ตอนที่ 180 ตัดสินใจทำเรื่องสะเทือนฟ้าสะท้านแผ่นดิน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 180 ตัดสินใจทำเรื่องสะเทือนฟ้าสะท้านแผ่นดิน

เย่หลานเฉิงที่ยกมือปิดปากหนานหนานถึงกับตกใจ จนเกือบกระโดดดีดตัวขึ้น

เสิ่นอิงถึงกับเกร็งไปทั้งตัว เขาเตรียมพร้อมลงมือตลอดเวลา จะปล่อยให้ทหารองครักษ์สองคนนี้ทำร้ายหนานหนานไม่ได้

ผู้พิทักษ์ทมิฬที่ซ่อนอยู่ในมุมมืดก็เตรียมความพร้อมเช่นกัน หากทหารองครักษ์ทั้งสองคนนั้นลงมือกับหนานหนานและเฉิงซื่อจื่อ พวกเขาก็จะจัดการกับสองคนนี้อย่างไม่ลังเล

ตอนที่พวกเขากำลังตื่นตัวกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด จู่ ๆ หน้าประตูกลับมีเสียงเบา ๆ ดังขึ้น “ข้าเอง”

ทุกคนถึงกับชะงัก ประตูห้องถูกใครบางคนผลักให้เปิดอออก ใบหน้าที่หยิ่งผยองของท่านหมอเสิ่นปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน เขาเหลือบมองทหารองครักษ์สองคนที่อยู่ในห้อง กล่าวว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อดูแผลบนตัวให้เขา”

ครั้นประตู คนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องก็พบว่าท้องฟ้าจากด้านนอกเริ่มสว่างแล้ว ท่านหมอเสิ่นสาวเท้าเข้ามาพร้อมกับกระเป๋ายาที่สะพายอยู่ด้านหลัง

เสิ่นอิงลอบถอนหายใจ หลับตาลงเล็กน้อย เม้มปากอีกครั้งเผชิญหน้ากับท่านหมอเสิ่นด้วยท่าทางไม่แยแส

เย่หลานเฉิงและผู้พิทักษ์ทมิฬรู้สึกผ่อนคลายลง ทั้งยังลอบถอนหายใจออกมา

หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความมึนงง หันมองเย่หลานเฉิงก่อนจะขมวดคิ้ว เกลียดชะมัด มีคนเข้ามาแล้ว แผนของเขาไม่สามารถดำเนินการได้อีกแล้ว เกลียดชะมัด ช่วยท่านลุงเสิ่นออกมาไม่ได้แล้ว

“วันนี้ท่านหมอเสิ่นมาเช้าจริง ๆ” ทหารองครักษ์สองคนนั้นดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าเป็นเขา ทว่าก็แอบถอนหายใจออกมา แย้มยิ้มพลางรับกล่องยาจากหมอเสิ่น

“ข้ามาติดตามอาการขององค์ชายเจ็ด ได้ยินมาว่าเมื่อวานมีนักฆ่าเข้ามาสร้างความวุ่นวายในวัง ภายในใจเกิดความกังวล จึงรีบมาดูเร็วสักหน่อย แต่ดูเหมือนว่าจะมาเร็วเกินไป องค์ชายเจ็ดยังพักผ่อนอยู่ ข้าก็เลยแวะมาที่นี่เพื่อดูบาดแผลของเขา” ท่านหมอเสิ่นชี้ไปที่เสิ่นอิง หน้าตาดูเย่อหยิ่งราวกับกำลังให้ทานก็มิปาน

เพียงแต่ภายในใจของเขากำลังเกิดความกังวล กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงบอกให้เขารักษาบาดแผลบนตัวของเสิ่นอิงให้หายห้ามเห็นบาดแผลภายในระยะเวลาห้าวัน นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต่อให้แผลตกสะเก็ดไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น หากไม่ขยันทายาดี ๆ ให้เขา กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงคงคิดว่าเขาไม่ใช่หมอปีศาจตัวจริง แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ก็ยังทำได้ไม่ดี

ทหารองครักษ์ทั้งสองคนนั้นพยักหน้าด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “สมกับที่ท่านหมอเสิ่นเป็นหมอปีศาจ จรรยาบรรณแพทย์ช่างสูงส่ง ไม่แปลกใจที่กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงให้ความสำคัญกับท่านขนาดนี้”

หมอปีศาจ? ท่านหมอเสิ่นอะไรนี่คือหมอปีศาจ?

หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดถึงมีหมอปีศาจโผล่ขึ้นมาอีกคน? ไม่ถูกสิ คราวก่อนตอนที่เขาอยู่หลังเขาเทียมดูเหมือนจะได้ยินท่านหมอเสิ่นอะไรนี่คือหมอปีศาจด้วย

ไม่หรอกมั้ง นักต้นตุ๋นคนนี้ยังอยู่ในวัง ยังหลอกลวงคนอื่นอยู่อีกหรือ?

หนานหนานทำแก้มป่อง รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก ใช้ชื่อของท่านแม่มาหลอกคนอื่น ระวังจะถูกฟ้าผ่าตาย

ท่านหมอเสิ่นได้ยินคำชมเช่นนี้ ย่อมแสดงท่าทางสูงส่งขึ้น “แพทย์ควรมีหัวใจของความเป็นบุพการี ข้าไม่ได้ทุ่มเทสุดแรงกายแรงใจเพียงเพราะได้รับความสนใจจากเหนียงเหนียง พวกเจ้าเองก็เช่นกัน ในฐานะทหารองครักษ์ ตราบใดที่ทำหน้าที่ของตนเองคุ้มกันตำหนักอี๋ซิ่งแห่งนี้ให้ดี นั่นต่างหากคือประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่สุด”

“ขอรับ ขอรับ ท่านหมอเสิ่นพูดถูก” ทหารทั้งสองคนหันสบตากัน ภายในใจก็อดไม่ได้ที่จะสบถ นี่มันอะไร คิดว่าตนเองเก่งมากนักหรือ ถึงได้มีหน้ามาสอนพวกเขาด้วยท่าทางโอหังเช่นนี้?

หากมิใช่เพราะกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงต้องการเขาในตอนนี้ คิดว่าเขาจะได้มายืนทำตัวเย่อหยิ่งเช่นนี้หรือ? หลังจากนี้หากมีหมอที่มีทักษะทางการแพทย์ดีกว่านี้ เกรงว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียงคงเตะเขาทิ้งไปนานแล้ว

ทว่าใต้หล้าแห่งนี้ คนที่สามารถนำมาเทียบกับหมอปีศาจได้คงมีแค่หมออาวุโสฉงซาน วันใดที่หมออาวุโสฉงซานมาที่วัง ดูสิว่าเขาจะยังจะมีความสามารถทำตัวเย่อหยิ่งอะไรได้อีก

ทั้งสองคนแอบคิดอยู่ในใจ ทว่ามือกลับช่วยกันพยุงเสิ่นอิงขึ้นมาเพื่อให้ท่านหมอเสิ่นรักษา

ยาที่ท่านหมอเสิ่นใช้เป็นยาที่ดีที่สุดของไท่อีเยวี่ยน เขาคือหมอปีศาจ แม้ว่าบุคลิกของเขาจะไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่หมอหลายคนภายในไท่อีเยวี่ยนต่างก็ทำได้เพียงแค่ขับไล่เขาอยู่ในใจ เขาอยากใช้อะไรหรือทำอะไร ภายใต้คำสั่งของเหมิงกุ้ยเฟย พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้ท่านหมอเสิ่นพึงพอใจ

เสิ่นอิงปล่อยให้อีกฝ่ายทาชา ทว่าหูกลับเงี่ยฟังอย่างระมัดระวัง เพื่อฟังความเคลื่อนไหวใต้หน้าต่างที่อยู่ด้านนอก

หนานหนานขมวดคิ้ว ตอนนี้ในหัวของเขากำลังทะเลาะกัน ความคิดด้านหนึ่งคือจะช่วยเสิ่นอิงออกมาอย่างไร ส่วนอีกด้านหนึ่งกำลังคิดว่าจะเปิดโปงใบหน้าที่แท้จริงของหมอปีศาจดีหรือไม่

ความคิดมากมายเบียดอยู่หัวรวมเข้าด้วยกัน ไม่สามารถดึงความคิดใดความคิดหนึ่งออกมาได้เลย

ในเวลานี้ ภายในห้องเกิดเสียงของทหารอารักขาทั้งสองคนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

“ท่านหมอเสิ่น ได้ยินมาว่าหลังจากนี้อีกเจ็ดวันท่านจะประลองทักษะทางการแพทย์กับหมอหญิงภายในโรงเตี๊ยมนอกวัง นี่คือเรื่องจริงหรือ?”

ท่านหมอเสิ่นช้อนสายตามองทั้งสองคนนั้น แค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง “พวกเจ้ารู้ข่าวไวจริงนะ ก็ไม่ถึงกับประลองหรอก ข้าก็แค่สั่งสอนพวกเด็กๆ เล็กน้อยเท่านั้น”

เสิ่นอิงถึงกับเยาะเย้ย เจ้าน่ะหรือที่มีค่าคู่ควรที่จะตักเตือนแม่นางอวี้? ถึงเวลานั้นตายอย่างไรก็ยังไม่รู้ตัวเลย

ทหารองครักษ์สองคนนั้นหันสบตากัน แอบถ่มน้ำลายอยู่ในใจ ทว่าบนใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้ม “นั่นสิ ใครกันถึงได้ทำตัวมุทะลุกล้ามาประลองกับหมอปีศาจของเรา พวกเด็กหนุ่มสาวเดี๋ยวนี้ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย กล้ามาท้าทายคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งอย่างท่านหมอเสิ่นได้ ท่านหมอเสิ่น ถึงเวลานั้นพวกเราสองคนจะไปสลับเวรกับคนอื่น เพื่อไปเป็นกำลังใจให้ท่านหมอเสิ่น ท่านคิดเห็นอย่างไร?”

อันที่จริงพวกเขาอยากเห็นท่านหมอเสิ่นเสียหน้ามากกว่า ได้ยินมาว่าแม่นางคนนั้นได้รับการปกป้องจากท่านอ๋องซิว คนที่ท่านอ๋องซิวให้ความสำคัญ ทักษะทางการแพทย์คงไม่เลวร้าย บางทีอาจมีความหวังเล็ก ๆ ที่ทำให้ท่านหมอเสิ่นพ่ายแพ้ย่อยยับ

ท่านหมอเสิ่นเลิกคิ้ว พ่นลมหายใจจนเคราพัดกระพือ ก่อนจะพยักหน้าราวกับมีความเมตตา “ก็ดีเหมือนกัน ถึงเวลานั้นพวกเจ้าสองคนไปกับข้าก็แล้วกัน เหอะ ข้าว่าแม่สาวน้อยไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนั่นแค่เห็นท่าทางของข้าก็คงกลัวแล้ว ถึงเวลานั้นอย่ากลัวจนไม่กล้าออกมาก็แล้วกัน”

ประลอง? ประลองทักษะทางการแพทย์?

หมอปีศาจตัวปลอมคนนี้จะประลองทักษะทางการแพทย์กับคนอื่น?

ดวงตาของหนานหนานเป็นประกาย จู่ ๆ ภายในใจก็เกิดความคิด

เยี่ยมมาก แผนนี้นี่แหละ

เย่หลานเฉิงจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดสีหน้าของหนานหนานถึงเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ ยังไม่ทันที่เขาจะคิดออก หนานหนานก็ใช้โอกาสตอนที่คนในห้องกำลังเยินยอกันและไม่ได้สนใจอะไร ดึงเย่หลานเฉิงออกมาอย่างเงียบ ๆ

เย่หลานเฉิงแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เสิ่นอิงที่อยู่ในห้องก็โล่งอกเช่นกัน โชคดีที่ออกไปแล้ว มิเช่นนั้นหัวใจของเขาคงได้ถูกบดขยี้จนแหลก

หนานหนานพาเย่หลานเฉิงออกห่างจากทหารองครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ อย่างระมัดระวัง โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงเปลี่ยนกะของทหารยาม ทั้งสองคนจึงใช้ช่องโหว่นี้รีบวิ่งออกจากตำหนักอี๋ซิ่ง

เงาของทั้งคู่แวบผ่านไป แม้จะมีขันทีและนางข้าหลวงเห็น แต่ก็ทำแค่เพียงขยี้ตาด้วยความสงสัยว่าเป็นเพราะตนเองตาฝาดหลังตื่นนอน

หนานหนานดึงเย่หลานเฉิงเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตลอดทาง ก่อนจะกลับมาที่เรือนหลังเล็กของตนเองอีกครั้ง

ดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกาย ตัดสินใจในสิ่งที่ตนเองคิดว่าดีและสะท้านฟ้าสะเทือนแผ่นดินมากที่สุด “เสี่ยวเฉิงเฉิง ข้าตัดสินใจว่าจะออกจากวัง ข้าอยากไปดูการประลองของหมอปีศาจตัวปลอมนั่น จากนั้น…ด้วยตนเอง…จำไว้นะ….ต้องทำด้วยตนเอง เปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของคนคนนั้นต่อหน้าคนอื่นด้วยตนเอง”

“…” เย่หลานเฉิงถึงกับตกใจจนเข่าอ่อน นั่งจุมปุ๊กลงบนพื้นทันที

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นับว่าโชคดีไปที่หมอเสิ่นเจิ้นนี่เข้ามาพอดี ไม่งั้นก็คงเน่าอยู่ในนั้นแหละหนานหนานเอ๊ย

ไหหม่า(海馬)