วารุณีหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา ตกใจจนลุกขึ้นมา “โอ๊ย เกือบจะเก้าโมงแล้ว ลูกรัก รีบไปปลุกน้องตื่นเร็ว จะไปโรงเรียนสายแล้ว”
ตั้งแต่เช้า ก็ถูกสุภัทรทำให้โกรธ ทำให้เธอลืมปลุกลูกทั้งสองคน
อารัณขยี้ตา ตอบครับไปหนึ่งที หันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง
นัทธีลุกขึ้นมา “เดี๋ยวผมจะส่งเด็กไปโรงเรียนเอง ตอนนี้คุณคงไม่สะดวกออกไป คนรู้จักคุณค่อนข้างเยอะ”
วารุณีพยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธ “ได้ค่ะ ขอบคุณประธานนัทธีแล้ว”
เป็นจริงอย่างว่า ตอนนี้เธอที่โจมตีทางโซเชียล คนรู้จักเธอเกือบหมดแล้ว
ถ้าหากเธอตอนนี้เธอส่งไอริณไปโรงเรียน ผู้ปกครองที่เคยดูการแข่งขันของเธอจำเธอได้ อาจจะบอกให้ลูกของพวกเขาอยู่ห่างๆไอริณ ไม่ให้เล่นกับไอริณ แบบนี้มันจะไม่ดีกับไอริณเลย
“ไม่เป็นไร” นัทธีทำมือปฏิเสธ เพื่อจะบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ
จากนั้น เขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ มองไปที่วารุณีแล้วถาม “พวกคุณยังไม่ได้ทานอาหารเช้ากันใช่มั้ย?”
“ยังเลยค่ะ” วารุณีส่ายหัว
นัทธีเชยคางขึ้นเล็กน้อย “งั้นคุณรอแป๊บนึง”
พูดจบ เขาก็เปิดประตูเดินออกไป
วารุณีมองเขาอย่างตกตะลึง
เขาคงไม่ได้ไปซื้ออาหารเช้าให้กับพวกเธอหรอกนะ?
ขณะที่คิด วารุณีรีบตามออกไป อยากจะเรียกเขาเอาไว้
และตอนที่ตามไปนั้น เขากลับเดินเข้าไปในห้องของเขาที่อยู่ตรงข้าม
วารุณีไม่กล้าที่จะตามเข้าไป ทำได้เพียงหยุดฝีเท้ายืนอยู่ที่เดิม
รอไปไม่ถึงสองนาที นัทธีก็ถือถุงกระดาษออกมาหนึ่งใบ เห็นเธอที่ยืนอยู่ตรงประตู อดไม่ได้ที่เลิกคิ้ว “คุณรอผมอยู่ตรงนี้เหรอ?”
“อืม” วารุณีเม้มริมฝีปาก “ฉันแค่อยากจะบอกคุณว่า เรามีแซนด์วิชอยู่ อุ่นหน่อยก็ทานได้แล้ว คุณไม่ต้องจัดการให้เรา แต่ยังไม่ทันได้พูด คุณก็ออกไปแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้ ความสุขที่เพิ่งจะเกิดขึ้นใจนัทธี ก็ได้หายไปในทันที ยื่นถุงไปด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง “แซนด์วิชเด็กทานแล้วย่อยยาก ทานอันนี้เถอะ นี่เป็นอาหารที่ป้าส้มทำในตอนเช้า”
“แต่ว่า…….” วารุณีขยับริมฝีปาก เหมือนอยากจะพูดอะไร
นัทธีเม้มปากริมฝีปากแล้วพูดตัดบทเธอ “เวลาไม่เช้าแล้ว รอให้คุณอุ่นอาหารเช้าเสร็จ ไอริณก็ไปโรงเรียนสายแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ วารุณีก็พูดไม่ออกในทันที สักพักจึงได้พูดอีกครั้ง “ค่ะ งั้นก็ขอบคุณประธานนัทธีแล้วนะคะ”
พูดจบ เธอก็ยื่นมือไปรับถุงอาหารมาอย่างยินดี
สีหน้าของนัทธีก็ดีขึ้น ตอบรับไปหนึ่งที แล้วเดินเข้าไปในห้องพร้อมเธอ
หลังจากที่ทานอาหารเช้า นัทธีก็พาไอริณออกไป วารุณีอยู่คอนโดเป็นเพื่อนอารัณ และเอาเวลาไปดูเรื่องบนโซเชียลบ้าง
ในโซเชียลเรื่องยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มีเพจแอนตี้มากมายคอยชักนำและปั่นเรื่อง เอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริง พูดอย่างกับว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงเสียอย่างนั้น
ชาวเน็ตจำนวนมากที่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใช่เรื่องจริงหรือไม่ ประกอบกับที่วารุณีไม่ได้ออกมาโต้แย้ง ดังนั้นจึงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เข้าใจว่าเธอนั้นเป็นมือที่สามของนัทธีกับพิชญาจริง ทำให้พวกเขาต้องถอนหมั้นกัน เพราะเหตุนี้การด่ายิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ชื่อเสียงของวารุณีก็ฉาวโฉ่ไปในเวลาอันสั่น
อารัณก็รู้เรื่องนี้แล้ว เขาใช้ความสามารถของการเป็นแฮกเกอร์ของตัวเอง ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุที่แม่ถูกด่า ในใจนั้นยิ่งเกลียดคุณตาที่เคยเห็นเพียงครั้งเดียว
หม่ามี๊ อารัณที่ถือกระดาษรายชื่อที่เขาปริ้นออกมา เปิดประตูห้องหนังสือของวารุณีแล้วเดินเข้ามา
ตอนนี้วารุณีไม่ได้สนใจข่าวบนโซเชียลแล้ว คอมเมนต์พวกนั้นอ่านแล้วมันทำให้เธอหงุดหงิด เธอเลยไม่ดูมัน กำลังนั่งวาดแบบอยู่บนโต๊ะหนังสือ
แบบที่อยู่บนกระดาษไม่ใช่ชุดผู้หญิงอย่างที่เธอถนัด แต่เป็นชุดสูทแบบสมาร์ตของผู้ชาย
นี่คือสิ่งที่เธอเคยรับปากนัทธีก่อนหน้านั้น เพียงแต่ช่วงนี้มัวแต่ยุ่งเรื่องการแข่งขัน จึงไม่ได้วาดแบบสักที พอดีวันนี้ไม่ต้องไปออฟฟิศไม่มีการแข่งขันแล้วด้วย มีเวลาวาดแบบพอดี
“มีอะไรคะลูก?” วารุณีเงยหน้าขึ้นมา มองไปลูกชายที่กำลังเดินเข้ามา ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“อันนี้ให้หม่ามี๊ครับ” อารัณเดินไปที่ข้างกายเธอ เอารายชื่อที่อยู่ในมือยื่นให้กับเธอ
“มันคืออะไร?” วารุณีก้มตัวไปรับรายชื่อมาดู พบว่าในนั้นเต็มไปด้วยรายชื่อผู้ใช้และเว็บที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต ในนี้ยังมีบางส่วนที่คุ้นเคยอย่างมาก มันเป็นพวกเพจแอนตี้ที่คอยชักนำและปั่นเรื่อง
วารุณีก็เข้าใจในทันที เอารายชื่อวางบนโต๊ะทำงาน “ลูกจ๋า ลูกเอารายชื่อให้หม่ามี๊ ลูกอยากจะให้หม่ามี๊ฟ้องพวกเขาใช่มั้ย?”
อารัณผงกหัวอันเล็กๆของเขา “ผมได้ยินมาว่า ขอเพียงมีการโพสต์ถ้อยคำรุนแรงหรือคอมเมนต์โจมตีคนอื่น เมื่อถูกกดไลค์หรือถูกแชร์เกินห้าร้อยครั้ง ศาลก็จะรับฟ้อง พวกเขาด่าหม่ามี๊แบบนี้ หม่ามี๊ห้ามปล่อยพวกเขาเด็ดขาด”
มองดูลูกชายที่โกรธแทนตัวเอง ในใจของวารุณีก็อบอุ่นขึ้นมาทันที
เธอยื่นมือออกไปลูบหัวลูกชาย “ครับ ขอบคุณครับลูก หม่ามี๊จะไม่ทำให้หนูผิดหวัง ต้องให้พวกเขารับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง”
อันที่จริงต่อให้ลูกน้อยไม่ทำอะไรเลย เธอก็จะให้คนไปช่วยเธอเก็บรวบรวมรายชื่อ เพื่อใช้ในการฟ้องร้อง ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีทางที่จะยอมให้คนอื่นมาด่าฟรีๆ
แต่ตอนนี้ลูกชายได้ช่วยเธอรวบรวมรายชื่อมาแล้ว ก็ประหยัดเวลาของเธอไปได้เยอะเลย
“เอาล่ะ ลูกไปเล่นก่อนเถอะ เรื่องที่เหลือหม่ามี้จะจัดการเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” วารุณีตบที่บ่าของอารัณเบาๆ
อรัณผงกหัวเล็กๆของเขา กำลังจะเดินออกไป ออดตรงประตูก็ดังขึ้น
วารุณีลุกขึ้น พาเขาเดินไปเปิดประตู
เมื่อประตูเปิดออก ก็เห็นปาจรีย์ที่พยุงพงศกรยืนอยู่ด้านนอก
“พ่อบุญธรรม แม่บุญธรรม” อารัณโบกมือทักทาย เรียกทั้งสองคนอย่างดีใจ
มีแต่วารุณีที่มองพวกเขาอย่างประหลาดใจ “พวกแกมาได้ไง?”
ปาจรีย์เอาขนมยื่นให้กับอารัณ ถึงได้ตอบ “เรื่องบนโซเชียลรุนแรงมากขนาดนี้ พวกเราเป็นห่วงแกกลัวจะมีผลกระทบต่ออารมณ์ของแก ดังนั้นก็เลยมาดูเธอ”
“งั้นแกมาคนเดียวก็ได้แล้วนิ ทำไมยังพาพงศกรมาด้วย เขาออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหรอ?” วารุณีมองสำรวจพงศกร
พงศกรหัวเราะเบาๆ “ออกมาแค่ครึ่งวันเอง ไม่เป็นไรหรอก”
“จริงเหรอ?” วารุณีขมวดคิ้วก็ยังไม่ค่อยจะวางใจเท่าไหร่
พงศกรขยับกรอบแว่น “จริงสิ!”
“โอเค พวกแกเข้ามาก่อนเถอะ” วารุณีปล่อยมือจากประตูให้พวกเขาเข้ามาข้างใน
หลังจากที่เข้ามาแล้ว วารุณีก็ปิดประตู พาตัวอารัณเดินตามพวกเขาเข้ามาในห้องรับแขก
ปาจรีย์พยุงพงศกรนั่งลงตรงโซฟา มองไปที่ช่อกุหลาบขนาดใหญ่ ก็อุทานอย่างแปลกใจ “วารุณี ดอกไม้นี้ใครให้แก?”
พงศกรก็มองไปที่ช่อกุหลาบ แววตาที่อยู่ใต้เลนส์ กะพริบผ่านด้วยแสงสีดำ แล้วหันไปในพริบตา
“คุณอานัทธีเป็นคนให้ครับ” วารุณียังไม่ทันตอบ อารัณที่อยู่ข้างกายเธอได้ช่วยเธอตอบแล้ว
“ประธานนัทธี?” ปาจรีย์เลิกคิ้ว
พงศกรก็หรี่ตาลงทันที
วารุณีเหลือบมองลูกชายที่พูดมาก “กลับไปห้องของลูกได้แล้ว”
หนุ่มน้อยแลบลิ้น แล้วกลับเข้าไปในห้อง
วารุณีไปกดน้ำที่เครื่องกรองน้ำสองแก้ว ยื่นให้กับปาจรีย์และพงศกร ถึงได้ตอบกลับ “ใช่ เขาเป็นคนให้”
“ทำไมอยู่ดีๆเขาต้องให้ดอกไม้แกด้วย ไม่ใช่ว่ากำลังจีบแกอยู่นะ?” ปาจรีย์กลืนน้ำลงคอ ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
วารุณีส่ายหัว “จะเป็นไปได้ไง เขาก็แค่แสดงความยินดีกับฉันที่ชนะการแข่งขันเท่านั้นเอง”
“ชนะการแข่งขันให้ดอกไม้น่ะฉันเข้าใจ แต่ว่าดอกไม้ตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องให้ดอกกุหลาบ นี่มันก็ชัดเจน………”
“เอาล่ะ!” พงศกรทำหน้าเย็นชา พูดตัดบทปาจรีย์ด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม วารุณีก็บอกแล้วว่าให้เพราะชนะการแข่งขัน เธอก็อยากไปเดามั่วเลย”
ปาจรีย์ถูกเขาดุแบบนี้ ขยับริมฝีปากเล็กน้อย ก็ไม่พูดอีกเลย แม้กระทั่งรอยยิ้มที่สดใสในตอนแรก ก็ได้เปลี่ยนเป็นความขุ่นมัวทันที
เมื่อวารุณีเห็นเข้า ไม่เห็นด้วยอย่างมากที่พงศกรพูดจาแบบนี้กับปาจรีย์ เม้มริมฝีปาก กำลังจะพูด
ทันใดนั้นพงศกรก็มองมาทางเธอ “วารุณี เรื่องในสื่อโซเชียล คุณคิดจะจัดการยังไง?”