บทที่ 252 ผมมีเกณฑ์ของผม
หวงจิ้งในตอนนี้ไร้ซึ่งภาพพจน์ของซุปเปอร์สตาร์โดยสิ้นเชิง เธอยังคงนั่งร้องไห้ทั้งที่ขาขวาถูกยกขึ้นและตรึงไว้กับที่
ในขณะเดียวกัน หญิงสาวที่แต่งตัวคล้ายกันกลับมีท่าทีสงบเสงี่ยมกว่า
ไป๋เยี่ยเดินเข้าไปหาหวงจิ้ง ก่อนจะหันไปถามผู้จัดการ “ได้ถ่ายภาพเอ็กซ์เรย์ของทั้งสองคนไว้หรือยังครับ ผมขอดูหน่อย”
ผู้จัดการรีบยื่นซองใส่ฟิล์มเอ็กซ์เรย์ทั้งสองซองให้ไป๋เยี่ยอย่างรวดเร็ว ซองหนึ่งเป็นของหวงจิ้ง ส่วนอีกซองเป็นของหญิงสาวอีกคน
ไป๋เยี่ยหยิบฟิล์มของหวงจิ้งออกมาก่อน กระดูกขาของเธอหัก อีกทั้งกระดูกยังเคลื่อนด้วย กระดูกขาของเธอหักเคลื่อนเป็นแนวนอน
ไป๋เยี่ยก้มลงพูดกับหวงจิ้ง “ผมขอดูแผลได้ไหมครับ อาจจะเจ็บนิดหน่อย ทนนิดนึงนะครับ”
หวงจิ้งพยายามซ่อนสีหน้าของเธอก่อนจะพยักหน้าลง
การทำกายภาพบำบัดเคสกระดูกหักแตกต่างจากเคสข้อเคลื่อนโดยสิ้นเชิง ตามหลักการแพทย์แผนจีนจะมีวิธีการรักษาวิธีหนึ่งที่เรียกว่า ‘ลูกตามหาแม่’
การรักษาเคสกระดูกหักด้วยกายภาพบำบัดต้องอาศัยความทันต่อเวลา ความแม่นยำ และความเบามือเพื่อที่จะไม่สร้างความเสียหายเพิ่มเติม ต้องรักษาให้สำเร็จโดยการทำกายภาพบำบัดเพียงครั้งเดียว!
ในความเป็นจริงแล้ว เคสกระดูกหักส่วนใหญ่ก็รักษาได้ด้วยการทำกายภาพบำบัด
‘ลูกตามหาแม่’ คืออะไร ก็คือการจัดให้ส่วนปลายที่หักของกระดูกที่อยู่ไกล (เรียกว่ากระดูกลูก) เคลื่อนตัวมารับกับปลายหักของกระดูกส่วนที่อยู่ใกล้ (เรียกว่ากระดูกแม่) นั่นเอง
โชคดีที่ปลายกระดูกของหวงจิ้งไม่ได้หักจนผิดรูปเกินไป ทำให้การรักษาไม่ยากมาก
ไป๋เยี่ยเลิกกระโปรงของเธอขึ้นเพื่อตรวจดูภาพรวม พลางนึกขึ้นได้ว่าการวินิจฉัยโดยการสัมผัสอาจสร้างความเจ็บปวดให้ผู้ป่วยได้ หลังจากให้ยาชาเธอแล้วจึงค่อยใช้มือสัมผัสเพื่อวินิจฉัยความผิดปกติและสัมผัสบริเวณกระดูกที่หักเพื่อทำความเข้าใจกับแนวที่กระดูกเคลื่อนตัวควบคู่ไปกับการดูฟิล์มเอ็กซ์เรย์ เมื่อมีข้อมูลแล้วก็จะทำการรักษาได้ง่ายขึ้น
หวงจิ้งมองไป๋เยี่ยก่อนจะเอ่ยปากขึ้นอย่างร้อนรน “หมอคะ ผ่าไม่ได้นะ ห้ามมีแผล”
ตอนนี้เอง ผู้จัดการ ‘หวังชง’ ก็ปรี่เข้ามาทันที “หมอครับ ถ้าเป็นไปได้อย่าผ่าจะดีกว่าครับ หมอก็รู้ว่าเคสของคุณหวงค่อนข้างพิเศษ ถ้าบนขาเธอมีรอยแผลก็จะไม่เอื้อต่อการประกอบอาชีพของเธอนะครับ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า “ครับ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดนะครับ ผมจะไปดูอีกเคสก่อน ไม่ต้องกังวลไปนะครับ”
หวังชงได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถ้างั้นก็ลำบากคุณหมอแล้ว รบกวนหมอช่วยทำการรักษาโดยเร็วด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ”
หวังชงพูดจบก็หยิบซองจดหมายออกมาจากกระเป๋าและยัดมันลงในกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดของไป๋เยี่ย
ไป๋เยี่ยคว้ามืออีกฝ่ายไว้พลางส่ายหัวไปมา “ผมไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอกครับ”
แน่นอนว่าเขารู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในแผนกศัลยกรรมกระดูก ไป๋เยี่ยก็มักจะเผชิญกับสารพัดวิธีส่งอั่งเปาก่อนที่จะทำกายภาพบำบัดหรือผ่าตัดเสมอ
ยื่นเงินให้ตรงๆ ยังเป็นวิธีพื้นๆ ไป๋เยี่ยเคยเจอแม้กระทั่งยื่นบัตรชอปปิ้ง โทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงเติมค่าโทรศัพท์ให้
ซึ่งปกติแล้ว ไป๋เยี่ยจะคืนของเหล่านั้นไป
เรื่องตลกร้ายคือไป๋เยี่ยยังค้างค่าโทรศัพท์กว่าหนึ่งพันหยวน ซึ่งเขาเองก็ไม่มีทางเลือกนอกจากไปจ่ายค่าโทรที่ค้างไว้พันหยวนหลังจากเลิกงาน…ไอรีนโนเวล
การรักษาโรคเป็นหน้าที่หลักของแพทย์ คุณรับสินน้ำใจเหล่านั้นไว้ได้ แต่หากรับมาแล้วก็จะเป็นการทำผิดจรรยาบรรณ
ทุกวันนี้จิตใจของคนเราถดถอยลงมาก มีผู้คนหลายประเภทบนโลกใบนี้ ไป๋เยี่ยเคยได้ยินมาว่าเคยมีข่าวแพทย์ถูกผู้ป่วยฟ้องศาลเพราะรับบัตรช้อปปิ้งมูลค่าสองร้อยหยวน
เพราะฉะนั้น ไป๋เยี่ยจึงไม่เคยรับเงินจากผู้ป่วยเลย
ทุกครั้งที่ได้รับอั่งเปา ไป๋เยี่ยก็จะเข้าใจว่าผู้ป่วยคงต้องการความสบายใจ ทว่าไป๋เยี่ยก็ไม่อยากเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้สักเท่าไหร่
ดังนั้นไป๋เยี่ยจึงคว้ามือของอีกฝ่ายไว้ทันที
หวังชงยิ้มแห้ง “หมอครับ ตอนมาที่นี่ผมไม่ได้พกเงินมาเยอะ นี่น่ะแค่เงินสดเล็กๆ น้อยๆ เอง หมอรับไว้เถอะ ถือว่าเป็นน้ำใจจากผม ถ้าหมอรีบรักษาคุณหวง ผมจะไม่ให้หมอแค่นี้หรอก!”
ไป๋เยี่ยยังคงส่ายหัว “ผมจะรักษาให้ดีครับ คุณเก็บมันไปเถอะ ถ้ามีใครเห็นจะดูไม่ดีเอานะครับ”
หวังชงลอบมองหวงจิ้งพลางค่อยๆ ยัดซองจดหมายกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตตัวหนาของเขา
ไป๋เยี่ยเหลือบมองกระโปรงผ้าบางๆ ของนักแสดงทั้งสอง อากาศข้างนอกหนาวมาก การแต่งตัวแบบนี้ไปถ่ายละครคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เคสของหวงจิ้งไม่น่าเป็นห่วงนัก ไป๋เยี่ยจึงหยิบฟิล์มอีกแผ่นขึ้นมาดู
ทันทีที่ไป๋เยี่ยหยิบฟิล์มขึ้นมา เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น
อาการแย่มาก!
ปลายกระดูกขาที่หักร้าวมาก นอกจากนี้ส่วนปลายยังหมุนผิดรูปจนไปชนกับกระดูกน่อง ทำให้หลอดเลือดและได้รับความเสียหาย
ไป๋เยี่ยรีบเลิกกระโปรงของเธอขึ้น เขาสูดหายใจเข้าลึกเมื่อเห็นว่าน่องของเธอบวมหนักมากจนเป็นสีคล้ำ!
หลอดเลือดอุดตันอย่างรุนแรง!
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นและกล่าวอย่างรีบเร่ง “หมอหลิว เตรียมทำกายภาพบำบัดเลยครับ”
พูดจบไป๋เยี่ยก็ผลักประตูออกไปพูดกับพยาบาล “เตรียมห้องตรวจหมายเลขหนึ่งไว้เลยครับ เราจะเตรียมทำกายภาพบำบัดทันที คุณพยาบาลช่วยเตรียมอุปกรณ์และยาสลบให้ทีครับ เราจะทำการดมยาสลบให้ผู้ป่วยทันที…”
หวังชงได้ยินดังนั้นก็เดินเข้ามาพูดกับไป๋เยี่ยทั้งรอยยิ้ม “หมอครับ ไปที่ห้องตรวจก่อนไม่ดีกว่าเหรอ”
ไป๋เยี่ยส่ายหัว “ไม่ต้องครับ พวกคุณรอตรงนี้ก่อน ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อนนะครับ”
หวังชงและหวงจิ้งได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป
หวงจิ้งเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “หมอคะ ฉัน…ฉันต้องทำกายภาพบำบัดเดี๋ยวนี้เลย เจ็บจะตายอยู่แล้วค่ะ”
ไป๋เยี่ยยิ้มพลางกล่าวปลอบอีกฝ่าย “ไม่เป็นไรครับ อาการยังไม่สาหัส ตอนนี้อาการของคุณคงที่แล้ว แต่เพื่อนร่วมงานของคุณสาหัสกว่ามาก ต้องทำกายภาพบำบัดทันที ไม่งั้นจะเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้นะครับ”
หวงจิ้งได้ฟังก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
“หมอ…ของฉันก็สาหัสนะ! หมอต้องทำให้ฉันก่อน เธอน่ะ…ไม่เป็นอะไรหรอก”
คำพูดของไป๋เยี่ยทำเอาหวังชงกังวลขึ้นมาทันที เขารีบดึงไป๋เยี่ยออกมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงประหม่า “หมอ หมอทำให้คุณหวงก่อนเถอะ เธอเป็นดาราดังนะ ทั้งกองกำลังรอเธออยู่ ตอนนี้แฟนๆ บนอินเทอร์เน็ตกำลังให้ความสนใจกับอาการบาดเจ็บของคุณหวงใหญ่เลย ถ้าหมอรักษาเร็วก็มีแต่จะเป็นผลดีต่อทั้งคุณหวงและตัวหมอเองนะ หมอว่างั้นไหมครับ”
ไป๋เยี่ยยังคงส่ายหัว “ไม่ใช่ว่าไม่ได้นะครับ แต่เพราะว่าเคสเพื่อนร่วมงานของคุณหวงสาหัสกว่าจริงๆ จำเป็นต้องรักษาทันที ไม่งั้นจะเป็นผลเสียต่อการฟื้นตัวได้นะครับ”
ไป๋เยี่ยพูดจบก็หันไปทางหลิวเสี่ยวกัง “หมอหลิว รบกวนให้คนไข้ดมยาสลบทีครับ เดี๋ยวผมจะตามไป”
ไป๋เยี่ยพูดจบก็กำลังจะไปเตรียมตัวให้พร้อม
ทว่าหวังชงยังคงดึงไป๋เยี่ยเข้ามากระซิบที่ข้างหู “หมอ! ผมให้หนึ่งแสน หนึ่งแสนหยวนน่ะ หมอทำให้คุณหวงก่อนได้ไหม”
“หมอไป๋ หมอต้องคิดดูดีๆ นะ ยังไงเธอก็เป็นแค่สแตนด์อินของคุณหวง แต่คุณหวงไม่เหมือนเธอนะครับ เธอเป็นดาราชั้นนำระดับประเทศเลยนะ…หมอ…”
ไป๋เยี่ยตอบพลางส่ายหัวไปมา “ผมมีเกณฑ์ของผมครับ”
พูดจบ ไป๋เยี่ยก็เดินออกไปข้างนอกทันที
ปล่อยให้หวงจิ้งและหวังชงมองภาพหญิงสาวอีกคนถูกเข็นเข้าไปในห้องทำกายภาพบำบัดด้วยดวงตาที่เบิกโพลงต่อไป