ตอนที่ 192 ฤทธิ์ของหญ้าเพลิงเมฆาที่ผิดแผก (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่192 ฤทธิ์ของหญ้าเพลิงเมฆาที่ผิดแผก (2)

“ไม่ว่าใบหน้าของเราจะสวยปานใด แต่เมื่อกาลเวลาพ้นผ่านย่อมกลายมาเป็นเหี่ยวย่นน่าเกลียด ดังนั้นแล้วอิ๋งเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้ใส่ใจกับรูปลักษณ์ภายนอกจนเกินไป”

เซียถงกล่าวอธิบายเชิงสอนสัจธรรมชีวิต

“แต่พวกองค์ชายหรือคนใหญ่คนโตทั้งหลายล้วนแต่พินิจมองสตรีงามทั้งสิ้น และมีเพียงพวกนางเท่านั้นที่จะสามารถแต่งเข้าไปอยู่กับพวกเขา และสร้างครอบครัวที่ดีขึ้นมาได้”

ทอสายตามองเซียถงอยู่เล็กน้อย อิ๋งเอ๋อร์กล่าวตอบออกไป

ก่อนหน้านี้ คุณหนูของนางต้องเผชิญแต่ความทุกข์โศกสารพัดมากมาย แต่ในเมื่อตอนนี้มีโอกาส ในฐานะสาวรับใช้ก็ย่อมปรารถนาให้นายของตนออกไปใช้ชีวิตดั่งสตรีงามทั่วไป ได้เผยแสดงความงดงามที่ครอบครองให้เฉิดฉายต่อหน้าบุรุษเพศทุกคนให้เชยชม และได้แต่งงานออกเรือนกับผู้มีอำนาจอิทธิพล ไต่เต้าถึงจุดสูงสุดของสถานะทางสังคมที่พึงมี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนนั้น

“ไม่ ข้าจะไม่แต่งงาน”

เซียถงเหลือบอมองอิ๋งเอ๋อร์เล็กน้อยพลางกล่าวตอบ

“หากคุณหนูไม่แต่งงาน แล้วจะทำอะไรล่ะเจ้าค่ะ?”

อิ๋งเอ๋อร์เผยสีหน้าแววตาสับสนออกมาทันทีที่ได้ยินเซียถงพูดออกมาแบบนั้น

“ใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อขัดเกลาความแข็งแกร่ง ถึงเป็นสตรีเพศแต่หาใช่ว่าต้องหลบซ่อนอยู่แต่ภายใต้เงาบุรุษ บนผืนพิภพแห่งนี้ มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด หากเจ้าไม่อยากถูกรังแกหรือสบประมาทก็จงแข็งแกร่งขึ้น มีเพียงขุมพลังความแข็งแกร่งเท่านั้นที่ไม่เสื่อมโทรมตามกาลเวลา”

เซียถงกล่าวตอบ พลางมองหญ้าเพลิงเมฆาที่ลอยเคว้งอยู่ในอ่างไม้

“คุณหนู หากท่านได้มีโอกาสแต่งงานออกเรือนกับพวกตระกูลทรงอำนาจร่ำรวย ชีวิตของท่านหลังจากนี้จะไม่ถูกรังแกอีกต่อไป”

อิ๋งเอ๋อร์กล่าว

ได้ฟังดังนั้น เซียถงเหลือบสายตาเคลื่อนมองไปทางอิ๋งเอ่อร์เล็กน้อย แต่คราวนี้นางเลือกที่จะไม่ปริปากพูดอะไรอีกแล้ว ในเมื่ออธิบายไปแล้วไม่เข้าใจ ก็ไม่จำเป็นต้องเอยกล่าวอันใดต่อให้เสียเวลา

ครึ่งชั่วยามถัดมา เซียถงนำหญ้าเพลิงเมฆาออกจากอางไม้ทีแช่ไว้ สะบัดละอองน้ำให้พ้นหมด และรีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่นัดหมายกับเฉียนอวิ๋งทันทีเอส่งมอบสิ่งของ

จากระยะแต่ไกล เซียถงสังเกตเห็นอย่างชัดแจ้งว่า เฉียนอวิ๋งและซือโม่กำลังยืนรออยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

พอเห็นว่าเป็นเซียถงที่กำลังเดินทางตรงเข้ามา เฉียนอวิ๋งก็เอ่ยปากทักทายก่อนเลยว่า

“คุณหนู ข้ารอเสียนาน”

“นี่คือหญ้าเพลิงเมฆา แล้วกระบี่อยูไหน?”

เซียถงไม่พล่ำใดๆ ส่งมอบหญ้าเพลิงเมฆาในมือไปให้อีกฝ่ายโดยตรง พร้อมถามหากระบี่เล่มที่ต้องการ

“กระบี่อยู่นี่แล้ว”

เฉียนอวิ๋งยื่นกระบี่ส่งให้เซียถงโดยตรง นางหยิบกระบี่เล่มนั้นรับมาไว้ในมือ พลางโยนหญ้าเพลิงเมฆาให้อีกฝ่ายโดยตรง จากนั้นก็หมุนตัวจากออกไปทันที

ก่อนจะเดินทางกลับจวนเสนาบดีเซี่ยอีกครา นางก็แวะหาซื้อสมุนไพรระหว่างทางจำนวนหนึ่ง และทันทีที่กลับมาถึงก็วานให้อิ๋งเอ๋อร์นำสมุนไพรทั้งหมดที่ซื้อมาไปบดให้เป็นผง และนำไปไว้ในเรือนพักของเซี่ยหลู่เฟิง

เซี่ยหลู่เฟิงกำลังนอนพักฟื้นอยู่บนเตียง ทอดสายตาเหม่อมองเพดานอย่างว่างเปล่า สีหน้าในขณะนี้ออกซีดขาวเล็กน้อย ผิวพรรณดูไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นัก และทันทีที่ได้ยินเสียงเท้าเดินตรงเข้ามา เขาก็เหลือบมองไปทางด้านประตู แลเห็นเซียถงที่กำลังเดินเข้ามพร้อมรอยยิ้มแย้มประดับประดา ก็ยิ้มทักทายขึ้นว่า

“ถงถง กลับมาเยี่ยมบ้านรึ?”

เซียถงพยักหน้าเล็กน้อย วางตลับผงโอสถอันหนึ่งบนหัวเตียงแล้วกล่าวว่า

“พี่ใหญ่ ทาผงโอสถในตลับนี้ทุกวันสามเวลา บาดแผลที่เกิดจากไฟไหม้ก็จะเริ่มดีขึ้นเอง”

เซี่ยหลูเฟิงไม่แม้แต่เงยหน้ามองตลับผงโอสถด้วยซ้ำ แต่รีบใช้มือทั้งสองข้างพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล กล่าวถามขึ้นอย่างร้อนใจว่า

“ฉีหมิงเยว่เป็นอยางไรบ้าง? เจ้าพอจะทราบหรือไม่?”

คมกระบี่เล่มนั้นที่ย่าเฟิงเสียบทะลวงแผนหลังของฉีหมิงเยว่นับว่าค่อนข้างสาหัสรุนแรง สิ่งที่เซี่ยหลู่เฟิงเป็นกังวลที่สุดคือเรื่องความเป็นความตายของฉีหมิงเยว่ในขณะนี้ นอกจากนี้แล้ว พินิจจากบาดแผลทั่วร่างกายของอีกฝ่าย ก็พึงตระหนักทราบว่า ก่อนหน้านั้นน่าจะถูกทรมานมาอย่างหนัก ซึ่งนี่ยิ่งทำให้เซี่ยหลู่เฟิงเป็นกังวลเข้าไปใหญ่

เซียถงมองหน้าอีกฝ่าย สายตาคู่นี้ช่างดูทะนุถนอมยิ่งในเวลานี้ เสียงถอนหายใจเฮือกหนึ่งดังเล็ดลอดออกมา นางตอบเพียงว่า

“น่าจะสบายดี”

“เจ้าแน่ใจรึ?”

คู่คิ้วหนาขลับของเซี่ยหลู่เฟิงเปี่ยมร่องรอยความกังวไม่เสื่อมคลาย ทันทีทันใดก็รีบกุมจับมือไม้ของเซียถงไว้แน่น และถามซ้ำย้ำอีกว่า

“เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่านางสบายดี?!”

เมื่อเขาเคลื่อนไหวกะทันหันเช่นนี้ ส่งผลให้บาดแผลบริเวณหน้าอกของเขาเกิดปริแตกออกมา ปรากฏกลุ่มเลือดสีแดงสดอยู่กลุ่มหนึ่งผุดซึมออกมาจากผ้าแพรพันแผลสีขาว ทว่าดูราวกับว่าเขาจะมิได้สนใจสิ่งเหล่านั้นเลยสักนึก เอาแต่จับจ้องเซียถงแขม็งด้วยสายตาที่สุดแสนจะคาดหวัง ราวกับว่า เซียถงเป็นคนเดียวที่ทราบว่า ฉีหมิงเยว่ในขณะนี้มีสถานะเป็นตายอย่างไร

เซียถงพินิจมองใบหน้าที่ซีดขาวของเซี่ยหลู่เฟิง พลางคิดกับตัวเองในใจ หากบอกไปว่า ฉีหมิงเยว่กำลังตกอยู่ในอันตราย ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด มีหวังอีกฝ่ายได้เป็นลมหมดสติไปแน่นอน

“นางไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม? นางสบายดีใช่หรือไม่?”

เมื่อเห็นว่าเซียถงไม่ยอมตอบเสียที คู่คิ้วหนาของเซี่ยหลู่เฟิงก็ยิ่งถักเข้าหากันแน่นหนาด้วยความเป็นกังวล

“ไม่เป็นไร นางไม่เป็นอะไร”

เซียถงกุมมืออีกฝายตอบ พยักหน้ายืนยันอีกเสียงเพื่อทำให้อีกฝ่ายสบายใจ ส่วนในความเป็นจริง ต่อให้เป็นนางก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่า ฉีหมิงเยว่ในตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไร? แต่หากลองพินิจจากสภาพร่างกายของนางก่อนลงภูเขาไป ก็ไม่ควรจะเป็นอะไรที่สาหัสถึงชีวิต

“เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่า นางจะไม่เป็นอะไร?”

เซี่ยหลู่เฟิงยังคงไม่คลายใจอยู่ดี กระชับกุมมือเซียถงไว้แน่นอีกครั้ง พร้อมรอฟังคำตอบต่อจากนี้

“ข้าไม่สามารถรับประกันอะไรได้เลย”

เซียถงทราบดีว่าเซี่ยหลู่เฟิงกำลังต้องการอะไร ทว่านางไม่สามารถมอบหมายสิ่งนั้นให้อีกฝ่ายได้ จึงส่ายหัวกล่าวตอบไปตามความจริง

“ฉีหมิงเยว่ นาง…”

เซี่ยหลู่เฟิงถึงกับหน้าถอดสีซีดเซียวหนัก

“ทุกชีวิตย่อมต้องตายมิอาจหนีพ้น แต่ข้าค่อนข้างมั่นใจว่า ตอนนี้ยังหาใช่วันตายของนาง ส่วนที่ว่าอนาคตต่อไปชีวิตของนางจะเป็นอย่างไร ณ จุดนี้ข้าไม่สามารถรับประกันอะไรให้ได้!”

เซียถงรีบกล่าวปลอบประโลมจิตใจโดยไว เพราะกลัวเหลือเกินว่า เซี่ยหลู่เฟิงจะเป็นลมเข้าจริงๆ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเซี่ยหลู่เฟิงก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย

“พี่ใหญ่ สิ่งที่ท่านควรใส่ใจที่สุดในตอนนี้คือ การรักษาอาการบาดเจ็บของตน สบายใจเถอะ ฉีหมิงเยว่จะต้องไม่เป็นอะไร ถึงแม้ตอนนั้นนางจะพุ่งเข้ามารับคมกระบี่แทนท่าน แต่ตำแหน่งที่โดนแทงกลับเป็นหลังขวา มิได้เจาะทะลวงขั้วหัวใจใดๆ นี่นับว่าไม่อันตรายเท่าไหร่นัก”

เซียถงกล่าวอธิบายย้ำ เพิ่มเสริมความมั่นใจให้แก่อีกฝ่าย

เซี่ยหลู่เฟิงพยักหน้าเบาๆ พลางคลายมือออกจากเซียถง และกลับไปนอนพักผ่อนบนเตียงอีกครั้ง

หลังจากพูดคุยกับเซี่ยหลู่เฟิงอีกสองสามคำ เซียถงก็มอบโอสถระงับโลหิตให้แก่คนรับใช้ข้างกายของอีกฝ่ายไป ทั้งยังกำชับสั่งการอีกว่า ต้องให้เซี่ยหลู่เฟิงทานยาให้ตรงเวลา

เมื่อเดินออกจากเรือนพักของเซี่ยหลู่เฟิง แววประกายดิบเถื่อนก็ส่องแสงสะท้อนออกมาจากนัยต์ตาทั้งสองข้างของเซียถง คนที่ทำให้เซี่ยหลู่เฟิงมีสภาพเป็นเช่นนี้ก็คือ ไป๋หลี่เย่กับไป๋หลี่อวี๋อิง!

ในส่วนของไป๋หลี่อวี๋อิง แค่หญ้าเพลิงเมฆาในวันนี้ก็นับว่าเพียงพอสำหรับนางแล้ว