ตอนที่ 92: ที่รัก ผมขอยืมเงินหน่อยสิ 2

ทันทีที่คิดเช่นนั้น เตเบซก็หันไปมองทิมพร้อมกับส่งสายตาราวกับต้องการความช่วยเหลือ “ขอคําแนะนําหน่อยสิ” หลังจากนั้น ทิมก็พลันวิเคราะห์สีหน้าไม่แยแสของเสี่ยวเฉิงอย่างใจเย็น ไม่นานนัก ทิมก็พลันกล่าวคําพูดกับเตเบซ “สุภาษิตของจีนกล่าวเอาไว้ว่า…. จงใช้โอกาสที่มีและกล้าเสี่ยงกับโชคชะตาของตัวเอง แม้แต่จักรยานก็สามารถกลายเป็นมอเตอร์ไซค์ได้ ขนาดสิ่งสกปรกก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็นทองได้ ฉันว่าตอนนี้ไพ่บนมือของนายดีพอที่จะเสี่ยงเดิมพันกับหมอนั่นแล้วล่ะ!”

ทันทีที่ได้ยิน เตเบซก็พลันคิดว่าทิมพูดถูก ลําพังตัวเตเบซเองก็โดนเสี่ยวเฉิงกดดันมาตลอดทั้งเกมแล้ว นี่ก็เป็นแค่การพนัน และเขาเองก็มีคอมโบใหญ่อยู่ในมือ ในรอบนี้ ดูเหมือนว่าเตเบซจะมีอัตราการชนะมากกว่า!

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เตเบซก็พลันตัดสินใจ ในเวลาเดียวกัน เตเบซก็พลันหรี่ตาลงและมองไปยังเสี่ยวเฉิงพร้อมกล่าวคําพูด “ใช่ไหม? ได้เลย ฉันจะบอกอะไรให้นะ คราวนี้นายเตรียมตัวกู้เงินมาเล่นได้เลย! เพราะฉันขอลงเพิ่มอีกห้าสิบล้าน!”

จากนั้น เตเบซก็ผลักชิปมูลค่าห้าสิบล้านหยวนไปไว้ตรงกลางโต๊ะทันที

“ดีมาก ฉันชอบเวลาที่คู่ต่อสู้เด็ดเดี่ยวแบบนี้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ฉันจะขอเพิ่มเงินพนันอีกห้าสิบล้านด้วยก็แล้วกัน! ว่าไงล่ะ?”

ทว่า เตเบซเองก็ไม่คาดคิดเลยว่าเสี่ยวเฉิงจะกล้าวางเดิมพันเพิ่มอีกครั้ง!

ทันใดนั้น ทิมที่นั่งอยู่ข้างกายก็พลันกล่าวคําพูดกับเตเบซ “ฉันลองนับไพ่ดูแล้ว โอกาสที่หมอนั่นจะได้ไฟเบอร์ตองมีเพียงแค่ 12 % และโอกาสที่มันจะได้ไพ่เรียงตัวเลขกันก็มีแค่ 5% ซึ่งนั่นหมายความว่าโอกาสชนะของนายคือ 88% เพราะแบบนั้น ฉันว่ารอบนี้นายชนะหมอนั่นได้แน่เพื่อน!”

ทว่า เตเบซในตอนนี้ก็ยังอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก อันที่จริง เขาจะชนะด้วย จํานวนเงินที่มีตอนนี้ เขาก็แค่จะได้เงินทั้งหมดที่เสียให้เสี่ยวเฉิงตั้งแต่แรกคืนมาเท่านั้น แต่จะไม่ได้กําไรอะไรเลย หากคิดแบบนั้นแล้ว เขาก็ยังไม่ชนะเสี่ยวเฉิงเสียทีเดียว เพราะเป้าหมายจริง ๆ ขอ เตเบซก็คือทําให้เสี่ยวเฉิงหมดตัวและไม่มีแม้แต่ทรัพย์สิน

และหากเตเบซต้องการบรรลุเป้าหมายนั้น เขาก็ต้องไปแลกชิปเพิ่ม เพื่อให้เสี่ยวเฉิงยอมทุ่มเงินมากกว่าเดิม!

ในตอนนี้ เนื่องจากเสี่ยวเฉิงมีเงินมากกว่าหนึ่งร้อยล้านอยู่ในฝั่งของตัวเอง ถ้าเตเบซชนะ เขาก็จะไม่ได้ไม่เสีย อีกทั้ง เตเบซยังจะได้สอนบทเรียนให้กับเสี่ยวเฉิงอีกด้วย

ทันทีที่คิดเช่นนั้น เตเบซก็พลันเอาเงินหุ้นในคาสิโนออกมา 5% จากทั้งหมดที่มีอยู่ 20% พร้อมกับแลกเป็นชิปมูลค่าหนึ่งร้อยห้าสิบล้านหยวน ไม่นานนัก เตเบซก็ผลักชิปทั้งหมดไปที่กลางโต๊ะ พร้อมกล่าวคําพูด “ฉันขอลงหนึ่งร้อยห้าสิบล้านหยวน นายกล้าที่จะสู้ไหมล่ะ?”

เตเบซพลันพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาและครุ่นคิด ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่นายเท่านั้นหรอกนะที่สามารถทําให้คู่ต่อสู้กลัวหัวหดได้นะ ครั้งนี้ฉันยอมทุ่มหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน และถ้าคอมโบในมือนายไม่ใหญ่พอ นายก็คงจะไม่กล้าสู้ต่อ และหมดตัวของจริงแน่!

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันหรี่ตาลงและมองดูเตเบซอย่างเคร่งเครียด

หลินจื้อซือที่นั่งอยู่ข้างเสี่ยวเฉิงพลันกังวลว่าเสี่ยวเฉิงจะตกอยู่ในขุมนรกของการพนัน และต้องลงเอยด้วยการสูญเสียเงินทั้งหมดที่ตัวเองมี ด้วยเหตุนั้น เธอจึงดึงแขนเสื้อของเสี่ยวเฉิงและกล่าว คําพูด “ฉันว่านายพอเถอะนะ ถ้านายจะไม่สู้ต่อก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเราจะแพ้ในตานี้ เราก็ยังคุ้มทุนอยู่ดี ไม่ได้ไม่เสียนะ”

เสี่ยวเฉิงพยักหน้า แต่ทว่า เขาก็พลันเปลี่ยนประเด็นและถามหลินจื้อซือ “ตั้งแต่เราสองคนแต่งงานกันมา ดูเหมือนว่าฉันไม่เคยให้ของขวัญแต่งงานที่เป็นเหมือนเครื่องหมายแทนใจกับเธอเลยใช่ไหม?”

หลินจื้อซือพลันตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้น เธอก็พลันกระซิบข้างหูเสี่ยวเฉิง ” ทําไมนายถึงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?”

เสี่ยวเฉิงเผยยิ้ม “ยังไงก็เถอะ ถ้าฉันชนะ ฉันจะซื้อของขวัญให้เธอเอง”

หลินจื้อซือพลันรู้สึกเขินอายทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น อีกทั้ง เธอเองก็ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง หลินจื้อซือจึงหันหน้าไปแอบยิ้มอีกทางแทน อันที่จริง นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่ทั้งสองจีบกันแบบนี้ และ หลินจื้อซือเองก็ไม่คุ้นชินกับเรื่องนี้เลยด้วย ทว่า ใบหน้าขาวนวลราวกับหิมะของหลินจื่อซือในตอนนี้ก็เริ่มแดงขึ้น พร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นอย่างรวดเร็ว

ทว่า เงินในบัตรเครดิตของเสี่ยวเฉิงก็หมดแล้วด้วย และเสี่ยวเฉิงเองก็จะไม่ยอมวางอสังหาริมทรัพย์ของตนเองลงมาเป็นหลักประกันแน่นอน เพราะมันจะทําให้หลายอย่างลําบากเกินไป จากนั้นไม่นาน เสี่ยวเฉิงก็พลันหันหน้าไปหาหลินจื้อซือพร้อมกับถามขึ้น “ที่รัก ครั้งนี้ผมขอยืมเงินคุณ เพื่อปล่อยของหน่อยได้ไหม?”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หลินจื้อซือก็พลันหลุดหัวเราะออกมาทันที เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะโกรธหรือหัวเราะออกมาดี เธอยังคิดอีกด้วยว่าเสี่ยวเฉิงกล่าวคําพูดออดอ้อนออเซาะเมื่อครู่ออกมา เพื่อที่จะขอยืมเงินเธอหรือเปล่า

ทันใดนั้น หลินจื้อซือก็พลันตอบกลับ ”ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฉันหาเงินได้ไม่ถึงสองร้อยล้านหยวนด้วยซ้ํา อีกอย่าง ถ้านายเสียเงินทั้งหมดนี้ไป ฉันก็จะต้องขายตัวเองให้กับบริษัทเลยล่ะ”

แม้ว่าเธอจะพูดเช่นนั้นออกมา แต่หลินจื้อซือก็ยังคงยื่นกระเป๋าของตัวเองให้กับเจ้าหน้าที่คาสิโนเพื่อไปแลกชิป

ทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงต้องการเพิ่มเงินเดิมพันเพื่อสู้ต่อ เตเบซก็พลันรู้สึกประหม่าอีกครั้ง!

ในตอนนั้นเอง ทิมที่นั่งอยู่ข้างกายก็พลันกล่าวคําพูดออกมา “ถ้าอยากชนะ นายก็ต้องอดทนให้มากกว่านี้หน่อยนะเพื่อน”