ตอนที่ 190

My Disciples Are All Villains

ลู่โจวมองไปรีอบๆ ในตอนนี้ตัวเขายังคงเงียบอยู่ถึงแม้ว่าเหล่าสาวกทั้งหมดจะคุกเข่าอยู่ก็ตาม สายตาของเขาเหลือบมองไปที่ยี่เทียนซินก่อนที่จะหันไปมองฝานซงแทน “ฝานซง”

“ข้าอยู่นี้ครับ”

“ถ้าหากเจ้าต้องการกลับไปที่สำนักแห่งความบริสุทธิ์ สำนักแห่งความบริสุทธิ์จะรับเจ้ากลับไปไหม? ” ลู่โจวได้ถามออกมาอย่างไม่แยแส

ฝานซงที่ฟังแบบนั้นก็ได้คุกเข่าลงทันที ตัวเขารีบประกาศความจงรักภักดีออกมา “ท่านปรมาจารย์ ตัวข้าได้เข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้าไม่คิดมาก่อนว่าจะออกจากที่นี่ไป ถ้าหากไม่ได้ท่านมอบเคล็ดวิชาหยางทั้งหกให้ ในตอนนี้ข้าก็คงจะต้องทุกข์ทรมานกับความเหน็บหนาวที่มีทั้งตลอดวัน ตราบใดที่ข้าคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะเป็นคนของศาลาปีศาจลอยฟ้าตลอดไป ถึงแม้ว่าข้าจะตาย ข้าก็จะขอเป็นผีศาลาปีศาจลอยฟ้า! “

“ข้าก็แค่พูดว่า “ถ้า” เพียงแค่นั้น”

“ถ้าอย่างงั้นหรอ? ” ฝานซงได้เกาหัวก่อนที่จะตอบกลับไป “ถ้าหากข้ากลับไปจริง ที่นั่นก็คงจะต้องหั่นข้าเป็นแปดส่วนก่อนที่จะถึงทางเข้าแน่…”

หมิงซี่หยินได้กลอกตาก่อนที่จะหันมาพูด “เจ้าได้ทำอะไรที่ไม่สมควรที่จะได้รับโอกาสแก้ตัวเป็นครั้งที่สองอย่างงั้นหรอ? “

“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น มันเกี่ยวกับกฎของสำนักแห่งความบริสุทธิ์ ผู้อาวุโสของที่นั่นยึดถือในกฎอย่างเคร่งครัด”

ลู่โจวได้หันไปหาโจวจี้เฟิงก่อนที่จะถามออกมาอีกครั้ง “โจวจี้เฟิง แล้วเจ้าล่ะ? “

โจวจี้เฟิงรู้ดีว่าทำไมลู่โจวถึงได้ถามแบบนี้ ตัวเขาจึงได้ตอบกลับไป “แม้ว่าสำนักดาบสวรรค์จะดีกับข้า แต่พวกเราไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมโลกใบเดียวกันได้อีกต่อไป แม้ว่าข้าจะอยากกลับไปแค่ไหน พวกเขาก็คงจะไม่ยอมรับข้าแน่”

ลู่โจวได้หันไปหาฮั๊ววู่เด๋า “แล้วเจ้าละผู้อาวุโสฮั๊ว? “

ฮั๊ววู่เด๋าได้คาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้แล้วว่าตัวเขาจะถูกถามโดยคำถามเดียวกัน ตัวเขาได้คารวะลู่โจวก่อนที่จะตอบกลับไป “ท่านอยากที่จะได้ยินความจริงสินะ ท่านปรมาจารย์? “

“ตอบความจริงมา”

“ถ้าหากข้าไม่ได้เข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้า การที่ข้าจะกลับไปสำนักหยุนพวกสำนักหยุนจะต้องยอ,รับข้าแน่” ฮั๊ววู่เด๋าเป็นถึงยอดฝีมือ หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ครั้งสุดท้ายมาตัวเขาก็สามารถฝึกฝนไปจนมีพลังร่างอวตารดอกบัวถึง 7 กลีบด้วยกัน ทั้งพลังและพรสวรรค์ที่เขามียากแท้ที่จะหาใครเทียบเคียงได้ แต่อย่างไรก็ตามตัวเขาก็ได้เข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่สำนักหยุนจะยอมรับเรื่องนี้

คำตอบของสาวกทั้งสามได้ดังไปถึงหูของทุกๆ คน

ในตอนนี้เองสาวกทุกคนไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา พวกเขาไม่ต้องการที่จะขัดจังหวะลู่โจว ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม การคุกเข่าเหล่าศิษย์สาวกทั้งหมดคงจะเป็นสิ่งเดียวที่พอจะช่วยยี่เทียนซินได้

ยี่เทียนซินรู้ดีว่าคำถามทั้งหมดจะสื่อความหมายว่าอะไร นางยิ่งรู้สึกแย่ลงเมื่อได้ยินคำตอบของโจวจี้เฟิงและฝานซง ยี่เทียนซินยังคงคุกเข่าโดยที่ไม่ขยับไปไหน นางได้ทรยศผู้เป็นอาจารย์ของตัวเอง การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากการหักหลังบรรพบุรุษของตัวเอง…นางไม่ต่างอะไรจากฝานซงและโจวจี้เฟิง แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่ได้เหมือนกับฮั๊ววู่เด๋าไปซะทีเดียว

“เหตุกวาดล้างชาวบ้านหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์บัดนี้ได้คลี่คลายแล้ว เหวยซู่หยานผู้วางแผนทั้งหมดถูกข้าจัดการไปด้วยตัวเอง…เจ้ามีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกไหม? ” ลู่โจวได้ถามออกมาอย่างเยือกเย็น

ร่างกายของยี่เทียนซินสั่นสะท้านไปทั้งตัว นางไม่กล้าแม้แต่จะสบตาลู่โจว ยี่เทียนซินได้แต่ก้มหน้าลงก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์รู้ดีว่าบาปที่ศิษย์ก่อมันร้ายแรงยากที่จะให้อภัย…”

สีหน้าของลู่โจวยังคงไร้อารมณ์ใดๆ ตัวเขาได้โบกแขนออกมาอย่างไม่สนใจไยดีก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเดิม “สายสัมพันธ์ระหว่างพวกเราศิษย์อาจารย์ได้ถูกเจ้าตัดขาด…ไปซะแล้ว”

หัวใจของยี่เทียนซินจมสู่ความสิ้นหวังเมื่อได้ยินแบบนั้น

คนอื่นๆ ต่างก็มองมาที่ลู่โจวก่อนที่จะถอนหายใจ แม้ว่าพวกเขาต้องการที่จะช่วยแค่ไหนแต่ถึงแบบนั้นศิษย์คนอื่นๆ ก็ไม่อาจที่จะทำอะไรได้

ยี่เทียนซินลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก

“ท่านเจ้าสำนัก” อดีตลูกน้องของยี่เทียนซินเองก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกันที่เห็นนางเป็นแบบนั้น สิ่งเดียวที่พวกนางพอจะทำได้นั่นก็คือการช่วยพยุงตัว

ยี่เทียนซินยังคงก้มกราบลู่โจวเท่าที่จะก้มได้ “ศิษย์เข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้ามาตั้งแต่เด็กและใช้เวลาฝึกฝนตัวเองกว่า 20 ปีด้วยกัน ศิษย์ไม่มีวันลืมบุญคุณของท่านอาจารย์เลย ท่านได้สั่งสอนศิษย์เป็นอย่างดีและยังมอบห่วงแห่งรักให้กับศิษย์ แต่ถึงแบบนั้นศิษย์กลับทำตัวเป็นปรปักษ์กับท่านอาจารย์เพราะเรื่องของหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนของเหวยซู่หยาน ท่านอาจารย์เป็นผู้ปลดปล่อยศิษย์ให้กลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง…” ยี่เทียนซินยังคงคุกเข่าอีกครั้ง “โปรดรับการคารวะครั้งสุดท้ายของศิษย์ไม่รักดีคนนี้ด้วยเถอะ” ยี่เทียนซินได้คารวะลู่โจว 3 ครั้งด้วยกัน

ไม่มีใครหยุดยี่เทียนซินแม้แต่คนเดียว ทุกๆ คนต่างก็เฝ้าดูด้วยความเงียบสงบ

หมิงซี่หยินต้องการที่จะช่วยขอร้องอ้อนวอนเป็นคนแรก แต่ถึงแบบนั้นต้วนมู่เฉิงก็ได้หยุดเขาเอาไว้ ถ้าหากตัดสินตามสถานการณ์ในตอนนี้ การที่จะขอร้องต่อไปก็คงจะไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาดเท่าไหร่ หมิงซี่หยินเองก็เข้าใจเช่นกัน ตัวเขาได้แต่ส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ลู่โจวยังคงสงบเยือกเย็น

ยี่เทียนซินลุกขึ้นยืนหลังจากที่คุกเข่าเสร็จ

“ตั้งแต่ที่เจ้าช่วยหยวนเอ๋อเอาไว้…ข้าก็ตั้งใจที่จะมอบห่วงแห่งรักให้เจ้า ตอนนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว…” เมื่อลู่โจวพลิกฝ่ามือ ในตอนนั้นเองห่วงแห่งรักอันแวววาวก็ได้ปรากฏขึ้น มันได้หมุนอยู่บนอากาศอย่างช้าๆ ลู่โจวได้เหวี่ยงแขนข้างที่ถือห่วงแห่งรักของเขา ห่วงแห่งรักค่อยๆ ลอยกลับไปหายี่เทียนซิน

ยี่เทียนซินรู้สึกประหลาดใจมาก นี่ถือเป็นอาวุธที่นางไม่ได้สัมผัสมาเป็นเวลานานมากแล้ว มันเป็นอาวุธที่ผูกพันกับนางเป็นพิเศษ แม้ว่าลู่โจวจะต้องการทำลายอาวุธชิ้นนี้ต่อหน้าต่อตาตัวนางเอง ยี่เทียนซินก็จะไม่รู้สึกโกรธเคืองอะไรเลย นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้เป็นอาจารย์คนนี้จะมอบห่วงแห่งรักให้กับนางคืน

ยี่เทียนซินได้ใช้พลังลมปราณอันอ่อนแรงที่มีอยู่เพื่อโอบล้อมรอบห่วงแห่งรักเอาไว้ เมื่อนางได้อาวุธสุดที่รักเดิมกลับมา ในตอนนี้นางก็รู้สึกได้ถึงพลังของห่วงแห่งรักที่เปลี่ยนแปลงไปได้

“ห่วงแห่งรักนี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อศิษย์น้องยี่จริงๆ ” ต้วนมู่เฉิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้กล่าวชื่นชมออกมา ตัวเขาเองก็คิดแบบนี้กับหอกราชันย์ที่มีเช่นกัน เมื่อเห็นเช่นนี้ต้วนมู่เฉิงก็รู้สึกยินดีที่ได้รับอาวุธแสนล้ำค่ามา ตัวเขาได้หันกลับไปมองหมิงซี่หยินก่อนที่จะถอนหายใจออกมา ‘จะมีก็แต่ศิษย์น้องสี่ผู้น่าสงสาร เจ้านั่นได้ขยะไร้ค่ามา แต่ถึงแบบนั้นเขาก็มีความสุข’

ยี่เทียนซินได้โค้งคำนับให้กับลู่โจวอีกครั้ง คำพูดที่นางต้องการที่จะพูดทั้งหมดได้ถูกถ่ายทอดออกมาจากการโค้งคำนับในครั้งนี้

ลู่โจวไม่ได้พูดอะไร เขาได้หันหลังให้ยี่เทียนซินก่อนที่จะเดินจากไป

ฮั๊ววู่เด๋าได้ถอนหายใจออกมา “ข้ารู้ดีว่าเด็กคนนี้รู้สึกผิดกับบาปที่ได้ก่อ…แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่อาจที่จะแย้งคำตัดสินของท่านปรมาจารย์ได้ การหลอกลวงผู้เป็นครูบาอาจารย์ก็เหมือนกับการทรยศให้กับบรรพบุรุษของตัวเอง มันเป็นบาปที่ไม่อาจที่จะให้อภัยได้! “

หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นพยายามที่จะคิดคำวิงวอนเพิ่มเติม แต่ถึงแบบนั้นคำพูดของฮั๊ววู่เด๋าก็ทำให้ตัวเขาต้องกลืนน้ำลายไปซะก่อน ‘ศิษย์น้องหญิง…เจ้าช่างน่าสงสารจริงๆ ‘

หมิงซี่หยินได้โค้งคำนับลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์ให้ข้าได้ไปส่งนางด้วยเถอะ ยังไงพวกเราก็เป็นศิษย์ร่วมสำนักกันมานานแล้ว”

ลู่โจวพยักหน้าออกมาแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

หมิงซี่หยินออกจากศาลาทางทิศใต้ไป ตัวเขาเห็นผู้ฝึกยุทธหญิงจากวังจันทราที่กำลังรวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอก

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน? “

ทันทีที่เห็นหมิงซี่หยินเดินมา เหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งหลายจึงได้พูดทักทายกลับไป “ท่านหมิงซี่หยิน”

หนึ่งในผู้ฝึกยุทธหญิงได้เดินมาหาหมิงซี่หยินก่อนที่จะเริ่มพูดขึ้น “พวกเรารู้สึกขอบคุณท่านจริงๆ สำหรับความช่วยเหลือเมื่อตอนนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ท่านได้ดูแลพวกเรามาอย่างดี…พวกเราพี่น้องติดตามท่านเจ้าสำนักมาแล้วกว่าหลายปี ในเมื่อท่านเจ้าสำนักของเราจะเดินทาง พวกเราเองก็ขอเดินทางไปกลับนางด้วย…”

หมิงซี่หยินถึงกับพูดไม่ออก “พวกเจ้าช่างน่าสงสารซะจริง…”

หมิงซี่หยินได้วิ่งลงไปที่เชิงเขา เขากำลังจะเดินตามยี่เทียนซินนั่นเอง

“ศิษย์พี่สี่? ” ยี่เทียนซินได้หันกลับมาด้วยความงุนงง

“ศิษย์น้อง…อย่าได้ถือสาท่านอาจารย์จะดีกว่า เจ้าก็เห็นว่าก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์ทำอะไรไปบ้าง ข้าจะพยายามอ้อนวอนขอร้องให้กับเจ้าเอง แต่…” เมื่อหมิงซี่หยินพูดแบบนั้นเขาก็ได้หันกลับไปหาเหล่าผู้ฝึกยุทธหญิง “พวกเจ้าจะไม่สร้างวังจันทราขึ้นมาใหม่อีกแล้วสินะ? “

“นี่หมายความว่าอะไรกันศิษย์พี่? “

“พลังวรยุทธของเจ้ายังไม่ได้รับการฟื้นฟูจนเต็มที่…ถ้าหากเจ้าก่อตั้งวังจันทราอีกครั้ง เจ้าจะต้องตกเป็นเป้าหมายของผู้ฝึกยุทธทั่วยุทธภพแน่” หมิงซี่หยินได้ตอบกลับมา

ยี่เทียนซินพยักหน้า ตอนนี้นางเป็นเหมือนกับผู้พิการ ยี่เทียนซินไม่อาจที่จะดูแลตัวเองได้เลย แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องอะไร ทุกอย่างล้วนแต่เป็นฝีมือของยี่เทียนซินในอดีตเอง

หมิงซี่หยินได้ยิ้มให้ก่อนที่จะพูดอีกครั้ง “อย่าได้เศร้าไปเลยศิษย์น้อง ท่านอาจารย์ไม่ได้ทำอะไรกับเจ้า หนำซ้ำเขายังจัดการกับเหวยซู่หยานให้ ท่านอาจารย์น่ะยังคงทำเพื่อเจ้ามากถึงขนาดนี้…ท่านอาจารย์เองก็ไม่ได้พูดขับไล่เจ้าออกจากที่นี่ เห็นได้ชัดว่าท่านอาจารย์ในตอนนี้ไม่ได้ใจร้ายเหมือนกับแต่ก่อนแล้ว”

นับตั้งแต่ที่ยี่เทียนซินถูกจับกลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า นางก็ไม่ค่อยที่จะมีโอกาสติดต่อพูดคุยกับผู้เป็นอาจารย์เลย ยี่เทียนซินไม่รู้เลยว่าอาจารย์ของนางได้เปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน และเพราะแบบนั้นยี่เทียนซินจึงได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง “ศิษย์พี่สี่ ท่านกำลังจะบอกว่าข้ายังมีโอกาสอยู่อย่างงั้นสินะ? “

“ใช่” หมิงซี่หยินได้พยักหน้าให้ “ข้าจะพยายามโน้มน้าวท่านอาจารย์ให้เอง บางทีหากเวลาผ่านไปความโกรธของท่านอาจารย์อาจจะทุเลาลง”

“ข้าเองก็หวังแบบนั้น” ยี่เทียนซินเริ่มสดใสขึ้นมาอีกครั้ง

“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังได้ช่วยชีวิตศิษย์น้องเล็กเอาไว้อีกด้วย ศิษย์น้องเล็กน่ะเป็นที่โปรดปรานของท่านอาจารย์มากที่สุด ยังไงซะท่านอาจารย์จะต้องใจอ่อนแน่…ถ้าหากศิษย์น้องเล็กยอมพูดให้กับเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าก็รอฟังข่าวดีได้เลย” หมิงซี่หยินได้พูดออกมา

เมื่อยี่เทียนซินที่ได้ยินแบบนั้น นางก็ได้โค้งคำนับให้กับผู้เป็นศิษย์พี่ “ขอบคุณท่านมากจริงๆ ศิษย์พี่สี่”

“พวกเราเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน เจ้าไม่จำเป็นจะต้องขอบคุณข้าหรอก” หมิงซี่หยินได้พูดข้ามผ่านม่านพลังออกมา “เจ้าอย่าได้เป็นที่จุดสนใจจะดีกว่านะ…นอกจากนี้รีบฟื้นฟูพลังวรยุทธตัวเองด้วย…แล้วก็อย่าแสดงตัวต่อหน้าสาธารณชนขึ้นมาล่ะ”

ยี่เทียนซินพยักหน้าตอบรับ หลังจากนั้นนางก็ได้พากลุ่มผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งหมดจากไป ในตอนนี้นางได้ดูเหมือนกับสตรีผู้สูงศักดิ์ที่แสนจะเย็นชาไปซะแล้ว “แม้ว่าพวกเราจะจากกัน แต่ยังไงซะพวกเราก็ยังจะเป็นพี่น้องกัน…ในยามที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ามีภัย ข้าจะกลับมาช่วยพวกท่านเอง”

“ท่านเจ้าสำนัก! ” ผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งหมดต่างก็คุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียงกัน