ตอนที่ 243+244 ไล่ตามหลิวพ่านพ่านความรู้สึกปลอดภัย

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 243+244 ไล่ตามหลิวพ่านพ่าน/ความรู้สึกปลอดภัย

ตอนที่ 243 ไล่ตามหลิวพ่านพ่าน

สุดท้ายก็เลยขอให้ป้าคังเอาคนมาช่วยทำความสะอาด ครอบครัวรถสองประตูรับน้ำไปได้แล้วสี่แกลลอน และเถาหยางก็เป็นคนส่งน้ำทั้งหมดมาให้

เด็กทั้งสองคนอดใจไม่ไหว พวกเขานำน้ำแกลลอนมาดื่มอย่างรวดเร็ว ดื่มด้วยความเร็วจนสำลักน้ำ

แต่แม้ว่าจะสำลัก รอยยิ้มที่ส่งออกมานั้นสดใสยิ่งกว่า

ฝ่ายคนเป็นแม่คนนั้นเฝ้าดูลูก ๆ ที่กำลังกระตือรือร้น ลูบหลังเล็ก ๆ พลางกล่าว “ค่อย ๆ เรายังมีอีกมาก”

เด็กน้อยดวงตาเป็นประกาย และคนที่ดูโตกว่าเป็นคนเอ่ยออกมา

“แม่ ที่เถาหยางนอกจากจะน่าอยู่แล้ว น้ำยังอร่อยอีกด้วย ไม่ฝืดคอเลย”

เมื่อแม่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสลดใจ ลูกทั้ง 2 คนโตมากจนไม่เคยได้ดื่มน้ำสะอาด

ลูกคนเล็กก็พยักหน้าพร้อมกับพี่ชายด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา

“แม่ คุณอาที่เถาหยางไม่ใช่คนไม่ดี เมื่อก่อนเราก็เคยถูกขับไล่ แต่มีเพียงคุณอาของเถาหยางเท่านั้นที่ไม่ทุบตีและเอาน้ำมาให้เรา”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ทั้งคู่ดวงตาแดงก่ำทันที

อันที่จริง ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเถาหยางจะลากพวกเขาไปทั้งคนทั้งรถ

หรือเช่นเดียวกับฐานอื่น ๆ ที่ทุบตีพวกเขาก่อน จนกว่าพวกเขาจะหวาดกลัว จนยอมเคลื่อนไหวและย้ายออกอย่างเชื่อฟัง

ทั้งสองมองไปที่แกลลอนน้ำสะอาดทั้งสี่ใบ จากนั้นมองไปที่อาคารเถาหยางที่อยู่ในกำแพงสูง และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเถาหยางไม่ได้เลือดเย็นและเข้าถึงยาก

ผู้เป็นแม่ค่อย ๆ หยิบขวดพลาสติกขนาดใหญ่ออกมาจากกระเป๋าขาด ๆ ของเธอ แล้วเติมน้ำจากในถังให้เต็ม แล้วพูดกับคนเป็นพ่อว่า

“ที่เถาหยางไม่ขาดแคลนน้ำ ถ้ามีโอกาสคุณควรไปที่อวิ๋นชาง น้ำขวดใหญ่นี้อาจแลกเต็นท์คุณภาพดีได้สองหลัง ฉันและลูกจะรอคุณอยู่ที่นี่”

ถ้ามีเต็นท์สองหลัง น้ำที่เหลือก็สามารถนำไปขายเพื่อเป็นรายได้ได้ เธอจะซื้อรองเท้าให้ลูกสองคน เนื่องจากอากาศร้อน พื้นดินก็ร้อนจนลวกเท้า แล้วเธอก็จะซื้ออาหารแห้ง พวกเธอจะไม่อดอยากอีกต่อไป จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้สามีเพื่อเข้าไปในตงหยางและหางานดี ๆ ทำ และเงินที่เหลือก็สามารถเก็บเอาไว้…

ดวงตาของเธอเริ่มมีแสงสว่างแห่งความหวัง

ก่อนหน้านั้นชีวิตของพวกเขาอยู่ในความยากลำบาก

เนื่องจากสภาพของเขาผอมโซผิวหมองคล้ำ ไปหางานทำก็ไม่มีใครอยากรับเข้าทำงาน และเขาอาจถูกหลอกโดยฐานหรือองค์กรที่ไม่หวังดี อาจใช้พวกเขาเป็นเหยื่อล่อซอมบี้

หากไม่มีงาน ก็จะไม่มีรายได้ หากไม่มีรายได้ จะไม่มีอาหารและไม่มีที่อยู่ พวกเขาจะผอมแห้ง หม่นหมอง และนำไปสู่วงจรอุบาทว์ ทำให้เส้นทางของพวกเขาริบหรี่ลง

ตอนนี้น้ำทั้ง 4 แกลลอนนี้เป็นเหมือนน้ำหวานและน้ำค้างหยก ที่ช่วยมาเติมความหวังให้กับชีวิตของพวกเขา

……

เมื่อซูเถาไปดูอีกครั้งในตอนบ่าย ไม่เพียงแต่ผู้คนจะย้ายออกจากที่นี่ไปหมดแล้ว แต่สถานที่ก็ยังถูกทำความสะอาดอย่างดีอีกด้วย ไม่มีอะไรเลยนอกจากทราย

ผู้รอดชีวิตบางคนถึงกับขอให้เมิ่งเสี่ยวป๋อนำของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้เธอ

“นี่มันอะไรเหรอ สวยมากเลย” ซูเถาหยิบวัตถุแวววาวขึ้นมาและมองดูด้วยความประหลาดใจ

เมิ่งเสี่ยวป๋อเกาหัว “ครอบครัวนั้นบอกว่ามันเป็นอัญมณีชนิดหนึ่ง มันไม่มีมูลค่า ก็เลยนำมาให้คุณเก็บไว้ดูเล่น”

ผู้อาวุโสเหม่ยมองดูแล้วถอนหายใจ

“ทับทิมก่อนวันสิ้นโลกมีค่ามาก แต่หลังจากวันสิ้นโลก ยากที่จะนำไปแลกเป็นเงินทอง ไม่สามารถรับประทานเป็นอาหารได้ แลกก็ไม่คุ้มเงิน แต่มันเป็นอัญมณีสำหรับผู้ที่มีเงินที่ซ่างจิง”

ซูเถารู้สึกเกรงใจที่จะรับไว้เมื่อเธอได้ยินดังนั้น และเธอต้องการให้เมิ่งเสี่ยวป๋อนำมันไปคืน

ผู้อาวุโสเหม่ยเสนอว่า “ไม่จำเป็นต้องส่งกลับ อยู่ในมือของพวกเขามันก็ไม่มีประโยชน์ อย่างมากก็แค่เก็บไว้ ส่งสิ่งของที่เป็นประโยชน์ไปให้พวกเขาแทนดีกว่า”

ซูเถาชอบมันมาก และหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็ขอให้เมิ่งเสี่ยวป๋อนำอาหารสำเร็จรูปที่จัดเก็บได้ง่ายและน้ำแร่ไปให้พวกเขา

คนที่ให้อัญมณีแก่เธอไม่คิดว่าจะได้สิ่งของตอบแทนมากมายขนาดนี้ ซึ่งหายากกว่าอัญมณีที่พวกเขามอบให้เธอมาก ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้และขอบคุณเธอซ้ำ ๆ

เธอเห็นจากระยะไกลว่าพวกเขาเกือบจะคุกเข่าลงกับพื้น และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าบางทีในความสามารถของเธอ เธอสามารถทำบางสิ่งเพื่อคนเหล่านี้ได้

บางทีพวกเขาอาจต้องการเพียงขนมปังถุงเล็ก ๆ และน้ำสักจิบเพื่อให้มีความหวังในการอยู่รอด

แต่ต้องมีข้อบังคับ การใจดีมากเกินไป มีแต่จะสร้างปัญหาให้ตัวเองไม่รู้จบ

ความคิดของซูเถาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์

หลังจากเชื่อมต่อแล้ว เสียงที่ทุ้มและเคร่งขรึมของสือจื่อจิ้นก็ดังขึ้น

“ใครเป็นคนเผยแพร่ประกาศคนหายนี้”

ซูเถาพูดว่า “หลิวพ่านพ่าน พยาบาลที่ดูแลผู้อาวุโสเหม่ย คุณเคยเห็นเยี่ยนเยี่ยนที่อยู่ในรูปไหม…เขาเป็นโบนวิงส์ใช่หรือเปล่า”

อีกฝ่ายเงียบไปนาน และในที่สุดก็พูดด้วยความมั่นใจ “ใช่มัน”

เขาจำคนที่ฆ่าจวงหู่ได้แม่น

ซูเถารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง จากนั้นเธอก็ส่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา

“มันต้องไล่ตามหลิวพ่านพ่านมาแน่ ตอนนี้ฉันให้หลิวพ่านพ่านอยู่ในเขตอำนาจของฉันชั่วคราว ฉันควรทำยังไงต่อไปดี”

โบนวิงส์จะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน

ตราบใดที่หลิวพ่านพ่านอยู่ใกล้ ๆ วันหนึ่งมันก็จะไล่ตามมาจนเจอในสักวัน

……

ตอนที่ 244 ความรู้สึกปลอดภัย

สือจื่อจิ้นที่ปลายสายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“เอาตามที่คุณว่าไปก่อน อย่าปล่อยให้หลิวพ่านพ่านออกไปไหน รอผมกลับไปแล้วเราค่อยหารือกันอีกที”

ซูเถาถามทันที “แล้วคุณจะกลับมาเมื่อไหร่”

สือจื่อจิ้นหยุดชะงักชั่วคราว และพูดเพียงสองคำ “ใกล้แล้ว”

ใกล้แล้ว!

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาวางแผนมาอย่างดี ด้วยนิสัยของเขาแล้วเขาจะไม่พูดออกมาโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน

หรือหมายความว่าเขาจับซอมบี้หรือสัตว์เลื้อยคลานได้แล้ว? !

หัวใจของซูเถาเต้นเร็วขึ้น “ฉันจะพาคนไปประชุมสุดยอดพันธมิตรสิ้นเดือนนี้…”

“ผมจะรีบกลับก่อนถึงวันนั้น”

เพราะคำพูดนี้ ซูเถารู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างอธิบายไม่ได้

ในขณะที่หลิวพ่านพ่านอยู่ในเถาหยาง ก็จะมีดวงตากระหายเลือดคู่หนึ่งจ้องมองเธออยู่ในเงามืดเสมอ

คนเดียวที่สามารถปิดกั้นดวงตาเหล่านี้ได้เหมือนร่มป้องกัน หรือแม้แต่แทงพวกเขาเหมือนมีดคมคือสือจื่อจิ้น

หลังจากวางสาย เธอก็ไม่มีเวลาได้สงบสติอารมณ์ เนื่องจากถูกดึงไปทำงานและไม่สามารถปลีกตัวไปไหน

ก่อนที่จะไปเข้าร่วมการประชุมที่ซินตู เธอมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการและเตรียมตัว

สิ่งแรกคือเลือกผู้สมัครที่จะเข้ามาทำงานที่อาคารธุรกิจเถาฉือ

จวงหว่านรู้ลำดับความสำคัญ ดังนั้นเธอจึงคัดเลือกพนักงานสต็อกสินค้าและพนักงานต้อนรับก่อน เพื่อรอให้ซูเถามาสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย

ซูเถาไม่มีเวลาจริง ๆ ดังนั้นเธอจึงดูแค่หน่วยก้านของแต่ละคน เมื่อคิดว่าไม่มีปัญหา ก็มอบหมายให้หลินฟางจือ และให้หลินฟางจือตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะจ้างหรือไม่

แม้ว่าหลินฟางจือจะตัดสินคนไม่เก่งนัก แต่เขารู้ว่าเมื่อมีคนเข้ามาที่นี่ต้องทำอะไรบ้าง และคนที่จริงจังกับงานก็คือคนดี

ดังนั้นจากห้าคนที่จวงหว่านส่งมา เขาเก็บไว้สี่คน แต่ส่ายหัวให้กับผู้หญิงคนสุดท้าย

จวงหว่านถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนสุดท้าย

หลินฟางจือขมวดคิ้ว “เธอมองผม”

ทุกคนสับสนกับสิ่งที่เขาพูด

ซูเถาก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเช่นเดียวกัน ดังนั้นเจียงอวี่จึงปรากฏตัวข้าง ๆ หูของเธอและกระซิบ

ตอนที่ฟางจือกำลังอธิบายเนื้อหางาน ทุกคนจ้องมองไปที่สมุดงาน มีเพียงหญิงสาวคนนั้นเท่านั้นที่จ้องมองเขาอยู่หลายครั้ง ฟางจือจึงคิดว่าเธอไม่จริงจัง

ซูเถาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และก็อดไม่ได้ที่มองฟางจืออย่างสำรวจ

ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่การรับรู้ของเขาจะเปลี่ยนไปและดีขึ้นมากเท่านั้น แต่รูปร่างหน้าตาของเขายังแตกต่างออกไปจากเดิมด้วย

ตอนที่เธอเจอกับฟางจือในครั้งแรก ร่างกายเขาผอมซูบและผิวคล้ำเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลา

ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขามีเนื้อมีหนังขึ้นเท่านั้น แต่ผิวพรรณของเขายังขาวผ่องขึ้น ใบหน้าของเขาดูเนียนละเอียดมากขึ้น ริมฝีปากของเขาเป็นสีแดง ฟันขาว ผมดำโดยมีความยาวเล็กน้อย ทำให้เขาดูดีมากทีเดียว

ไม่น่าแปลกใจที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้น เอาแต่จ้องมองมาที่เขา

ซูเถาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เธอรู้สึกโล่งใจและอารมณ์ดี จึงพยักหน้าให้หลินฟางจือด้วยรอยยิ้ม

“เอาตามที่นายว่าแล้วกัน ค่อยให้พี่จวงหว่านหาคนให้นายเพิ่มทีหลัง”

หลินฟางจือยิ้ม รอยยิ้มนี้เหมือนไวน์รสเลิศที่ทำให้ทุกคนหลงใหล

หลังจากที่เขาจากไป จวงหว่านก็โน้มตัวไปหาซูเถาและพึมพำ

“อยู่ด้วยกันทุกวันฉันไม่เคยสังเกตเลย แต่ฉันรู้สึกว่ายิ่งเขาโตขึ้น เขาก็เริ่มเข้ากับคนอื่นได้ดี ในอนาคตฉันจะใส่ใจให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ใครที่ไหนมาสอดรู้สอดเห็นได้”

ซูเถากล่าวว่า “อะไรกัน ตราบใดที่พวกเขาไม่มีเจตนาร้าย ก็ไม่ผิดที่พวกเขาจะรักกัน”

จวงหว่านไม่เห็นด้วย “เท่าที่เรารู้เกี่ยวกับเงื่อนไขนี้ เขาดูดี มีความสามารถ มีพลังวิเศษและเป็นคนมีชื่อเสียงที่อยู่ข้างกายคุณ จะมีกี่คนที่เข้าหาเขาโดยไม่มีเหตุผลอื่นแอบแฝง อีกอย่างเขาน่าจะถูกหลอกได้ง่าย ดังนั้นเราต้องช่วยกันตรวจสอบ”

ซูเถาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับปัญหานี้มากนัก

แม้ว่าฟางจือจะไร้เดียงสา แต่เขาก็เป็นคนระมัดระวังตัวเอง และมีคนเพียงไม่กี่คนที่เขาไว้วางใจ

หากมีหญิงสาวที่จะทำให้เขาเปิดใจได้ในอนาคต ก็คงต้องเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขาที่ได้สัมผัสเธอ

จวงหว่านให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก เธอจึงนำปัจจัยนี้มาพิจารณาในการคัดเลือกคนงานหญิงสำหรับฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็ก

“เถ้าแก่ ดูแม่ลูกคู่นี้สิ พวกเธอเป็นคนที่อาศัยอยู่ที่ชานเมืองของสถานีเก่า ทั้งสองมีความมุ่งมั่น และทำงานหนัก อีกทั้งมีประสบการณ์ในการเลี้ยงสัตว์ คนแม่วัยสามสิบกว่า ส่วนลูกเพียงหกขวบ ฟางจือไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับพวกเขา”

ซูเถาพลิกดูข้อมูลด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่เรียกเงินตอบแทนเหรอ?”

จวงหว่านพยักหน้า “ขอแค่ไม่ตายจากความอดอยากและกระหายน้ำก็พอแล้ว ฉันก็บอกพวกเธอไปว่านี่เป็นสิ่งที่เราต้องให้อยู่แล้ว”

ซูเถาพยักหน้า “ไม่ว่ายังไง สิ่งที่ควรให้ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ควรให้ เราไม่เลือกปฏิบัติหรอกค่ะ”

จวงหว่านตอบและพูดอย่างมีความสุขว่า “เถ้าแก่ คุณจะต้องพอใจอย่างแน่นอนเมื่อเห็นพวกเธอ”

เมื่อซูเถาเห็นแม่และลูกสาวในวันรุ่งขึ้น เธอก็ประหลาดใจก่อนที่จะรู้สึกพอใจ

เธอรู้สึกเหมือนจะเคยเห็นพวกเธอที่ไหนสักแห่ง

ผู้หญิงที่แต่งตัวสะอาดสะอ้านซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอมีความตั้งอกตั้งใจเป็นอย่างมาก หญิงสาวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ประหลาดใจมากจนอยากจะเรียกอีกฝ่าย แต่ก็ไม่รู้จะเรียกเธอว่าอะไร

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ตะโกนเสียงดัง “พี่สาวคนที่ให้น้ำและอาหารเรา!”

ซูเถาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะนึก และถามอย่างลังเลว่า “ตอนนั้นที่แมวของฉันหลุดไป พวกคุณเป็นคนช่วยมันใช่ไหมคะ”

ผู้หญิงคนนั้นไม่คาดคิดว่าซูเถาจะจำเธอได้ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและพูดด้วยความขอบคุณ

“หัวหน้าซู ฉันชื่อถังฮวน และนี่คือลูกสาวของฉัน ติงตาง น้ำและอาหารที่คุณส่งมาให้พวกเรา ช่วยชีวิตเราสองแม่ลูกไว้ได้มาก ไม่งั้นพวกเราคง…”

เธอมองไปที่ลูกสาวของเธอ

ในเวลานั้นการจัดการของสถานีเก่านั้นวุ่นวายมาก มีอันธพาลมากมายที่บุกเข้าไปในบ้านเป็นระยะ ๆ เพื่อแย่งน้ำและอาหาร

แม่และลูกสาวถูกจู่โจมสองสามครั้งก่อนที่เสบียงต่าง ๆ จะหมด

เดิมทีเธอตัดสินใจที่จะขายศักดิ์ศรีของเธอ..

แต่คิดไม่ถึงว่าภายหลัง พวกเธอไม่เพียงแต่หลุดพ้นจากการอดอยาก แต่พวกเธอยังได้งานทำอีกด้วย…

ซูเถาประหลาดใจมาก มองพวกเขาขึ้นและลง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “น้ำและอาหารไม่ได้สร้างปัญหาให้คุณใช่ไหม”

ถังฮวนส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ถึงไม่มีคนมาขโมยเสบียงเลย”

ซูเถาเดาว่า สือจื่อจิ้นอาจเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นเมื่อทั้งสองคนได้เสบียงไป คงไม่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

เขาเป็นคนไม่ค่อยพูดอะไร แต่มักจะลงมือทำโดยทันที

“ไปเถอะ ฉันจะพาไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมการทำงานก่อน”

ก่อนวันสิ้นโลก ถังฮวนอาศัยอยู่กับยายของเธอในชนบท

การเลี้ยงไก่และเป็ดเป็นเรื่องธรรมดาของคนบ้านนอก เธอเรียนรู้ที่จะดูแลไก่และเป็ดตั้งแต่อายุแปดหรือเก้าขวบ

แม้จะผ่านไปหลายปี แต่เธอก็ยังจำข้อควรระวังในการเลี้ยงไก่และเป็ด รวมถึงวิธีป้องกันและรักษาโรคได้

อย่างไรก็ตาม ความทรงจำของถังฮวนเกี่ยวกับเล้าไก่และเล้าเป็ดคือเป็นแค่รั้วล้อม และหากมีความต้องการอย่างการเพิ่มเติมหรือปรับปรุง ก็นำพวกเชือกฟางหรือสร้างอิฐแดงไม้กระดานมาเสริม

เธอไม่เคยเห็นไก่และเป็ดอาศัยอยู่ใน ‘เล้าสองชั้น’

แม้แต่รั้วก็ทำจากไม้ใหม่สีขาว

มีหญ้าอยู่บนพื้นด้วยและรู้สึกเหมือนจริงเมื่อเหยียบมัน… ดูเหมือนจะมีผลไม้อยู่ไม่ไกล ถ้าจำไม่ผิด รูปร่างน่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รีแต่ไม่รู้ว่าทำไม เป็นสีขาว…

ชั่วขณะหนึ่ง เธอนึกว่าเธอกลับไปสู่ยุคก่อนวันสิ้นโลก ในวันที่มีผักผลไม้อันอุดมสมบูรณ์ส่งกลิ่นหอม…