตลอดจนท้ายที่สุดเขาก็คิดได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้คงไม่สามารถหลบอาวุธนับสิบได้เป็นเวลานานและเขาก็ไม่มีเปลวไฟสีดำแบบของเพ่ยเหมียนหมานด้วย

นอกจากนี้ แม้ว่าเขาจะสามารถหลบมันได้ เขาก็คงไม่สามารถเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายได้เพราะต้องเอาแต่วิ่งหลบอยู่ตลอดเวลาราวกับหนูซึ่งเขาไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นแน่!

ท้ายที่สุดความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของซูอัน และนั่นก็คือการใช้แม่เหล็ก! แต่แรงแม่เหล็กของแม่เหล็กธรรมชาตินั้นอ่อนเกินไป มันคงยากที่จะใช้พวกมันเอาชนะพลังการควบคุมโลหะของผู้บ่มเพาะธาตุโลหะ

อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ซูอันคือผู้ที่เคยอยู่ในโลกที่มีเทคโนโลยีก้าวล้ำ และเขาจำได้ถึงหลักการทำงานของแม่เหล็กไฟฟ้า แม่เหล็กไฟฟ้ามีแรงดูดอันมหาศาล มันสามารถยกรถยนต์และใช้งานในอุตสาหกรรมหนักต่าง ๆ มากมาย

และที่โชคดีมากไปกว่านั้นก็คือวิธีการสร้างแม่เหล็กไฟฟ้าในโลกนี้นั้นไม่ได้ยากเย็นเลย ทั้งหมดที่ซูอันต้องทำคือไปหาปรมาจารย์ด้านอักขระสักคนในตระกูลฉู่ให้สร้างโล่ตามแบบที่เขาออกแบบ ซึ่งปรมาจารย์ผู้นั้นก็สามารถทำมันออกมาได้อย่างง่ายดาย

แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือกระแสไฟฟ้า เนื่องจากโลกนี้ไม่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แต่ในทางกลับกันยังมีสิ่งอื่นที่โลกนี้มีและสามารถทดแทนได้และนั่นก็คือผู้บ่มเพาะธาตุสายฟ้า ด้วยอักขระที่ปรมาจารย์ด้านอักขระประทับลงบนโล่ ตัวโล่จึงสามารถกักเก็บกระแสไฟฟ้าเข้าไปได้มากพอที่จะใช้งานให้เป็นแม่เหล็กไฟฟ้าในระยะเวลาสั้นๆ

ซูอันมีเงินมากมายอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างสิ่งของทั้งหมดนี้ได้อย่างง่ายดาย ส่วนสาเหตุที่ปรมาจารย์อักขระในตระกูลฉู่ไม่รายงานนี้ให้ฉู่จงเทียนหรือใคร ๆ รู้เรื่องที่ซูอันมาขอให้สร้างโล่เพราะเขาคิดว่าซูอันคงเอามันไปทำเรื่องไร้สาระ

เขาคิดว่าซูอันก็แค่สร้างมันเล่น ๆ และที่สำคัญคือเขาไม่รู้ว่าแม่เหล็กไฟฟ้าคืออะไร รวมไปถึงสนามแม่เหล็กนั้นน่าทึ่งขนาดไหนเมื่อเปิดใช้งาน

หลังจากเวลาผ่านไปชั่วครู่หนึ่งฝูงชนก็เริ่มได้สติหายจากอาการงุนงง จากนั้นพวกเขาทั้งหมดต่างก็พยายามจ้องดูโล่ที่มีรูปร่างแปลกประหลาดของซูอันอย่างตั้งใจเพื่อดูว่ามันคืออะไร?

“มันเป็นอาวุธลับของตระกูลฉู่ที่เพิ่งถูกคิดค้นขึ้นมาหรือเปล่า?”

“เรื่องนี้น่าจะเป็นไปได้ ตระกูลฉู่มีประสบการณ์ด้านการสร้างอาวุธมาหลายร้อยปี ตระกูลหยวนจะเทียบกับพวกเขาในด้านนี้ได้ยังไง?”